เกษตร

  10 มีนาคม 2568 ที่วิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวและแปรรูป อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท พล.อ.อ. อำนาจ จิระมณีมัย รองเลขาธิการพระราชวัง ประธานในพิธีโครงการต้นแบบ \”ชาวนาจิตอาสา เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ เลิกเผาฟางข้าว ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 6 รอบ 72 พรรษา\”   ภายในงานมีพิธีกล่าวถวายราชสดุดีและถวายพระพรชัยมงคล จากนั้นตัวแทนชาวนาจิตอาสา กล่าวคำปฏิญาณ \”เลิกเผาฟาฟางข้าว\”   สาธิตการจัดการฟางข้าวอย่างยั่งยืน การเก็บอัดฟางข้าว การขนส่งและรวบรวม เพื่อเตรียมการส่งต่อในอุตสาหกรรมต่างๆ การทำปุ๋ยอินทรีย์จากฟางข้าว การนำฟางข้าวไปผลิตพลังงานชีวมวล เพื่อลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล และการเสวนาการบริหารจัดการฟางข้าวอย่างครบวงจร การสร้างเครือข่ายและการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการฟางข้าว พลเรือตรีวิรัตน์ จันทร์แสงศรี  ผบ.ยุทธวัง ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายอำนวยการศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน กล่าวว่า โครงการต้นแบบชาวนาจิตอาสา “เลิกเผาฟางข้าว” ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 6 รอบ 72 พรรษา มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 […]

ชาวนาขอถามคนต้นคิดเรื่องปลูกกล้วยในนาข้าว ต่อไปทางรัฐมันตรีหรือรัฐบาลจะกินกล้วยแทนข้าวกันหรือยังไง น่าจะมาดูแลเรื่องราคาข้าวหรือเงินช่วยเหลือมากกว่าทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย เวลา 08.00 น.วันที่ 10 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้ไปพบกับ นางจำรูญ เก่งธัญกรรม อายุ 70 ปี ซึ่งมีผืนนาอยู่กว่า 10 ไร่ที่ หมู่ที่ 3 บ้านหมกแถว ตำบลหมกแถว อำเภอหนองขาอย่าง จังหวัดอุทัยนธานี ซึ่งได้ให้ความคิดเห็นในเรื่องที่ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ออกมาให้ความเห็นว่าหากราคาข้าวนั้นตกต่ำมาก ก็น่าจะมาปลูกกล้วยแทน  นางจำรูญ นั้นบอกว่านาข้าวนั้นก็ไม่ใช่จะเอาอะไรมาปลูกได้ซึ่งตั้งแต่การปรับสภาพดินแล้ว ซึ่งจะปลูกได้ก็เพียงข้าวเท่านั้น จะเอาอะไรมาปลูกแซมหรือทดแทนเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย แล้วถ้าเกิดปลูกได้จริง ๆ ชาวนาทั่วประเทศปลูกกล้วยกันจริงๆแล้วจะเอาตลาดที่ไหนมารองรับต่างประเทศจะมารับซื้อจริงหรือ หากมันมีปัญหาล้นตลาดแล้วจะทำอย่างไรหากปลูกได้จริงๆ ทางรัฐบาลน่าจะมาเอาใจใส่ในเรื่องแหล่งน้ำที่ทำนามากกว่าเพราะในแต่ละพื้นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือความแห้งแล้ง