เกษตร

สมาคมชาวไร่อ้อยสี่แควนครสวรรค์​ และสมาคมชาวไร่อ้อย​ เขต 1​1 รวมตัวยืนหนังสือผ่าน​จังหวัดวอน ขอให้รัฐบาลสนับสนุนช่วยเหลือค่าแรงงานในการตัดอ้อยสด​ ลด​ PM2.5 นครสวรรค์-นายอนันต์​ เย็นตั้ง นายกสมาคมชาวไร่อ้อยสี่แควนครสวรรค์ พร้อมด้วยนายกสมาคมชาวไร่อ้อยเขต 11 และพี่น้องเกษตรกร ชาวไร่อ้อย ได้เดินทางยื่นหนังสือถึง​ นายชุมพิชญ์​ เดชะ​รัฐ​ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ โดยช่วยนำปัญหาของเกษตรกรเสนอรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้อง เร่งช่วยเหลือสนับสนุนค่าแรงงานในการตัดอ้อยสด​ เพื่อลด PM2.5​ ด้วยฤดูการผลิตอ้อยปี 2567/2568 รัฐบาลมีนโยบายลดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 อย่างเคร่งครัด โดยเน้นภาคเกษตรให้ลดการเผา อ้อยก็เป็นพืชชนิดหนึ่งที่ได้ดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว โดยเกษตรกรชาวไร่อ้อยได้มีความร่วมมืออย่างดีแล้วหันมาตัดอ้อยสดส่งโรงงานน้ำตาลมากขึ้น  จะเห็นได้จากปริมาณอ้อยเข้าหีบทั่วประเทศรวม 73,173, 288,600 ตัน​ วันที่​ 2 กุมภาพันธ์​ 2568​ อ้อยสด​ 62,556,874,330 ตัน​ อ้อยไฟไหม้​ 10,616,414,270 ตัน​ คิดเป็นร้อยละ 14.51 ซึ่งลดลงอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา  ดังนั้นการตัดอ้อยสดเกษตรกรชาวไร่อ้อยต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะค่าแรงงานในการเก็บเกี่ยว ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในต้นฤดูการผลิต​อ้อย​ ปี​ 2566/2567 ทางรัฐบาลยังไม่มีการจ่ายเงินช่วยเหลือการตัดอ้อยสดตันละ […]

ปราจีนบุรี – เกษตรกร ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี ทดลองปลูกมะแว้งทำยาแก้ไอ เพื่อให้มีผลผลิตส่งโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 22 ก.พ.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกตรกร ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ทดลองปลูกมะแว้งเพื่อทำยาแก้ไอ แก้เจ็บคอ โดยจะส่งขายให้กับทางโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เพื่อผลิตสมุนไพรยาแก้ไอ มะแว้ง มีทั้ง \”มะแว้งต้น\” และ \”มะแว้งเครือ\” ที่มีสรรพคุณเด่น ๆ คือ ใช้เป็นยาแก้ไอ ขับเสมหะ เราจึงมักเห็นมะแว้งถูกนำมาผสมเป็นยาอมช่วยแก้ไอ ซึ่งตามตำรับยาแก้ไอแล้ว สามารถใช้ได้ทั้ง ราก ใบ ผล นอกจากนั้น ยังช่วยลดน้ำลายเหนียว บำรุงธาตุ รักษาวัณโรค แก้คอแห้ง ขับปัสสาวะ รักษาโรคทางไตและกระเพาะปัสสาวะ แก้โลหิตออกทางทวารหนัก และแก้โรคหอบหืดได้ด้วย นอกจากนั้น ลูกมะแว้งเครือสามารถนำไปปรุงอาหาร ทานเป็นผักได้อีกด้วย นางจินตนา สีมา กล่าวว่า ตนเองเป็นสมาชิกกลุ่มกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ซึ่งมีสมาชิกหลายรายแยกกันปลูกสมุนไพรต่างๆส่งโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร พืชสมุนไพรทุกชนิดที่เป็นตัวยาส่งขายให้กับโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

