ภัยพิบัติ

ฉะเชิงเทรา – เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานเก็บล้างถังพลาสติกย่านเกาะขนุน อ.พนมสารคาม แปดริ้ว เปลวเพลิงลุกโหมรุนแรงยาวนานกว่า 2 ชม.ยังไม่มีทีท่าจะดับลงได้ง่าย หลังระดมรถน้ำดับเพลิงฉีดสกัดกว่า 20 คันยังไร้ผล ทั้งยังพ่นกลุ่มควันไฟดำทะมึนขึ้นสู่ท้องฟ้าอยู่ตลอดเวลา ล่าสุดยังรอคอยความช่วยเหลือจากรถดับเพลิงชนิดโฟมเคมีจากพื้นที่ จ.ระยอง มาสนับสนุนควบคุมสถานการณ์ วันที่ 29 เม.ย.68  เวลา 13.20 น. ได้เกิดเหตุเพลิงลุกไหม้ถังพลาสติก ขนาด 2 พันลิตรขึ้นจำนวนหลายใบภายในโรงงานของบริษัทถังรุ่งเรือง จำกัด ตั้งอยู่ใกล้กับสี่แยกนาน้อย (แยกเบส) เลขที่ 88 ม.14 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ภายในเป็นโกดังเก็บล้างถังบรรจุน้ำหลายชนิดขนาดต่างๆ ทั้งสีขาวและสีฟ้า โดยต้นเพลิงได้ลุกลามจากโกดังที่ 1 เก็บถังใหญ่ขนาด 2 พันลิตรไปยังโกดังอื่นๆ ภายในพื้นที่บริเวณโรงงานซึ่งมีทั้งหมด 5 โกดัง แต่เป็นโกดังที่ไม่ได้มีการเก็บสารเคมีอันตรายอยู่ภายใน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่มีรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ และเพลิงยังมีทีท่าลุกลามรุนแรงต่อไป หลังจากหน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ ได้นำรถน้ำดับเพลิงจำนวนกว่า 20 คันจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

ชัยภูมิ – บูรณาการสร้างฝายดินแกนซีเมนต์ แบบพอเพียงตามจุดพื้นที่รับน้ำที่ยังเกิดปัญหาน้ำแล้ง-น้ำท่วมซ้ำซากในพื้นที่ต่าง ๆ ต่อเนื่อง ( 27 เม.ย.68 ) ขณะที่ จ.ชัยภูมิ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหน้าแล้งปีนี้ในการเตรียมการแก้ไขปัญหารับมือภัยแล้ง-น้ำท่วม ซ้ำซากในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ นายอนันต์  นาคนิยม  ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับคณะทำงานอนุกรรมาธิการบริหารราชการแผ่นดินด้านการจัดการภัยพิบัติระดับชาติ ได้ลงพื้นที่ อบต.โป่งนก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ เพื่อแก้ปัญหาภัยพิบัติในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ในพื้นที่ตามจุดต่างๆในพื้นที่ที่เป็นต้นกำเนิดของน้ำชี (ซี) ที่ จ.ชัยภูมิ เป็นแหล่งต้นกำเนิดแม่น้ำชีแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดของประเทศไทย และมีการร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ ก่อนร่วมกันลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกับคณะทำงานก่อสร้างฝายดิน แกน ซีเมนต์ ที่บ้านโป่งขุนเพชรหมู่ที่ 3 ตำบลโป่งนก ซึ่งมีนายวรวิทย์ นามมหานวล นายอำเภอเทพสถิต นายวชิรพงศ์  ขุนทดธีระสวัสดิ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโป่งนก และคณะผู้บริหารข้าราชการพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับเพื่อติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติน้ำท่วมน้ำแล้ง ให้ได้อย่างยั่งยืนในอนาคตต่อไป

  กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี ออกโรงแจ้งเตือนสถานการณ์พายุฤดูร้อน ที่จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 26 – 29 เมษายน นี้ โดยขอให้ประชาชนชาวอุทัยธานีระวังภัยอันตรายจากฝนฟ้าคะนองลมกระโชกแรง และขให้อยู่ในที่โล่งแจ้งใต้ตนไม้ใหญ่ สิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรง รวมถึงอันตรายจากฟ้าผ่า ส่วนเกษตรกรควรป้องกันผลิตผลทางการเกษตรที่อาจได้ความเสียหาย วันที่ 25 เมษษยน 2568  ด้วยกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี ได้ติดตามสภาวะอากาศและปัจจัยเสี่ยง ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศแจ้งมาว่าบริเวณกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากจากสาธารณรัฐประชาชนจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามและทะเลจีนใต้ ส่งผลให้มีแนวพัดสอบของลมตะวันออกฉียงใต้และลมตะวันตกเฉียงใต้ พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนในขณะที่บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง  รวมถึงกรุงเทพมหานคร จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นบางพื้นที่  โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ระหว่างวันที่ 26 – 29 เมษายน 2568 นี้ โดยมีจังหวัดอุทัยธานีรวมอยู่ด้วยว่าจะเกิดพายุฤดูร้อนดังกล่าว ทางกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี ได้มีหนังสือด่วนที่สุดไปยังทุกอำเภอของจังหวัดอุทัยธานี แจ้งต่อไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้ใหญ่บ้าน กำนัน เพื่อแจ้งต่อไปยังพี่น้องประชาชน รวมทั้งลงประกาศแจ้งเตือนโพสต์ลงในสื่อโซเชียล ให้ให้ประชาชนได้รับทราบถึงประกาศเตือนภัยสถานการณ์พายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้นตามคำพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา โดยขอให้พี่น้องประชาชนชาวอุทัยธานีระวังภัยอันตรายจากฝนฟ้าคะนองลมกระโชกแรง และขให้อยู่ในที่โล่งแจ้งใต้ตนไม้ใหญ่ สิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรง รวมถึงอันตรายจากฟ้าผ่า ส่วนเกษตรกรควรป้องกันผลิตผลทางการเกษตรที่อาจได้ความเสียหาย

นครพนม – วันที่ 24 เมษายน 2568 นพ.อลงกต มณีกาศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครพนม เขต 3 พร้อมด้วยนายปรีชา มณีสร้อย นายอำเภอธาตุพนม และเหล่าจิตอาสา ผู้นำชุมชน ลงพื้นที่อย่างเร่งด่วน เพื่อมอบถุงยังชีพช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบวาตภัยในตำบลดอนนางหงส์ และตำบลนาถ่อน อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม หลังถูกพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำอย่างหนัก ส่งผลให้บ้านเรือนได้รับความเสียหายไปเกือบ 300 หลังคาเรือน สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก ทันทีที่สถานการณ์คลี่คลาย นพ.อลงกต และนายอำเภอธาตุพนม ได้นำทีมลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและให้กำลังใจผู้ประสบภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมมอบถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น นอกจากนี้ ยังได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการจัดทำที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้ที่บ้านเรือนได้รับความเสียหายหนักจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้ นพ.อลงกต กล่าวว่า \”ผมรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเข้าใจถึงความยากลำบากของพี่น้องประชาชนที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียในครั้งนี้ ในฐานะผู้แทนของท่าน ผมและทุกภาคส่วนจะเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด\” ด้านนายอำเภอธาตุพนม ได้สั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งสำรวจและประเมินความเสียหายอย่างละเอียด เพื่อจัดซื้อวัสดุซ่อมแซมบ้านเรือน และให้ความช่วยเหลือตามอำนาจหน้าที่ นอกจากนี้ ยังได้บูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อร่วมกันให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทุกด้าน ที่สำคัญ ได้มีการระดมจิตอาสา ทั้งช่างก่อสร้าง ช่างไฟฟ้า

ฉะเชิงเทรา – พิสูจน์หลักฐาน พร้อมตำรวจท้องที่ สภ.พนมสารคาม ลงตรวจจุดเกิดเหตุเพลิงไหม้ตลาดท่าเกวียน ชุมชนค้าขายเก่าแก่ในเขตเทศบาลพนมสารคาม พบต้นเพลิงมาจากร้านขายข้าวสารภายในซอยเทศบาล 8 ถ.พนมพัฒนา มีอาคารพาณิชย์เป็นเรือนไม้กึ่งคอนกรีตโบราณ 2 ชั้นเสียหายรวม 20 คูหา ขณะราษฎรเดือดร้อน 23 ครัวเรือน ด้านพยานเห็นประกายไฟประทุบนแนวสายไฟฟ้าก่อนเกิดการลุกลาม เชื่อสาเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจร วันที่ 24 เม.ย.68 เวลา 11.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองกำกับการพิสูจน์หลักฐาน จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย พ.ต.ท.วฤทธิ์ ถาวโรฤทธิ์ ช่วยราชการรอง ผกก.สอบสวน สภ.พนมสารคาม พ.ต.ท.พีรคนธ์ แสงสุวรรณ สารวัตรเวรสอบสวนเจ้าของคดี พ.ต.ท.มานิตย์ บุญแต่ง สารวัตรช่วยสอบสวนกรณีเหตุการณ์ใหญ่เพลิงไหม้ตลาดท่าเกวียน พ.ต.ท.พุฒิพงษ์ ชื่นชม สารวัตรหัวหน้างานสอบสวน สภ.พนมสารคาม ได้เดินทางลงพื้นที่เข้าตรวจสอบบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเพลิงไหม้เมื่อช่วงกลางดึกของเมื่อคืนที่ผ่านมา (23.40 น. 23 เม.ย.68) หลังจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ และการสอบสวนพยานผู้เห็นเหตุการณ์ พบว่าต้นเพลิงเกิดขึ้นที่บริเวณแนวสายไฟฟ้าใต้กันสาดหน้าร้านโอภาภัณฑ์ ซึ่งเป็นร้านค้าขายข้าวสาร ตัวอาคารเป็นเรือนไม้ 2

ฉะเชิงเทรา – ไฟไหม้ตลาดท่าเกวียน ชุมชนอาคารพาณิชย์สองชั้นสร้างด้วยไม้เก่าแก่ในตัวอำเภอพนมสารคามเปลวเพลิงโหมลุกลามรุนแรงเสียหายกว่า 20 คูหา ล่าสุดระดมรถน้ำดับเพลิงจาก อปท.ทั่วสารทิศกว่า 20 คันควบคุมเพลิงไว้ได้แล้วเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 24 เม.ย.68 เวลา 00.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 23.40 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ตลาดสดพนมสารคาม ทางด้านฝั่งตลาดสดเย็น ภายในชุมชนตลาดเก่าแก่ (ตลาดท่าเกวียน) เขตเทศบาลตำบลพนมสารคาม อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เบื้องต้นเพลิงได้ลุกลามรุนแรงต่อเนื่องไปมากถึงกว่า 20 คูหา เนื่องจากอาคารในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์แบบ 2 ชั้นสภาพเก่าแก่ปลูกสร้างด้วยไม้ ตั้งเรียงรายต่อเนื่องกันเป็นแถวยาวเรียบถนนทางหลวงสาย 3378 ทั้งสองฝั่งถนน โดยจุดเพลิงไหม้อยู่ทางด้านฝั่งตรงข้ามกับร้านค้าสะดวกซื้อท้องถิ่นแบบครบวงจร “ร้านพวงทอง 24 ชม.” ล่าสุดขณะนี้ได้มีการเร่งระดมรถน้ำดับเพลิงจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยรอบพื้นที่ ทั้งจาก อ.พนมสารคาม อ.สนามชัยเขต อ.แปลงยาว มากกว่า 20 คันมาทำการควบคุมเพลิงแล้ว โดยสามารถควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ ในเวลา 01.00 น. เบื้องต้นยังไม่มีรายงานจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

นครพนม – เกิดเหตุการณ์สุดสะเทือนใจเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (23 เมษายน 2568) พายุฤดูร้อนสุดรุนแรงพัดถล่มโรงเรียนบ้านปากบัง ตำบลพิมาน อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ส่งผลให้อาคารเรียนได้รับความเสียหายอย่างหนักถึงขั้นพังราบเป็นหน้ากอง! แรงลมที่กระโชกอย่างบ้าคลั่งได้หอบเอาโครงหลังคาทั้งหลัง รวมถึงสังกะสีปลิวว่อนไปทั่วบริเวณ สร้างความเสียหายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนี้ ยังพบเสาไฟฟ้าหักโค่นล้มขวางถนนบริเวณหน้าโรงเรียน ส่งผลให้ไฟฟ้าดับในพื้นที่เป็นวงกว้าง ซึ่งขณะนี้ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอนาแกกำลังเร่งดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เหตุการณ์พายุฤดูร้อนครั้งนี้สร้างความตกตะลึงและความเสียหายอย่างมากให้กับโรงเรียนบ้านปากบังและชุมชนโดยรอบ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่ความเสียหายต่อทรัพย์สินนั้นประเมินค่ามิได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงต้องเร่งเข้าสำรวจและให้ความช่วยเหลือโดยด่วน ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21-22 เมษายน 2568 ที่ผ่านมาพายุฤดูร้อนสุดโหดพัดถล่มจังหวัดนครพนมอย่างหนักหน่วง 7 อำเภอ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก บ้านเรือนประชาชนพังราบเป็นหน้ารวมความเสียหายรวม 637 ราย​ อย่างไรก็ตาม กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม ได้สั่งการให้ทุกอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังสถานการณ์พายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้ง เตรียมความพร้อมด้านเครื่องมืออุปกรณ์ เครื่องจักรกล และกำลังพล เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง หากมีการร้องขอ ทางจังหวัดนครพนมจะดำเนินการสำรวจความเสียหายอย่างละเอียดและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป และจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบเป็นระยะ ประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครพนมสามารถติดตามข่าวสารและประกาศเตือนภัยจากทางจังหวัดอย่างใกล้ชิด