ภัยพิบัติ

นครพนม : วันที่ 23 เมษายน 68 ที่จังหวัดนครพนม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเย็นวันที่ 22 เมษายน 2568 ช่วงเย็นที่ผ่านมาเกิดเหตุวาตภัยพัดกระหน่ำในพื้นที่จังหวัดนครพนม ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างถึง 7 อำเภอ สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก รายงานจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม (ปภ.นครพนม) ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบใน 15 ตำบล 56 หมู่บ้าน รวมบ้านเรือนเสียหายเบื้องต้น 400 หลังคาเรือน ใน 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโพนสวรรค์ 2 ตำบล 6 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 34 หลังคาเรือน อำเภอบ้านแพง 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 10 หลังคาเรือน อำเภอนาหว้า 2 ตำบล 12 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 64 […]

เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ภายหลังเกิดเหตุพายุฤดูร้อน พัดถล่มในหลายตำบล และตำบลหนองพอก อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด ช่วงบ่ายวันที่ 21 เมษายน 2568ที่ผ่านมา  ทำให้มีบ้านเรือนประชาชน สิ่งปลูกสร้าง ยุ้งข้าว และคอกสัตว์เลี้ยง ถูกพายุพัดหลังคาหลุด ได้รับได้รับความเสียหาย รวมทั้งสิ้น 32  ราย แบ่งเป็นหลังคาบ้าน จำนวน 24 ราย คอกสัตว์ 4 ราย ยุ้งข้าว 4 ราย  ประกอบด้วยบ้านคัดเค้า หมู่ที่ 1 จำนวน 10 ราย บ้านมะเหลื่อม หมู่ที่ 2 จำนวน 2 ราย  บ้านไก่ป่า หมู่ที่ 6 จำนวน 19 ราย และบ้านไชยอุดม หมู่ที่ 8 จำนวน 1 ราย ต่อมาข่วงสายวันที่ 22

กฟผ. ย้ำความมั่นใจเขื่อนใหญ่ กฟผ. มั่นคงแข็งแรงและปลอดภัยดี ได้รับการออกแบบเพื่อรองรับเหตุแผ่นดินไหวไว้แล้ว อีกทั้งมีการตรวจสอบตามข้อกำหนดมาตรฐานสากล ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลได้ทางแอปพลิเคชัน EGAT ONE            นายชวลิต กันคำ ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์แผ่นดินไหวศูนย์กลางประเทศเมียนมา ซึ่งส่งผลกระทบต่ออาคารบ้านเรือนประชาชนในหลายจังหวัด รวมถึงประชาชนมีความกังวลถึงความปลอดภัยของเขื่อนขนาดใหญ่ ซึ่ง กฟผ. ขอให้ความมั่นใจว่าเขื่อนภายใต้การดูแลของ กฟผ. ถูกออกแบบเพื่อรองรับเหตุแผ่นดินไหวไว้แล้ว อีกทั้งยังมีการตรวจสอบ ติดตาม และเฝ้าระวังความมั่นคงปลอดภัยผ่านเครื่องมือวัดพฤติกรรมเขื่อนตามมาตรฐานสากล ซึ่งพบว่าทุกเขื่อนใหญ่ของ กฟผ. ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว และสามารถทำหน้าที่เก็บกักน้ำ เพื่อการอุปโภค บริโภค การเกษตรและด้านการผลิตไฟฟ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ            ทั้งนี้ เขื่อนใหญ่ของ กฟผ. ถูกออกแบบให้สามารถรองรับแผ่นดินไหวที่อัตราเร่ง 0.1-0.2 g ซึ่งเหตุแผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมา เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งอยู่ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวประมาณ 546.36 กิโลเมตร ตรวจวัดอัตราเร่งได้

นครพนม – เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 21 เมษายน 2568 พายุฤดูร้อนพัดถล่มหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดนครพนม ส่งผลให้ 2 อำเภอหลัก คือ ศรีสงคราม และบ้านแพง ได้รับความเสียหายรุนแรง โดยมีรายงานบ้านเรือนเสียหายรวม กว่า 237 หลังคาเรือน จากรายงานของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม (ปภ.นครพนม) ระบุว่าอำเภอศรีสงคราม เสียหายหนักสุด พบความเสียหายใน 2 ตำบล 11 หมู่บ้าน รวมกว่า 170 หลังคาเรือนอำเภอบ้านแพง เสียหายใน 3 ตำบล จำนวน 67 หลังคาเรือน เสียงจากผู้ประสบภัย: “ไม่ถึง 10 นาที หลังคาหายหมด!” นายสมัคร ศรีษามุข เจ้าของร้านค้าในหมู่ 5 ตำบลนาเดื่อ เผยว่า “ฝนลมมารุนแรงมาก เหมือนฟ้าผ่ากลางวัน หลังคาร้านผมหายทั้งแผง ข้าวของเสียหายยับเยิน ไม่ทันตั้งตัวเลยครับ” นายอำเภอลงพื้นที่ทันที สั่งเร่งช่วยเหลือเต็มที่ ภายหลังพายุสงบ