ซึ่งก็ต้องยอมรับในชะตากรรมในเรื่องนี้มาตั้งแต่เริ่มทำนาในสมัยเป็นสาวจนมาถึงอายุป่านนี้ก็ยังคงไม่พ้นเรื่องนี้ แต่ด้วยพ่อและแม่นั้นทำมาก่อนและทิ้งผืนนาไว้ให้ก็ต้องสืบต่ออาชีพของครอบครัว นางจำรูญได้พาไปดูสระกักเก็บน้ำหรือที่เรียกกันติดปากว่าสระหลวง ซึ่งในหมู่บ้านหมกแถวแห่งนี้ทำนากันเยอะหลายพันไร่อยู่แหล่งน้ำทำนาอาศัยสระที่ทาง อบต.หรือทางเกษตรจังหวัดแห่งนี้เพียงสระเดียวเท่านั้นแต่มันไม่เพียงพอเพราะละแวกนี้มีเพียงสระน้ำสระเดียวที่ขุดไว้กักเก็บไว้นานแล้วในตอนนี้ก็แห้งขอดจนลงไปจับปลากันแทนแล้วหากบ้านไหนนั้นไม่ทำนาเพราะคิดว่าเสี่ยงเพราะขืนทำนาก็ไม่มีข้าวให้เกี่ยวจึงต้องหยุดไปเพราะแล้งนั้นมาเร็วกว่าทุกปี สิ่งที่เลี้ยงปากท้องเกษตรชาวนาได้ก็อาศัยปลาในสระนี้เองอย่างน้อยก็ไว้ทำกับข้าวได้หรือทำปลาเกลือไว้กิน โดยชาวนานั้นแย่งน้ำกันสูบจนแห้งขอดหมดแล้วซึ่งหากช่วยอยากให้มีการสำรวจว่าพื้นที่ไหนแล้งและมีคนทำนากี่ครัวเรือนแล้วมาแก้ไขโดยการหาแหล่งน้ำเพิ่มให้จะดีกว่าในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เช่นสนับสนุนให้ปลูกกล้วยอย่างที่บอกมา การปลูกข้าวนั้นหากให้ปุ๋ยน้อยไปก็จะออกรวงไม่สวยแต่ถ้าหากใส่เยอะก็เป็นการเพิ่มต้นทุนไปออีกทั้งที่ราคาขายข้าวยังคงเท่าเดิมโดยไม่มีทีท่าว่าจะขยับเลยและดูเหมือนทางรัฐบาลจะไม่ใส่ใจในเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำไป ขณะเดียวกันในตอนนี้ราคาปุ๋ยยาก็แพงหรือขึ้นราคาจนต้องเพิ่มต้นทุนในการทำนาแต่ละครั้งต่อหนึ่งไร่จะลงทุนประมาณ 6,000 กว่าบาทเข้าไปแล้ว  แต่พอไปขายได้เกวียนละ 6,000 บาทถ้วน อยากให้พยุงราคาข้าวขึ้นมาเป็นเกวียนละ 8,000

เมื่อเวลา 16.30 น.( 7 มี.ค. 68) ที่ ลานอเนกประสงค์เขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก นายธนวัฒน์ ปิ่นแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก เป็นประธานในพิธีเปิดงานเกษตรนครนายก ปี 2568 โดยมีนางสุดา ยาอีด เกษตรจังหวัดนครนายก ได้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงานเกษตรนครนายก โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำชุมชน คณะครู นักเรียน และประชาชน เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ภายในงานมีสินค้าเกษตรแปรรูป จากเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ องค์กรเกษตรกร สินค้า OTOP/SMEs นิทรรศการ ร่วมออกร้านจัดแสดง และจำหน่ายสินค้ามาบริการจำนวน 85 คูหา มีกิจกรรมประกวดแข่งขัน กิจกรรมการเกษตร ผลผลิตทางการเกษตร/ผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตร นิทรรศการฯแสดงผลการประกวด การสาธิตกิจกรรมการเกษตร กิจกรรมส่งเสริมการขาย ส่วนทางด้านกิจกรรมความบันเทิงการแสดงดนตรีจากศิลปิน วันที่ 6 มีนาคม 2568 พบกับศิลปิน กิ้ก รุ่งนภา วันที่ 7 มีนาคม 2568

