ชาวนาขอถามคนต้นคิดเรื่องปลูกกล้วยในนาข้าว ต่อไปทางรัฐมันตรีหรือรัฐบาลจะกินกล้วยแทนข้าวกันหรือยังไง น่าจะมาดูแลเรื่องราคาข้าวหรือเงินช่วยเหลือมากกว่าทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
เวลา 08.00 น.วันที่ 10 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้ไปพบกับ นางจำรูญ เก่งธัญกรรม อายุ 70 ปี ซึ่งมีผืนนาอยู่กว่า 10 ไร่ที่ หมู่ที่ 3 บ้านหมกแถว ตำบลหมกแถว อำเภอหนองขาอย่าง จังหวัดอุทัยนธานี ซึ่งได้ให้ความคิดเห็นในเรื่องที่ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ออกมาให้ความเห็นว่าหากราคาข้าวนั้นตกต่ำมาก ก็น่าจะมาปลูกกล้วยแทน นางจำรูญ นั้นบอกว่านาข้าวนั้นก็ไม่ใช่จะเอาอะไรมาปลูกได้ซึ่งตั้งแต่การปรับสภาพดินแล้ว ซึ่งจะปลูกได้ก็เพียงข้าวเท่านั้น จะเอาอะไรมาปลูกแซมหรือทดแทนเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย แล้วถ้าเกิดปลูกได้จริง ๆ ชาวนาทั่วประเทศปลูกกล้วยกันจริงๆแล้วจะเอาตลาดที่ไหนมารองรับต่างประเทศจะมารับซื้อจริงหรือ หากมันมีปัญหาล้นตลาดแล้วจะทำอย่างไรหากปลูกได้จริงๆ
ทางรัฐบาลน่าจะมาเอาใจใส่ในเรื่องแหล่งน้ำที่ทำนามากกว่าเพราะในแต่ละพื้นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือความแห้งแล้ง ซึ่งก็ต้องยอมรับในชะตากรรมในเรื่องนี้มาตั้งแต่เริ่มทำนาในสมัยเป็นสาวจนมาถึงอายุป่านนี้ก็ยังคงไม่พ้นเรื่องนี้ แต่ด้วยพ่อและแม่นั้นทำมาก่อนและทิ้งผืนนาไว้ให้ก็ต้องสืบต่ออาชีพของครอบครัว นางจำรูญได้พาไปดูสระกักเก็บน้ำหรือที่เรียกกันติดปากว่าสระหลวง ซึ่งในหมู่บ้านหมกแถวแห่งนี้ทำนากันเยอะหลายพันไร่อยู่แหล่งน้ำทำนาอาศัยสระที่ทาง อบต.หรือทางเกษตรจังหวัดแห่งนี้เพียงสระเดียวเท่านั้นแต่มันไม่เพียงพอเพราะละแวกนี้มีเพียงสระน้ำสระเดียวที่ขุดไว้กักเก็บไว้นานแล้วในตอนนี้ก็แห้งขอดจนลงไปจับปลากันแทนแล้วหากบ้านไหนนั้นไม่ทำนาเพราะคิดว่าเสี่ยงเพราะขืนทำนาก็ไม่มีข้าวให้เกี่ยวจึงต้องหยุดไปเพราะแล้งนั้นมาเร็วกว่าทุกปี สิ่งที่เลี้ยงปากท้องเกษตรชาวนาได้ก็อาศัยปลาในสระนี้เองอย่างน้อยก็ไว้ทำกับข้าวได้หรือทำปลาเกลือไว้กิน โดยชาวนานั้นแย่งน้ำกันสูบจนแห้งขอดหมดแล้วซึ่งหากช่วยอยากให้มีการสำรวจว่าพื้นที่ไหนแล้งและมีคนทำนากี่ครัวเรือนแล้วมาแก้ไขโดยการหาแหล่งน้ำเพิ่มให้จะดีกว่าในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เช่นสนับสนุนให้ปลูกกล้วยอย่างที่บอกมา การปลูกข้าวนั้นหากให้ปุ๋ยน้อยไปก็จะออกรวงไม่สวยแต่ถ้าหากใส่เยอะก็เป็นการเพิ่มต้นทุนไปออีกทั้งที่ราคาขายข้าวยังคงเท่าเดิมโดยไม่มีทีท่าว่าจะขยับเลยและดูเหมือนทางรัฐบาลจะไม่ใส่ใจในเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำไป
ขณะเดียวกันในตอนนี้ราคาปุ๋ยยาก็แพงหรือขึ้นราคาจนต้องเพิ่มต้นทุนในการทำนาแต่ละครั้งต่อหนึ่งไร่จะลงทุนประมาณ 6,000 กว่าบาทเข้าไปแล้ว แต่พอไปขายได้เกวียนละ 6,000 บาทถ้วน อยากให้พยุงราคาข้าวขึ้นมาเป็นเกวียนละ 8,000 บาท ก็ยังพอเหลือบ้าง ส่วนเงินช่วยเหลือชาวนาก็น้อยเสียเหลือเกินและอยากถามทางรัฐบาลหรือทางนายพิชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่าต่อไป”ทางรัฐบาลจะไม่กินข้าวกันแล้วในหรือเปล่าจะกินกล้วยแทนกันแล้วใช่หรือไม่”น่าจะคิดแก้ปัญหาที่ค้างคามานานในการทำนาไม่ว่าจะเป็นเรื่องแล้ง เรื่องราคาข้าว หรือการช่วยเหลือให้ดีขึ้นกว่าเดิมมากกว่าที่จะคิดอะไรง่ายๆเช่นแนะนำให้ปลูกกล้วย ซึ่งสวนกล้วยนั้นทุกวันนี้ก็ปลูกกันเยอะกันจนไม่รู้จะส่งไปขายที่ไหนกันแล้วยังจะมาแนะนำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป จึงอยากให้ทางรัฐบาลทบทวนให้ดีในเรื่องนี้ เพราะชาวนานั้นถือว่าเป็นอาชีพหลักของประเทศไทยเลยก็ว่าได้และทุกยุคทุกสมัยคนที่ทำนาก็ยังคงทำอยู่เพราะมีการสืบทอดอาชีพมาตั้งแต่บรรพบุรุษจนมาถึงรุ่นของตัวเองและต่อไปรุ่นลูกนั้นก็ยังจะสืบต่อไปอีกด้วย