เชียงราย-รมช.กระทรวงเกษตรฯ Kick Off รณรงค์ฉีดวัคซีนโรคลัมปี สกิน 7.8 ล้านโดส ป้องกันการระบาดลดความสูญเสีย สร้างความเชื่อมั่นในสินค้าปศุสัตว์ให้กับประเทศคู่ค้า วันที่ 21 ก.พ. 2568 นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีเปิด Kick Off โครงการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคลัมปี สกิน จังหวัดเชียงราย และมอบวัคซีนป้องกันโรคลัมปี สกิน แก่อาสาปศุสัตว์ รวมทั้งปล่อยขบวนรถเจ้าหน้าที่และอาสาปศุสัตว์ เพื่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์และสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโรคลัมปี สกินให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโค กระบือ ณ ลานทองฟาร์ม ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย โดยมีนายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย อธิบดีกรมปศุสัตว์ ผู้บริหาร นายอำเภอแม่จัน หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมต้อรับและตรวจเยี่ยมฟาร์มเครือข่ายโคเนื้อล้านนา โดยมีนายนเรศ รัศมีจันทร์ ประธานเครือข่ายโคเนื้อล้านนา นำเยี่ยมชม นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาปศุสัตว์ของประเทศไทยให้มีขีดความสามารถในการผลิตและการแข่งขันทางด้านการส่งออก จึงได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2567 งบกลางรายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อควบคุมโรคลัมปี

วันที่ 21 ก.พ.68 ผู้สื่อข่าวรายงานที่ลานหน้าหอประชุมที่ว่าการอำเภอพิชัย จ.อุตรดิตถ์ ตัวแทนเกษตรกรทำนาอำเภอพิชัย จ.อุตรดิตถ์ กว่า 400 คนได้รวมตัวยื่นหนังสือผ่านนายอำเภอพิชัยผ่านไปยังนายกรัฐมนตรีแก้ไขปัญหาข้าวเปลือกราคาตกต่ำ โดยมีแกนนำสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนในการปราศรัยถึงผลกระทบราคาข้าวเปลือกตกต่ำ มาตรการแก้ไขของรัฐบาลที่ไม่โดนใจ รวมไปถึงราคาปุ๋ยแพงสวนทางกับราคาพืชผลทางการเกษตรทุกชนิด ชาวนาต่างชูป้ายข้อความเรียกร้อง “นายกฯอุ๊งอิ๊ง ช่วยชาวนา” “ข้าวเปลือกถูก ปุ๋ยแพง นายกฯช่วยด้วย” เป็นต้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บางช่วงบางตอนของการปราศรัย ของนายจีระพงษ์ แป้นเพชร แกนนำเกษตรกรทำนาอำเภอพิชัย นอกจากจะกล่าวถึงราคาข้าวเปลือกตันละ 5,000-6,000 บาท ตกต่ำที่สุดในชีวิตการเป็นชาวบ้าน และยังเป็นรัฐบาลที่ราคาข้าวเปลือกตกต่ำที่สุดเช่นกัน ขายข้าวกิโลกรัมละ 5-6 บาท ซื้ออาหารสำเร็จรูป 1 ซองยังไม่ได้ และรับไม่ได้กับ 3 มาตรการช่วยเหลือที่ออกมาล่าสุด คือ สินเชื่อชะลอนาปรังค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาท, ชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการโรงสี 6 เปอร์เซ็นต์, เปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกผู้ประกอบการต้องรับซื้อสูงกว่าตลาดตันละ 300 บาท เป็นการแก้ไขปัญหาเกาไม่ถูกที่คัน สุ่มเสี่ยงการทุจริต ชาวนาไม่ได้รับผลประโยชน์โดยตรง เกษตรกรทำนาอำเภอพิชัยได้ทำหนังสือเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี ช่วยเหลือและแทรกแซงราคาข้าว ให้รัฐบาลประกัน