  สตูลผักกูดผักยอดฮิตรับนักท่องเที่ยวเกษตรเตรียมขยายพื้นที่รองรับความต้องการ ผักกูดเป็นผักที่ปลูกง่าย ยิ่งเป็นผักปลอดสารพิษยิ่งเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะพื้นที่ต.น้ำผุด อ.ละงู จ.สตูลชาวบ้านหันมาปลูกผักกูดเพื่อส่งตามรีสอร์ทล่องแก่งต่างๆที่มีอยู่ในพื้นที่กว่า 30 แห่ง ซึ่งทุกแห่งเมนูหลักส่วนใหญ่จะเป็นอาหารพื้นถิ่นและเมนูผักกูดก็เป็นเมนูหลักที่ใช้ทำอาหารในแต่ละมื้อ จนความต้องการมีมากแต่ผลผลิตมีไม่เพียงพอทางเกษตรอ.ละงูจึงวางแผนที่จะขยายพื้นที่การปลูกผักกูดในพื้นที่หมู่ 10 บ้านวังนาใน ต.น้ำผุดให้มากยิ่งขึ้นเนื่องจากมีสภาพอากาศที่เหมาะแก่การปลูกผักกูดปลอดสารพิษ นายประสิทธิ์ คงอาสา วิสาหกิจชุมชนวังสายทอง กล่าวว่าตนเปิดท่องเที่ยวล่องแก่งมากว่า 30 ปีแล้ว ที่ผ่านมาเมนูผักกูดเป็นเมนูหลักในการต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะยำทะเลผักกูด และผักกวดลวกน้ำกะทิ เป็นเมนูหลักที่นักท่องเที่ยวเมื่อมาแล้วต้องชิม ส่วนรีสอร์ทอื่นก็จะมีเมนูผักกูดเช่นกันแต่ละแห่งทำเมนูไม่เหมือนกันแต่มีผักกูดเป็นจานหลัก โดยส่วนใหญ่จะเน้นอาหารพื้นถิ่นนอกจากผักกูดก็จะมีแกงเลียง น้ำพริกผักสด น้ำพริกผักลวก แกงไก่บ้านหยวกกล้วย ฯลฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนซื้อผักกูดจากตลาด ต่อมามีชาวบ้านปลูกขายก็จะมาส่งที่รีสอร์ท ต่อมาตนได้ปรับพื้นที่ทำเป็นฐานเรียนรู้ปลูกพืชแบบผสมผสาน นอกจากพืชหลักคือผักกูดแล้ว ยังมีผักพื้นบ้านต่างๆเช่นผักเหลียง ดาหลา กาแฟ กล้วย ต้นชะมวง มันปู หมุย และผลไม้ต่างๆ เพราะต้องการให้นักท่องเทียวได้กินอาหารที่สด สะอาดเพราะเราปลูกเอง ปลอดภัยจากสารพิษ ลดค่าใช้จ่ายเพราะเราปลูกเอง รวมทั้งสร้างเป็นกิจกรรมให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาด้วย โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเก็บผักและผลไม้มาทำอาหารได้ ซึ่งการปลูกผักกูดให้เก็บได้ตลอดทั้งปีเราต้องตัดแต่งกิ่งอยู่ตลอด กิ่งที่ตัดไปก็กลายเป็นปุ๋ย ด้านน.ส.มนัสนันท์ นุ่นแก้ว เกษตรอ.ละงู จ.สตูล กล่าวว่า

คุณยายวัย 73 ปีใช้พื้นที่ว่างครึ่งไร่ ปลูกผักสดและทำผักดองขายมีรายได้วันละไม่ต่ำกว่า 700-800 บาททุกวัน โดยเฉพาะผักดองมีเคล็ดลับที่ทำให้ผักสวยกรอบ จนลูกค้าติดใจแม่ค้าคนกลางรับซื้อแบบไม่อั้นทำเท่าไหร่ไม่เคยพอ นางลัดดา ทองมาก อายุ 73 ปีอยู่บ้านเลขที่ 31 หมู่ 11 ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล ด้วยความที่เป็นคนร่างเล็กแข็งแรงดูไม่แก่ ชาวบ้านจึงเรียกกันติดปากว่าป้าดา ใช้พื้นที่ประมาณครึ่งไร่ปลูกผักขาย เช่นกระหล่ำปลี ผักกาดขาว ผักกาดเขียวปลี ผักเสี้ยน กระเพรา มะระขี้นก ฯลฯ โดยทำเป็นพืชหมุนเวียน โดยเฉพาะผักเสี้ยนและผักกาดเขียวปลี นำมาดองขายมีแม่ค้ารับซื้อไม่อั้น ทำมากว่า 50 ปีแล้วเลี้ยงลูกมาจนโตจากการทำผักเสี้ยนดองและผักกาดดองขาย คุณยายลัดดา เล่าให้ฟังว่าเมื่อ 50 ปีก่อนตนปลูกเฉพาะผักเสี้ยน เพื่อดองขายโดยมีแม่ค้าจากตลาดละงู ตลาดทุ่งหว้ามารับไปขายวันละ 100 ถุงผักเสี้ยนของตนใช้เวลาดองเพียง 3 วันก็จะมีความเปรี้ยว มีสีสวยเพราะตนมีเคล็ดลับพิเศษที่ไม่ใช้สารเคมีใดๆ เพียงปลูกผักเสี้ยนแดงและผสมไปตอนดองก็จะให้น้ำมีสีแดงสวย สำหรับผักเสี้ยนที่ปลูกใช้เวลาปลูกเพียง 25 วัน ใส่ปุ๋ยรดน้ำก็สามารถเก็บยอดมาดองได้แล้ว หลังจากเก็บยอดรอบแรกปล่อยทิ้งไว้อีกให้แตกยอดใหม่อีก 5 วันก็สามารถเก็บยอดต่อได้เรื่อยๆโดยผักเสี้ยน 1

ชาวนาจังหวัดนครสวรรค์วอนรัฐช่วยประกันราคาข้าวตันละ 11,000 บาท  ยันไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลแจกเงินให้ไร่ละ 1,000 บาท 10 ไร่  นครสวรรค์-ชาวนานับพันคนเดินทางชุมนุมบริเวณศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์พร้อมถือป้ายข้อความโจมตีรัฐบาล  กระทรวงเกษตรฯและกระทรวงพานิชย์  ถึงปัญหาราคาข้าวตกต่ำ  สินค้าราคาแพง  และไม่เห็นด้วยที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ได้พิจารณาและเห็นชอบในมาตรการการสนับสนุนช่วยเหลือชาวนาในช่วงการปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกข้าวนาปรังของประเทศ ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท รายละไม่เกิน 10 ไร่ เฉพาะเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์   จากการเปิดเผยของนายชาญณรงค์  ปาวะนา  ตัวแทนชาวนาบอกว่าที่ชาวนารวมตัวกันมาในวันนี้ก็เพื่ออยากให้รัฐบาลช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาราคาข้าวที่กำลังตกต่ำ  โดยวันนี้มายื่นหนังสือและข้อเสนอให้รัฐบาลด้วยกัน 2 ข้อเรียกร้องคือ ข้อที่ 1.ให้รัฐบาลประกันราคาข้าวเปลือกความชื้น 15% ราคาตันละ 11,000 บาท และราคาข้าวเปลือกความชื้น 30% ราคาตันละ 8,750 บาทตามลำดับ ข้อ2.พักชำระหนี้เกษตรกร 2 ปี โดยไม่คิดดอกเบี้ย ในขณะเดียวกันก็ขอให้รัฐบาลทบทวนมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาลที่จะแจกให้ชาวนาในอัตราไร่ละ 1,000 บาท คนละไม่เกิน 10 ไร่  หรือคนละ 10,000 บาท  ซึ่งมองว่าเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุดเนื่องจากมาตรการช่วยเหลือดังกล่าวจะมีชาวนาบางส่วนไม่ได้รับเงินเพราะเช่าที่นาคนอื่นทำและไม่ได้ขึ้นทะเบียนชาวนาด้วยตนเอง ล่าสุด 

