\”ปลากะพงสามน้ำ\” หนึ่งเดียวในไทยเสริมเทคนิค \”อิเคะจิเมะ\” เพิ่มมูลค่าส่งขายห้างดัง

สงขลา – เกษตรกรผู้เลี้ยง “ปลากะพงสามน้ำ” GI หนึ่งเดียวในไทย เสริมเทคนิค “อิเคะจิเมะ” เพิ่มมูลค่าผลผลิตขยายตลาดส่งห้างดังทั่วไทย

ปลากะพงสามน้ำทะเลสาบสงขลาหนึ่งเดียวในประเทศไทย โดยมีแหล่งเลี้ยงครอบคลุมพื้นที่ 5 อำเภอ อาทิ   อำเภอเมืองสงขลา อำเภอสิงหนคร อำเภอหาดใหญ่ อำเภอบางกล่ำ และอำเภอควนเนียง ถือเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจ ที่มีคุณภาพและลักษณะพิเศษเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนที่ใดในประเทศ อันเป็นผลมาจากปัจจัยสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ และระบบนิเวศของทะเลสาบสงขลา และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย หรือเรียกโดยทั่วไปว่าเป็น “สินค้า GI” เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา

\"\"

ทีมข่าวลงพื้นที่ ต.เกาะยอ อ.เมือง จ.สงขลา ซึ่งเป็นแหล่งเลี้ยงปลากะพงสามน้ำแหล่งใหญ่ที่สุด โดยพบกับประธานกลุ่มเลี้ยงปลากะพงเกาะยอ หมู่ 9 วันเพ็ญ สายชนะพันธ์ ได้ข้อมูลว่า ตนเองเลี้ยงปลากะพงมาตั้งแต่รุ่นพ่อตกทอดมาจนถึงตัวเองก็ราว 35 ปีแล้วจนกระทั่งปลากะพงสามน้ำได้ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI เมื่อราว 2 ปีที่ผ่านมา   ตลอดระยะเวลาเราเจอวิกฤตราคาปลาตกต่ำมานับครั้งไม่ถ้วน เพราะต้องขายพ่อค้าคนกลางราคาเราก็กำหนดเองไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาตลาด จนกระทั่งถึงช่วงวิกฤตโควิด19 ปลากะพงขายยากขนส่งลำบากราคาก็ต่ำต้นทุนอาหารปลาก็สูงผู้เลี้ยงปลาก็ประสบปัญหาหนักโดยราคารับซื้อสูงสุดในขณะนั้นประมาณ 120-150 บาทต่อกิโลกรัม ต่อมาก็ได้รับชดเชยราคาจากกระทรวงพาณิชย์ชดเชยให้ 30 บาทต่อกิโลกรัมก็ดีขึ้นช่วงหนึ่งแต่ก็ไม่ยั่งยืน

\"\"

“แต่เมื่อประมาณ  6 เดือนที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่และผู้ประกอบการได้เข้ามาให้ความรู้เรื่องการใช้เทคนิคอิเคจิเมะทำให้ปลาตายอย่างสงบแบบไม่ทุบหัวเพื่อคงความสดของปลากะพงเอาไว้จากนั้นก็มีบริษัทมารับซื้อปลาของตำบลเกาะยอไปส่งขายในห้างใหญ่หลายที่ทั่วประเทศไทย ซึ่งผลตอบรับดีเกินคาดผู้บริโภคบอกว่าปลากะพงสามน้ำเกาะยอเนื้อหวานและสามารถกินสดแบบซาซิมิได้เลย ซึ่งตอบโจทย์กับผู้เลี้ยงปลากะพงมากเพราะนอกจากราคารับซื้อจะสูงแล้ว ตลาดก็กว้างขึ้นจากเดิมที่เราขายปลีกเริ่มต้นที่กิโลกรัมละ 150  บาท  เราสามารถทำราคาได้สูงถึง 180 บาทต่อกิโลกรัมผ่านมา 6 เดือนเราส่งปลากะพงขายทุกสัปดาห์ สร้างรายได้ กว่า 400,000 บาทต่อรายต่อเดือน” นางวันเพ็ญ กล่าว

 