20ก.พ.68 พื้นที่บริเวณคลองส่งน้ำชลประทานเขื่อนน้ำอูนกำลังได้รับประโยชน์จากเขื่อนที่มีการปล่อยน้ำเพื่อการหลายรายใช้เพื่อการทำนาปรังหรือปลูกพืชอื่นๆสร้างรายได้ก่อนเข้าสู่ฤดูทำนาปีแต่เกษตรกรรายหนึ่งไม่ได้ปลูกพืชเศรษฐกิจทั่วไปแต่ปลูกต้นพุทธรักษาซึ่งเป็นไม้ประดับกลับสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำโดยการเก็บเมล็ดพุทธรักษาส่งโรงงานที่รับซื้อก่อนจะผ่านกระบวนการต่างๆเพื่อส่งต่างประเทศได้เงินดีกิโลกรัมละ 1,800 บาทเลยทีเดียวเนื่องจากต่างประเทศนิยมปลูกต้นพุทธรักษาเป็นไม้ประดับ คุณลุงหนูสินแสมโหมอายุ 68 ปีเกษตรกรบ.ดงมะไฟต.ขมิ้นอ.เมืองจ.สกลนครกล่าวว่าตนมีอาชีพเกษตรกรกับภรรยาทำการเพาะปลูกพืชตลอดปีก่อนหน้านี้ปลูกมะเขือเทศและแตงกวาส่งลูกเรียนจนจบการศึกษาแต่ภายหลังลูกได้ทำงานบริษัทแห่งหนึ่งได้แนะนำให้ปลูกพุทธรักษาเพื่อเอาเมล็ดพันธุ์ส่งออกนอกจากนั้นจึงใช้พื้นที่หน้าบ้านที่มีอยู่ประมาณ1งานปลูกพุทธรักษามาตั้งแต่ธันวาคมปีก่อน คุณลุงหนูสินกล่าวอีกว่าโดยการปลูกไม่ยุ่งยากมากนักได้พันธุ์มาจากบริษัทที่รับซื้อมีการควบคุมและแนะนำขั้นตอนการปลูกดูแลง่ายทนโรคจากนั้นเมื่อถึงเวลาเก็บผลผลิตก็นำดอกเกสรที่แห้งแกะเอาเมล็ดด้านในซึ่งจะเห็นว่าเป็นเมล็ดสีดำคล้ายยาลูกกลอนก็แกะรวบรวมไว้รอส่งบริษัทสามารถดูและเก็บผลผลิตได้ต่อเนื่องโดยการผสมพันธุ์ระหว่างต้นตัวผู้และตัวเมียก็จะแตกหน่อออกไปเรื่อยๆ ที่เห็นปลูกอยู่นี้น่าจะได้เมล็ดราวๆ 50-60 กิโลกรัมต่อรอบ.

พังงา-เด็ดสุด ทุเรียนอารมณ์ดีเจ้าของสวนเปิดเพลงบรรเลงให้ฟัง พร้อมนำเทคโนโลยีมาจัดการสวนบนมือถือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่สวนรวยชัย ทุเรียนอินทรีย์ อารมณ์ดี อยู่ที่แยกทุ่งมะพร้าว ม.1 ต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา นายรวยชัย กิตติพรหมวงศ์ เจ้าของสวนได้นำสื่อมวลชนเยี่ยมชมการดูแลจัดการสวนทุเรียนบนพื้นที่เนินเขา ที่ใช้เทคโนโลยีต่างๆเข้ามาช่วย ไม่ว่าการบริหารจัดการระบบน้ำภายในสวนที่สั่งการผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือ การปลูกทุเรียนแบบต้นเดียวแต่มีโคนต้น2-3 โคน การผลิตปุ๋ยอินทรีย์มาใช้ในสวนเอง รวมถึงการปลูกพืชช่วยต้านแมลงศัตรูพืชแซมไว้ระหว่างต้นทุเรียน และที่เป็นทีเด็ดมากไปกว่านั้นคือการติดตั้งระบบเสียงเปิดเพลงบรรเลงให้ต้นทุเรียนฟังวันละ2รอบเช้าและเย็น ซึ่งพบว่าต้นทุเรียนเจริญเติบโตดีมาก พบว่าต้นทุเรียนที่ปลูกมาเพียง3ปีก็เริ่มออกดอกให้ผลผลิตแล้ว และขณะนี้ย่างเข้าสู่ปีที่5 พบว่าทุเรียนกำลังออกดอกเต็มต้น นายรวยชัย กิตติพรหมวงศ์ เปิดเผยว่า ได้ใช้พื้นที่ประมาณ 20 ไร่ซึ่งเดิมเป็นสวนยางพารา มาปลูกทุเรียนพันธุ์หมอนทองและพันธุ์มูซันคิง  โดยมีแนวคิดว่าจะปลูกทุเรียนแนวอินทรีย์ เริ่มต้นตั้งแต่การขุดหลุมแล้วก็ปลูกโดยใช้มูลสัตว์มารองก้นหลุม พร้อมกับผลิตปุ๋ยอินทรีย์ไว้ใช้เองในสวน ใช้ระบบสมาร์ทฟาร์มเมอร์ มาบริหารจัดการน้ำ ด้วยการควบคุมการรดน้ำด้วยแอพพลิเคชั่นบนมือถือ ซึ่งคิดว่าเกษตรกรยุคใหม่ต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการ แก้ปัญหาเรื่องแรงงาน ช่วยลดต้นทุนการผลิต โดยมีแนวคิดว่าทุเรียนภายในสวนจะต้องเป็นทุเรียนอารมณ์ดีจึงจัดการติดตั้งระบบเครื่องเสียง เปิดเพลงให้ทุเรียนฟังวันละ2 รอบ เช้าเย็น เพลงที่เปิดส่วนใหญ่ก็เป็นเพลงบรรเลงบ้างเป็นเสียงนกเสียงธรรมชาติ ล่าสุดพบว่าทุเรียนในแปลงนี้ 350 ต้นกำลังออกดอก โดยเฉพาะต้นทุเรียนที่อยู่ใกล้ลำโพงอยู่ใกล้ลำโพงจะออกดอกเยอะมาก คาดว่าจะเก็บเกี่ยวได้ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะได้ผลผลิตไม่น้อยกว่า20ตัน สำหรับคนที่ได้กินทุเรียนสวนนี้นอกจากจะปลอดสารพิษแล้ว แถมอารมณ์จะดีขึ้นอีกด้วย ส่วนเกษตรกรที่สนใจในเรื่องระบบการจัดการสวนทุเรียน

วันนี้ 19 ก.พ.68 เวลา 09.00 น.  ที่บริเวณสนามกีฬา หน้าศาลากลางจังหวัดชัยนาท เกษตรกรผู้ทำนาจาก 8 อำเภอ ของจังหวัดชัยนาท กว่า 300 คน รวมตัวกันชุมนุมยื่นหนังสือผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาทไปยังรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือหลังราคาข้าวตกต่ำ รวมไปถึงการช่วยควบคุมต้นทุนของค่าปุ๋ย ค่ายา และน้ำมันเชื้อเพลิง รวมไปถึงเรื่องค่าชดเชย จากการคำสั่งงดเผาตอซังข้าวของทางราชการ โดยมี นายวิทยา ชพานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาทเป็นผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท รับหนังสือข้อเรียกร้องจากชาวนาเพื่อส่งต่อให้ทางรัฐบาล โดยหนังสือการเรียกร้องในครั้งนี้ระบุว่า ด้วยเกษตรกรชาวนาจังหวัดชัยนาท มีความเดือดร้อนจากราคาข้าวเปลือกเจ้าตกต่ำ เกษตรกรชาวนาประสบปัญหาขาดทุนเนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เช่น ปุ๋ย ยากำจัดศัตรูพืช น้ำมันเชื้อเพลิงและค่าใช้จ่ายอื่นๆมีราคาสูงขึ้น รวมทั้งประสบปัญหาข้าวกระทบหนาว การระบาดของศัตรูพืช ทำให้เกษตรกรชาวนาต้องฉีดพ่นสารเคมีจำนวนหลายครั้ง ทำให้เกษตรกรชาวนามีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น รวมถึงนโยบายของรัฐบาล ที่ห้ามเกษตรกรชาวนาเผาฟางและตอชังข้าว โดยกำหนดโทษ และตัดสิทธิเกษตรกรต่างๆ ทำให้เกษตรกรชาวนามีต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวนาจังหวัดชัยนาท จึงขอส่งหนังสือเรียกร้องขอความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกเจ้าตกต่ำไปยังรัฐบาล ผ่านท่านผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท ดังนี้  1.ให้รัฐบาลมีมาตรการประกันราคาข้าวเปลือกเจ้า   ความชื้นไม่เกิน15% ราคาไม่ต่ำกว่า 12,000 บาทต่อตัน   ความชื้นไม่เกิน25 %