สงขลา – เกษตรกรผู้เลี้ยง “ปลากะพงสามน้ำ” GI หนึ่งเดียวในไทย เสริมเทคนิค “อิเคะจิเมะ” เพิ่มมูลค่าผลผลิตขยายตลาดส่งห้างดังทั่วไทย ปลากะพงสามน้ำทะเลสาบสงขลาหนึ่งเดียวในประเทศไทย โดยมีแหล่งเลี้ยงครอบคลุมพื้นที่ 5 อำเภอ อาทิ   อำเภอเมืองสงขลา อำเภอสิงหนคร อำเภอหาดใหญ่ อำเภอบางกล่ำ และอำเภอควนเนียง ถือเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจ ที่มีคุณภาพและลักษณะพิเศษเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนที่ใดในประเทศ อันเป็นผลมาจากปัจจัยสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ และระบบนิเวศของทะเลสาบสงขลา และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย หรือเรียกโดยทั่วไปว่าเป็น “สินค้า GI” เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา ทีมข่าวลงพื้นที่ ต.เกาะยอ อ.เมือง จ.สงขลา ซึ่งเป็นแหล่งเลี้ยงปลากะพงสามน้ำแหล่งใหญ่ที่สุด โดยพบกับประธานกลุ่มเลี้ยงปลากะพงเกาะยอ หมู่ 9 วันเพ็ญ สายชนะพันธ์ ได้ข้อมูลว่า ตนเองเลี้ยงปลากะพงมาตั้งแต่รุ่นพ่อตกทอดมาจนถึงตัวเองก็ราว 35 ปีแล้วจนกระทั่งปลากะพงสามน้ำได้ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI เมื่อราว 2 ปีที่ผ่านมา   ตลอดระยะเวลาเราเจอวิกฤตราคาปลาตกต่ำมานับครั้งไม่ถ้วน เพราะต้องขายพ่อค้าคนกลางราคาเราก็กำหนดเองไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาตลาด จนกระทั่งถึงช่วงวิกฤตโควิด19 ปลากะพงขายยากขนส่งลำบากราคาก็ต่ำต้นทุนอาหารปลาก็สูงผู้เลี้ยงปลาก็ประสบปัญหาหนักโดยราคารับซื้อสูงสุดในขณะนั้นประมาณ 120-150 บาทต่อกิโลกรัม

24 ก.พ. 68 ที่หมู่ 9 ต.ทุ่งหลวง อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย มีคุณยายอายุ 77 ปี ชื่อว่านางจำเรือน  ทองสิงห์ แม้จะป่วยเป็นโรคกระดูกพรุน ต้องไปรับยาที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯมากินทุก 6 เดือน แต่คุณยายก็ยังขยันสู้ทำงานหาเงินในทุกฤดูกาล โดยหน้าหนาวจะปลูกผักปลอดสารเคมี หน้าร้อนรับจ้างสานเสื่อลำแพน หน้าฝนปลูกมันอ้อน มันมือเสือ และปลูกข้าวหอมมะลิเพื่อเก็บไว้กินด้วย คุณยายจำเรือน บอกว่า สามีเสียชีวิตนานแล้ว ทุกวันนี้อาศัยอยู่กับลูกชายที่เป็นข้าราชการตำรวจ อาชีพเดิมเคยทำนา ต่อมาทำเครื่องปั้นดินเผา และปลูกผักสวนครัวปลอดสารขายมานานกว่า 20 ปี มีทั้งผักชี ขึ้นฉ่าย มะเขือ พริก คะน้า ผักกาด กวางตุ้ง ฯลฯ แบ่งมัดเป็นกำ 3-4 ขีด ขายกำละ 10 บาท ใส่ตะกร้าท้ายจักรยานเร่ขายภายในหมู่บ้านได้เงินวันละ 200-300 บาท “ลูกชายเลี้ยงดูแลอย่างดี และให้พักผ่อนอยู่บ้านเฉยๆ แต่ยายยังพอมีกำลัง ทำได้ก็ทำ ได้เงินเล็กน้อยก็ดีกว่าอยู่เปล่าๆ และนอกจากปลูกผัก