ด้านตัวเเทนร้านมหาสมุทรซีฟู้ด สุวิทย์ สวัสดิ์รักษา ตัวเเทนร้านมหาสมุทรซีฟู้ด กล่าวว่า เราเห็นว่าผู้เลี้ยงปลาประสบปัญหาเรื่องราคาปลาตกต่ำและไม่สามารถแก้ได้อย่างยั่งยืนเราจึงได้นำความรู้เกี่ยวกับการใช้เทคนิค “อิเคะจิเมะ” มาใช้กับ “ปลากะพงสามน้ำ” ซึ่งเป็นสินค้าGI ของจังหวัดสงขลา เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับปลากะพงที่เป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจอยู่แล้วให้มีตลาดเพิ่มขึ้น จึงนำไปวางขายที่ห้างใหญ่ในกรุงเทพมหานครหลายที่ด้วยกัน เช่น สยามพารากอน เดอะมอลท่าพระ เป็นต้นและอนาคตอันใกล้ก็จะไปอยู่ห้างท็อปทุกสาขา อีกด้วย

\"\"

 

ขณะที่นายเจือ  ราชสีห์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ในฐานะชาวตำบลเกาะยอและเป็นผู้แนะนำเทคนิคอิเคจิเมะแก่กลุ่มผู้เลี้ยงปลากะพงในตำบลเกาะยอคนแรกๆ กล่าวว่า  ปลากะพงเกาะยอในทะเลสาบสงขลาที่เราเลี้ยงพื้นที่สามน้ำ คือน้ำจึด น้ำเค็ม และน้ำกร่อย ทำให้เรามีจุดแข็งทำให้เนื้อปลาอร่อยไม่เหมือนการเลี้ยงของพี้นที่ไหนในประเทศไทย แต่เราก็มองว่าจะสามารถผลักดันเพิ่มมูลค่าด้านไหนให้กับปลากะพงสามน้ำได้อีกบ้าง ตนก็ไปหาข้อมูลและพบจากหนังสือของประเทศญี่ปุ่นจึงได้รู้จักกับการใช้เทคนิคอิเคจิเมะเพื่อให้ปลารสชาติดีและคงความสดได้ยาวนาน หลังจากเรียนรู้ไปสักพักก็ทดลองทำและเชิญเชฟผู้เชี่ยวชาญในการทำอาหารญี่ปุ่นมาแล่เนื้อปลากะพงสามน้ำของเกาะยอแลลองกินแบบซาซิมิ ปรากฎว่าเนื้อปลาที่ได้จากการปลิดชีพปลาด้วยเทคนิคอิเคจิเมะ มันดีเกินคาดเราจึงได้ผลักดันนำองค์ความรู้เรื่องนี้มาเผยแพร่ให้กับผู้เลี้ยงปลากะพงเกาะยอ

\"\"

“เทคนิค  ‘อิเคะจิเมะ’  คือเทคนิคในการปลิดชีพปลาอย่างสงบที่เกิดจากญี่ปุ่นเมื่อราว 300 ปีก่อน ชาวญี่ปุ่นได้ค้นพบว่าการสังหารปลาด้วยวิธีที่รุนแรงนั้นทำให้ปลาเกิดความเครียดและหลั่งสารที่ส่งผลให้คุณภาพและรสชาติของเนื้อปลาด้อยลง  “อิเคะจิเมะ” จึงถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นเพื่อยกระดับความสดอร่อยของเนื้อปลา พร้อมประโยชน์ต่างๆอีกมากมาย เพื่อรักษาคุณภาพของเนื้อปลาให้ดีที่สุด ลดกลิ่นคาว สามารถทานดิบได้ อีกทั้งยังช่วยชะลอยืดอายุการเก็บรักษาของเนื้อปลาได้อีกด้วย” นายเจือ กล่าว

\"\"

ทั้งนี้ จากข้อมูลล่าสุดพบว่าปลากะพงลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาจะเป็นปลากะพงแห่งแรกของไทยที่ได้ขึ้นทะเบียน GI โดยมีผู้เลี้ยงประมาณ 2,000 ราย 5,000 กระชัง เฉลี่ย 500 ตัว/กระชัง ตามที่ GI กำหนดราคาจะอยู่ที่ 150-160  บาท/กก. ขนาดตัวตั้งแต่ 2 – 5 กก. ราคาประมาณ 750  บาท/ตัว แต่หากใช้เทคนิคอิเคจิเมะเข้ามาช่วยและส่งเสริมองค์ความรู้ให้ชาวประมงผู้เลี้ยงปลาอย่างแพร่หลายพร้อมทั้งหาตลาดรองรับในวงกว้างมากขึ้นก็จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มกว่า 900 บาท/ตัว สร้างเงินหมุนเวียนให้กับกลุ่มผู้เลี้ยงปลากะพงสามน้ำกว่า 2,250 ล้านบาท/ปี ….////