นครพนม – เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 เวลา 15.30 น. นางสาวกรณ์กาญจน์ แก้วดี นายอำเภอศรีสงคราม พร้อมด้วยปลัดอำเภอ ได้ลงพื้นที่อย่างเร่งด่วนเพื่อเยี่ยมให้กำลังใจและสำรวจความเสียหายจากเหตุการณ์พายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำในพื้นที่อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่ามีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายจากวาตภัยรวมทั้งสิ้น 170 หลังคาเรือน โดยความเสียหายกระจายอยู่ในสองตำบลหลัก ได้แก่ ตำบลนาเดื่อ จำนวน 110 หลังคาเรือน ครอบคลุม 8 หมู่บ้าน และ ตำบลบ้านเอื้อง จำนวน 60 หลังคาเรือน ใน 3 หมู่บ้าน รายละเอียดความเสียหายเบื้องต้นในตำบลนาเดื่อ: * บ้านนาเดื่อ หมู่ที่ 1: 5 หลังคาเรือน * บ้านนาชุม หมู่ที่ 2: 8 หลังคาเรือน * บ้านนาโอ หมู่ที่ 4: 28 หลังคาเรือน *

ชาวนาถูกฟ้าผ่าเสียชีวิตกลางทุ่ง ขณะไถนาปรับหน้าดิน วันที่ 21 เมษายน 2568 เวลา 14.00 น.  พนักงานสอบสวน สภ.เสลภูมิ รับแจ้งมีเหตุฟ้าผ่าคนเสียชีวิต บริเวณทุ่งนา บ้านโค่นุ่น หมู่ 5 ต.นาแซง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด จึงออกตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.เสลภูมิ และหน่วยกู้ชีพศิลานคร ชาวบ้านรายหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์บอกว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตได้ออกมาไถนาเพื่อปรับหน้าดินเตรียมการเพาะปลูก ระหว่างนั้นได้มีกลุ่มเมฆฝนมืดครึ้มประกอบกับมีฟ้าคะนอง เห็นนายสฤษด์ เดินไปจุดไฟเผาตอไม้ในจุดเกิดเหตุ จู่ๆฟ้าได้ผ่าลงมาใส่ร่างของผู้ตาย จนล้มลงกับพื้น ตนจึงรีบเข้าไปช่วยเหลือ แต่ก็ไม่สามารถช่วยได้  เหตุที่เกิดขึ้นญาติไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต จึงให้ญาตินำไปประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลต่อไป

พายุฤดูร้อนถล่มร้อยเอ็ด! ต้นไม้ล้มทับรถ-บ้านพังยับกว่า 20 หลังคาเรือน ร้อยเอ็ด – เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. วันที่ 21 เมษายน 2568 เกิดพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำในพื้นที่อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด ส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างหนักใน 2 ตำบล ทั้งต้นไม้ขนาดใหญ่หักโค่น บ้านเรือนพังเสียหาย และรถยนต์ถูกทับ จุดที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักคือ ตำบลมะอึ โดยพายุลมแรงได้พัดต้นจามจุรีขนาดใหญ่หน้าที่ทำการเทศบาลตำบลล้มทับรถยนต์ 2 คัน คันหนึ่งเป็นรถเก๋งสีขาวได้รับความเสียหายเล็กน้อย ขณะที่รถโตโยต้า วีออส สีดำ ถูกโคนต้นทับเสียหายหนัก เจ้าหน้าที่ต้องเร่งใช้เลื่อยยนต์ตัดกิ่งไม้ออกเพื่อนำรถออกจากจุดเกิดเหตุ ไม่ไกลจากจุดดังกล่าว ภายในหมู่บ้านมะอึ หมู่ 8 แรงลมได้พัดต้นไม้หักโค่น เต็นท์ที่กางอยู่เสียหาย และมีบ้านเรือนประชาชนหลังคาปลิวหายไปทั้งหลัง 3 หลัง ขณะที่อีกกว่า 10 หลังได้รับความเสียหายบางส่วน นอกจากนี้ พื้นที่ตำบลหนองพอก ซึ่งอยู่ติดกัน ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน มีต้นไม้หักโค่น ป้ายโฆษณาพังเสียหาย บ้านเรือน ยุ้งข้าว และคอกสัตว์หลายหลังหลังคาหลุดปลิว ทีมงานจากองค์การบริหารส่วนตำบล ผู้นำชุมชน

