ภัยพิบัติ

30 พ.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมนาข้าวในพื้นที่หมู่ 1 หมู่ 4 ต.ท่าฉนวน อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย เริ่มขยายวงกว้าง ทำให้ชาวนาบางรายต้องเร่งเกี่ยวข้าวหนีน้ำ ขณะที่หน่วยงานเกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็ได้มีการเฝ้าระวัง พร้อมระดมกำลังคนและเครื่องจักร เร่งอุดท่อ กรอกทราย ทำแนวคันดินป้องกันน้ำไม่ให้ไหลเข้าท่วมนาข้าว ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ชาวนา ต.ท่าฉนวน บอกว่า ปกติทุกปีน้ำจะมาในช่วงปลายเดือนสิงหาคม แต่ปีนี้มาเร็วมาก ยังไม่พ้นเดือนพฤษภาคมก็ท่วมแล้ว แถมมารอบทิศทาง ทั้งจากแม่น้ำยม น้ำฝนจาก อ.พรานกระต่าย และ อ.คีรีมาศ ไหลมารวมกันที่นี่จนล้นคลองสาขา ทะลักท่วมนาข้าวเสียหายเป็นวงกว้าง เรียกว่าเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เพราะทำนารอบแรกก็เจอเพลี้ยระบาดหนัก ชาวนาขาดทุนกันย่อยยับ มารอบนี้ยังเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ทุนก็ไม่ได้ กำไรก็ไม่ได้ กลายเป็นหนี้หมดตัว   นายประคอง  ศรีสมบัติ อายุ 64 ปี ชาวนาหมู่ 1 ต.ท่าฉนวน บอกว่า ทำนา […]

พระนครศรีอยุธยา-ผู้ว่าราชการจังหวัดลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำสุด ริมแม่น้ำน้อย อำเภอเสนา และอำเภอบางบาล เปิดผลกระทบตามระดับน้ำ แนะทั้งเจ้าหน้าที่ประชาชนอย่าปิดมือถือช่วงน้ำท่วม วันที่ 29 พฤษภาคมเวลา 14:00 น นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย พ.อ.วีระชัย ผองแก้ว  รอง ผอ.รมน.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางปวีณา ทองสกุลพันธ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  นายวันชัย ปังพูนทรัพย์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่บริเวณศาลเจ้าปุงเถ่ากง หมู่ 11 ต.หัวเวียง อ.เสนา เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ หลังจากเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับน้ำฝนที่ยังตกอย่างต่อเนื่อง โดยมี นางสาวอารินทร์ แสงทองนายอำเภอเสนาพร้อมกำนันผู้ใหญ่บ้าน ร่วมประชุม นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  กล่าวว่า  การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เนื่องจากบริเวณนี้เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำสุดในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อนอยู่ที่ 1,000 ลบ.ม ต่อวินาที ซึ่งระดับยังต่ำกว่าตลิ่ง และยังไม่ส่งผลกระทบกับพื้นที่แห่งนี้ โดยจากการลงพื้นที่และคาดการณ์ของกรมชลประทาน ได้แจ้งกับพี่น้องประชาชน ว่าระดับน้ำสูงสุดที่เขื่อนเจ้าพระยาจะระบายน้ำ  จะเพิ่มขึ้นในระหว่าง 80 ซ.ม.

อย่างที่ทราบกันดีว่ากลางเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมามีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในประเทศไทย วันนี้ (29 พฤษภาคม 2568) พามาดูความน่ารักของเด็กอนุบาลลำปางเขลางค์รัตน์อนุสรณ์ สพป.ลำปาง เขต 1 ซักซ้อมแผนเผชิญเหตุแผ่นดินไหวและอัคคีภัย โรงเรียนอนุบาลลำปางเขลางค์รัตน์อนุสรณ์ ฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุ  กรณีเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ แผ่นดินไหว และ กรณีเกิดอัคคีภัย โดยได้มีการจำลองสถานการณ์จริง ตั้งแต่ช่วงก่อนเกิดเหตุ ช่วงเผชิญเหตุ และช่วงหลังเกิดเหตุ เพื่อให้นักเรียนเกิดทักษะการเอาชีวิตรอด (survival skills) ตามนโยบาย สพฐ. ที่มุ่งหวังให้โรงเรียนทุกแห่งเป็นพื้นที่ที่นักเรียน “เรียนดี มีความสุข” และสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปลอดภัยในสังคมยุคปัจจุบัน อันจะนำไปสู่การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในสถานศึกษาอย่างยั่งยืน