ร้อยเอ็ด…เร่งเครื่องคัดเลือกสุดยอดข้าวหอมมะลิไทย ชิงแชมป์ประเทศ ปี 2568 วันนี้( 18 กุมภาพันธ์ 2568 ) เวลา 13.30 น ที่ห้องประชุมสำนักงานพาณิชย์จังหวัดร้อยเอ็ด นายชูศักดิ์ ราชบุรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการตัดสินการประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทย ประจำปี 2568 ระดับจังหวัด โดยมีคณะกรรมการจากส่วนราชการและภาคเอกชนเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง การประชุมในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อคัดเลือกสุดยอดข้าวหอมมะลิของจังหวัด เพื่อส่งเข้าประกวดในระดับประเทศต่อไป โดยคณะกรรมการได้พิจารณาคุณสมบัติของข้าวที่ส่งเข้าประกวดอย่างละเอียด ทั้งในเรื่องของความบริสุทธิ์ของสายพันธุ์ เมล็ดข้าวที่สวยงาม และได้มาตรฐานข้าวหอมมะลิไทย ของกระทรวงพาณิชย์ นายชูศักดิ์ ราชบุรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า “จังหวัดร้อยเอ็ดเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิที่สำคัญของประเทศ การประกวดข้าวหอมมะลิในครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ยกระดับคุณภาพข้าวหอมมะลิของจังหวัดให้เป็นที่ยอมรับในระดับประเทศและนานาชาติ การประกวดข้าวหอมมะลิ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การแข่งขัน แต่ยังเป็นการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของเกษตรกรผู้ผลิตข้าวหอมมะลิ ให้มีความรู้ความสามารถในการผลิตข้าวที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น\” นายชูศักดิ์ กล่าว สำหรับการประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทย ประจำปี 2568 ระดับจังหวัด (จังหวัดร้อยเอ็ด) ประเภทเกษตรกรรายบุคคล 4 รางวัล คือ อันดับ 1 – 3

เกษตรกรหมู่ 8 ต.ทุ่งนุ้ย อ.ควนกาหลง จ.สตูล รวมกลุ่มกันเป็นวิสาหกิจชุมชนไร่อ.การเกษตร ปลูกกล้วยหอมทอง ส่งขายโดยปรับปรุงคุณภาพการปลูกจนได้มาตรฐานส่งห้างดังทั้งซีพีออร์เครือเซนทรัล แมคโค เซเว่น ฯลฯ จนผลผลิตมีไม่เพียงพอต้องขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มเป็นแปลงใหญ่พื้นที่กว่า 200 ไร่พร้อมสร้างลูกสวนในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้เพื่อให้ผลผลิตได้ตามความต้องการวันละกว่า 2 ตัน นางกำไลทิพย์ เศรษฐ์วิชัย เกษตรจ.สตูลนำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่แปลงใหญ่เพื่อติดตามการปลูกกล้วยหอมทอง แซมต้นยางพาราในพื้นที่หมู่ 8 ต.ทุ่งนุ้ย อ.ควนกาหลง กว่า7หมื่นต้นในเนื้อที่กว่า 200 ไร่ โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง มาดูในเรื่องของแหล่งน้ำ เนื่องจากเป็นต้นกล้วยอายุเพียง 2 เดือนหากประสบปัญหาแล้งก็จะทำได้รับความเสียหาย โดยกล้วยหอมทองปัจจุบันผลผลิตความต้องการวันละ9,500 ลูกหรือประมาณ2 ตันเศษ หรือเดือนละ60 ตันแต่กำลังการผลิตมีไม่เพียงพอ จึงต้องขยายพื้นที่เพิ่มอีกโดยทำเป็นการเกษตรเชิงพาณิชย์ เมื่อผลผลิตเข้ามาตรฐานทำให้ราคาผลผลิตดีขึ้นขายที่ก.ก.ละ25-26 บาทและเคยพุ่งสูงสุดที่ก.ก.ละ 35 บาทในช่วงตรุษจีน โดยเทคนิคการปลูกกล้วยหอมทองให้ผลผลิตได้ 3 ไซส์คือเอ บีและซี คือตัดใบให้เหลือเพียง 5-6ใบเพื่อให้สารอาหารมาเลี้ยงลูกให้ใหญ่ขึ้นและไว้เพียงต้นละ 1 เครือเมื่อเก็บผลผลิตคือระยะเวลาตั้งแต่เริ่มปลูกจนเก็บผลผลิต 8 เดือนก็ตัดทิ้งและให้ต้นที่แตกหน่อขึ้นมาแทนอีก 3 รอบ