“ประเสริฐ บุญเรือง” ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 6 พรรคเพื่อไทย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนลงพื้นที่อ่างเก็บน้ำสายนาเวียง เพื่อร่วมกันหาแนวทางการแก้ไข และป้องกันปัญหาการขาดแคลนน้ำในเขตเทศบาลตำบลกุดสิม อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยเบื้องต้นทางชลประทานได้สูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำลำพะยังตอนบนมาเติมในอ่างกว่า 400,000 ลบ.ม พร้อมเสนอกรมชลประทานขุดลอก เพื่อเพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำ ขยายและเปิดทางน้ำเขาอ่างเก็บน้ำแก้ปัญหาระยะยาวในอนาคต วันที่ 21 เมษายน 2568 นายประเสริฐ บุญเรือง ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 6 พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนาย สิทธิโชค ศรีเจริญ นายอำเภอเขาวง นายวัลลพ กรรณิการ์ ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษานายสุรพล สวนจันทร์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานกาฬสินธุ์ นายประดิษฐ์ ศรีประไหม ปลัดเทศบาลตำบลกุดสิม นางสาวพมาศ กระโจม ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาคสาขากุฉินารายณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่อ่างเก็บน้ำสายนาเวียง เพื่อร่วมกันหาแนวทางการแก้ไข และป้องกันปัญหาการขาดแคลนน้ำ ในเขตเทศบาลตำบลกุดสิม อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ ทั้งนี้หลังจากนายประเสริฐ และทางนายอำเภอเขาวง ได้รับร้องเรียนจากประชาชน ซึ่งมีความกังวลใจ เนื่องจากเห็นสภาพ และปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำแล้ว เกรงว่าปริมาณน้ำจะมีไม่เพียงพอพ้นหน้าแล้ง

เมื่อวันที่ 20 เมษายน ได้เกิดพายุฤดูร้อน ฝนตกฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงอย่างมาก พัดถล่มในพื้นที่อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร โดยเฉพาะที่ชุมชนแสงอรุณ เขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร มีบ้านเรือนได้รับผลกระทบหลายหลัง รวมทั้งที่หลังคาปลิวหลุดออกไปจากแรงลมแต่ยังโชคดีที่ไม่มีผู้ใดได้รับอันตรายหรือบาดเจ็บ ในเวลาต่อมานายอดุลย์ ศิริมันต์ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองมุกดาหาร ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมรถกู้ภัยออกให้การช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยและเคลื่อนย้ายหลังคาบ้านที่ถูกแรงลมพัดตกลงมาขวางถนนออกจากถนนเพื่อให้สามารถสัญจรไปมาได้ตามปกติ

นครพนม – นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา จังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2568 เพื่อติดตามสถานการณ์ไฟป่าและฝุ่น PM2.5 พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งควบคุมสถานการณ์อย่างเข้มงวด และส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน สร้างรายได้ให้ประชาชนอย่างยั่งยืน การลงพื้นที่ครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับปัญหาไฟป่าที่มักเกิดขึ้นในช่วงฤดูแล้ง โดยนายอนุทินได้รับฟังรายงานสถานการณ์และแนวทางการดำเนินงานจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งพบว่าการบูรณาการความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่และชุมชนเริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในพื้นที่ภูลังกาที่ไม่พบจุดความร้อนในปี 2568 สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของการดำเนินงานที่ผ่านมา \”เราต้องทำงานเชิงรุก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไฟป่าซ้ำอีก โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งที่ความเสี่ยงสูง\” นายอนุทินกล่าว พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกับชุมชนในการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนเหตุไฟป่า นอกจากภารกิจดับไฟป่า นายอนุทินยังได้สักการะองค์เจดีย์กองข้าวศรีบุญเนาว์ หรือ พระธาตุภูลังกา สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของอำเภอบ้านแพง พร้อมหารือแนวทางการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติภูลังกา โดยเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และการท่องเที่ยวโดยชุมชน ตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในระดับฐานราก \”ภูลังกาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ เราต้องส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ เพื่อสร้างรายได้และพัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่น\” นายอนุทินกล่าว การลงพื้นที่ครั้งนี้ของนายอนุทินแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งเป็นสองประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