28 พฤษภาคม 2568 ที่ห้องประชุมสำนักงานชลประทานที่ 12 เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พร้อมคณะ ลงพื้นที่ประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและมาตรการรับมือฤดูฝนในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปี 2568 โดยมีนายวัชระ ไกรสัย ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 12 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมและรายงานสถานการณ์น้ำล่าสุด   นายวัชระ เปิดเผยว่า สำนักงานชลประทานที่ 12 ได้ติดตามสภาพอากาศร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา เพื่อประเมินปริมาณฝนที่ตกทางตอนเหนือของเขื่อนเจ้าพระยา พร้อมทั้งวางแผนบริหารจัดการน้ำผ่านการทดน้ำเข้าสู่ระบบชลประทานทั้งสองฝั่งของลุ่มน้ำ และใช้พื้นที่เหนือเขื่อนเป็นแหล่งหน่วงน้ำ ลดผลกระทบพื้นที่ท้ายน้ำ ด้านนายไพฑูรย์ ระบุว่า การบริหารจัดการน้ำในปีนี้ดำเนินการตามกรอบ 9 มาตรการหลัก โดยรวมลุ่มน้ำสำคัญในระบบเจ้าพระยา เช่น ปิง วัง ยม น่าน สะแกกรัง ป่าสัก และท่าจีน เพื่อบริหารจัดการเชิงรุก แม้แนวโน้มระดับน้ำในเจ้าพระยาจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังไม่ถึงระดับวิกฤติ ในระยะนี้ กรมชลประทานจะปรับการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาลงสู่ท้ายเขื่อนในอัตรา 1,000 – 1,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งอาจส่งผลให้พื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ อ.บางบาล

28 พ.ค. 68 นอกจากคันดินกั้นแม่น้ำยมตรงสะพานสิริปัญญารัต หมู่ 6 ต.วังใหญ่ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ที่ถูกกัดเซาะพังยาวกว่า 300 เมตร นานข้ามปีแต่ก็ยังไม่มีการซ่อมแซม ทำให้ชาวบ้านทั้งในพื้นที่และใกล้เคียงต้องอยู่กันอย่างหวาดผวาแล้ว ยังพบว่ามีอีก 3 จุดเสี่ยง ที่ตลิ่งเกิดการทรุดตัวพังเป็นทางยาวกว่า 300 เมตร คือ บริเวณหมู่ 1 หมู่ 4 และหมู่ 7 ต.วังทอง อ.ศรีสำโรง นางแป้งหล้ำ  จีนรัตน์ อายุ 69 ปี ชาวบ้านหมู่ 7 ต.วังทอง บอกว่า เฉพาะตลิ่งแม่น้ำยม หมู่ 7 ที่อยู่ตรงหน้าบ้าน ได้เกิดการทรุดตัวพังต่อเนื่องมา 4 ปีแล้ว และปีนี้ก็เพิ่งจะซ่อมไปเมื่อ 2 เดือนก่อน เสร็จได้อาทิตย์เดียว ถนนริมตลิ่งก็ทรุดพังเหมือนเดิม ดินยุบทั้งที่ยังไม่มีฝนตกด้วยซ้ำ คงเป็นเพราะเสาไม้เล็ก ตอกไม่ลึก ดินข้างล่างไหลเลยทำให้ทรุดตัว จึงเอากิ่งไม้มะม่วงมาปักบนถนน