ชาวนาจังหวัดนครสวรรค์ยอมแยกย้ายการชุมนุมเรียกร้องราคาข้าวหลังหลายภาคส่วนรับปากช่วยเหลือ  พร้อมขู่หากวันที่ 21 กุมพาพันธ์ไม่มีคำตอบที่น่าพอใจจะปิดเส้นทางสายเหนือ นครสวรรค์-นายชุมพิชญ์​ เดชะ​รัฐ​ ​รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตต่างๆในพื้นที่เข้ารับหนังสือจากกลุ่มชาวนาจังหวัดนครสวรรค์เพื่อให้ช่วยแก้ไขปัญหาราคาข้าวที่ตกต่ำ  หลังชาวนากว่า1000 คนในจังหวัดนครสวรรค์เดินทางรวมตัวที่บริเวณฝั่งสะพานเดชาติวงศ์ขาขึ้นพร้อมเรียกร้องรัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหาราคาข้าวที่ตกต่ำ  หลังพบราคาขายข้าวเปลือกเหลือเพียงตันละ 5,400 ถึง 6,500 เท่านั้น จากการเปิดเผยของนายนพดล มั่นศักดิ์  ตัวแทนชาวนาจังหวัดนครสวรรค์เปิดเผยว่าสาเหตุที่ชาวนารวมตัวกันในวันนี้ก็เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือชาวนาด้วยความจริงใจเนื่องจากที่ผ่านมาได้มีชาวนาจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดอื่นๆได้ชุมนุมปิดถนนพร้อมเรียกร้องข้อเสนอต่างๆกับรัฐบาลไปแล้วแต่ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากทางภาครัฐ  ซึ่งวันนี้ชาวนาจังหวัดนครสวรรค์จึงได้รวมตัวยื่นหนังสือเรียกร้องปัญหาราคาข้าวตกต่ำกับรัฐบาลอีกครั้งโดยมีข้อเสนอทั้งหมด5ข้อได้แก่ 1จัดให้มีโครงการประกันรายได้ข้าวเปลือกตันละ 12,000 บาทอย่างเป็นรูปธรรม 2. โครงการชดเชยเยียวยาเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเพาะปลูกข้าวไร่ละ 2,000 บาทรายละไม่เกิน 25 ไร่ 3. มาตรการควบคุมราคาปัจจัยการผลิตด้านต่างๆเช่น ปุ๋ยเคมี สารเคมีเพื่อการเกษตร น้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อการเกษตรและแก้ไขปัญหาพันธุ์ข้าวปนเปื้อน 4.โครงการพักชำระหนี้เกษตรกร 2 ปี 5.ขอเสนอทางเลือกให้รัฐรับซื้อผลผลิตข้าวเปลือกจากชาวนาและให้ผู้ประกอบการค้าข้าวซื้อผลผลิตข้าวเปลือกจากรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ในขณะที่นายชุมพิชญ์​ เดชะ​รัฐ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ได้รับหนังสือจากกลุ่มเกษตรกรชาวนาพร้อมรับปากจะนำเรื่องดังกล่าวส่งต่อให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงเกษตรและกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังเพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป ด้านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายท่านของจังหวัดนครสวรรค์ได้เดินทางมารับหนังสือและข้อเรียกร้องต่างๆของชาวนาด้วยเช่นเดียวกันพร้อมรับปากจะนำความเดือดร้อนทั้งปัญหาราคาข้าวที่ตกต่ำและปัญหาอื่นเข้าที่ประชุมสภาในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้  โดยเบื้องต้นจะนำเสนอให้ความช่วยเหลือเร่งด่วนให้กับชาวนาในการชดเชยค่าส่วนต่างจากราคาขายตันละ 2000 บาท โดยไม่เกินครัวเรือนละ 35 ตัน และจะกลับมาแจ้งผลการประชุมภายในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568  จึงทำให้กลุ่มชาวนาที่ชุมนุมพอใจยอมแยกย้ายกันกลับพร้อมขีดเส้นตายว่าหากภายในวันที่ 21 กุมภาพันธ์