ตามที่ฝนตกหนัก ในพื้นที่จังหวัดแพร่ ในช่วงค่ำวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ส่งผลให้น้ำท่วมถนนหน้า ร.ร.พิริยาลัย ซึ่งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองแพร่ นั้น ทำให้การสัญจรของผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นด้วยความไม่สะดวก ทางนายอารุณ ปินปินตา หน.สนง.ปภ.จ.แพร่ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการระบายน้ำพื้นที่ดังกล่าว ร่วมนายสุริยา อินต๊ะนอน ว่าที่นายกเทศมนตรีเมืองแพร่ บริเวณหน้า รร.พิริยาลัยจังหวัดแพร่ น้ำเอ่อท่วมบริเวณถนนยันภารกิจโกศล ตั้งแต่หน้าร้านสมนึกวิทยุ ไปจนถึงหน้าโรงเรียนพิริยาลัย รถสูงสามารถไปได้ ส่วนรถเล็กเดินทางไม่สะดวกตอนนี้ระดับน้ำเริ่มลดลงแล้ว ส่วนหน้าตึกแถวย่านร้านค้า มีการนำกระสอบทรายมากั้นป้องกันน้ำ เพื่อมิให้น้ำเข้าร้านค้าสร้างความเสียหายได้ ส่วนหน้าโรงพยาบาลแพร่รามนั้น มีเศษใบไม้ไปอุดทับฝาท่อทำให้น้ำระบายไม่ได้ จากแหล่งข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่ทำให้น้ำท่วมบริเวณถนนยันตรกิจโกศล หน้าโรงเรียนพิริยาลัยนั้น เกิดจากไม่ได้เปิดประตูระบายน้ำที่น้ำคือ ส่งผลให้การระบายน้ำช้าไม่ทัน ซึ่งในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองแพร่ ได้เปิดประตูระบายน้ำ ที่น้ำคือ 1 ช่อง คาดว่าหากฝนไม่ตกเพิ่ม การระบายน้ำบริเวณดังกล่าวคงใช้เวลาไม่นาน ส่วนการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทางผู้บริหารเทศบาลเมืองแพร่ เตรียมหาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วนแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าวก็คือปัญหาที่เกิดขึ้นในเขตเทศบาลแบบซ้ำซาก เป็นสิ่งท้าทายการทำงานของคณะบริหารชุดใหม่ที่ได้รับเลือกเข้ามาซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ เจ้านายสุริยา อินต๊ะนอน ว่าที่นายกเทศมนตรีเมืองแพร่ได้ออกตรวจสถานการณ์โดยละเอียดและเตรียมหาทางแก้ไขซึ่งเป็นประเด็นหนึ่งในการหาเสียงในการเธอเลือกตั้งที่ผ่านมา/

มาเลย์เยือนไทย หารือ! – บริหารจัดการน้ำแบบเบ็ดเสร็จ แก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากตลอดแนวชายแดน การพบปะหารือระหว่าง ดาโต๊ะสรี ฮาจี ฟาดีละห์ บิน ฮาจี ยูซุฟ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและน้ำ แห่งประเทศมาเลเซีย ในโอกาสเดินทางพร้อมคณะฯ มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยฝ่ายไทย ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์, ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม รวมทั้ง นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ รองหัวหน้าพรรคกล้าธรรม ประเด็นการหารือในครั้งนี้ ถือเป็นวาระสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับสถานการณ์อุทกภัย ในห้วงฤดูฝนที่มีมวลน้ำมหาศาลไหลลงมาจากเทือกเขาสันกาลาคีรี ลงมาสมทบกับแม่น้ำสุไหงโก-ลก และเกิดสภาวะน้ำล้นตลิ่งบริเวณแนวชายแดนทั้ง 2 ประเทศ ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อประชาชน รวมทั้งบรรดาร้านค้าผู้ประกอบการต่างๆ ทั้งนี้ ได้มีการวางแนวทางร่วมกัน เพื่อให้ระบบการบริหารจัดการน้ำบริเวณคลองชายแดนไทย–มาเลเซีย โดยเฉพาะการเพิ่มความลึกของคลองในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม สามารถที่จะระบายน้ำได้คล่องตัวอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีในการป้องกันอุทกภัยในห้วงฤดูฝน รองรับกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่นับวันจะทวีความรุนแรงในหลากหลายรูปแบบมากขึ้น นอกจากนี้ คณะฝ่ายไทยและมาเลเซีย ยังได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ข้อเสนอด้านเทคนิค และแนวทางปฏิบัติในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำปาง ได้รายงานสถานการณ์สาธารณภัย เมื่อ เวลา 15.00 น. ของวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา เกิดฝนฟ้าคะนอง ฝนตกหนักในพื้นที่ ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากน้ำล้นตลิ่ง มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน 1 อำเภอ 1 ตำบล 3 หมู่บ้าน 28 หลังคาเรือน ได้แก่บ้านม้าเหนือ ม.6 (15 หลังคาเรือน), บ้านม้ากลาง หมู่ที่ 13 (10 หลังคาเรือน), ชุมชนวัดพระธาตุลำปางหลวง 3 หลังคาเรือน ทั้งนี้ ในเบื้องต้นทางด้านนายอำเภอเกาะคา ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ โดยประสาน เทศบาลตำบลลำปางหลวง สนับสนุนกระสอบบรรจุทรายทำแนวกั้นน้ำ และใช้เครื่องจักรกล กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อทำการเร่งระบายน้ำ บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ด้านสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ลำปาง ร่วมกับอำเภอเกาะคา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จิตอาสา อปพร. อาสาสมัคร พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสำรวจความเสียหาย