เกษตร

สุราษฎร์ธานี-อธิบดีกรมการค้าภายใน พร้อมคณะ ลงพื้นที่แก้ปัญหาราคาปาล์ม เคาะ โรงสกัด ยืนราคารับซื้อไม่ต่ำกว่า 5 บาทต่อกก. ย้ำเกษตรกรต้องตัดปาล์มสุก ขณะที่ชาวสวนปาล์มแย้งรับไม่ได้ย้ำขายลานเทต้องได้ กก.6 บาท นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การรับซื้อและแก้ปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 ที่ผ่านมาโดยได้ประชุมร่วมกับนายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี , ดร.วันสาด ศรีสุวรรณ ผู้แทนเกษตรกร นายไกรวุฒิ ศิริอนันตภัทร์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัด, สมาคมโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม และคณะ จ.สุราษฎร์ธานี กระบี่ และตรัง รวม 12 ราย โดยเปิดเผยว่า “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ มีความเป็นห่วงเกษตรกรชาวสวนปาล์มในพื้นที่ภาคใต้ จึงสั่งการให้กรมการค้าภายในลงพื้นที่แก้ปัญหาราคาปาล์ม ซึ่งปัจจุบันประสบปัญหาราคารับซื้อลดลงจากช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดเยอะขึ้น ประกอบกับเกษตรกรเร่งตัดปาล์มน้ำมัน ซึ่งเกิดการกระจุกตัวหน้าโรงงานสกัดฯ โดยปัญหาดังกล่าวในที่ประชุม ได้มี 4 มาตรการ ดังนี้

สตูลครูสาวนำโครงงานเด็กต่อยอดเลี้ยงนกกระทาสร้างรายได้เสริมวันละเกือบ 2 พันบาท น.ส.พิณยุพา นครี หรือครูปิ๊ก คุณครูร.ร.อนุบาลสตูล ใช้เวลาว่างช่วงเย็นเลี้ยงนกกระทาเป็นรายได้เสริมโดยใช้พื้นที่ข้างบ้าน ต.ควนขัน อ.เมืองสตูล สามารถสร้างรายได้วันละเกือบ 2 พันบาทถือเป็นรายได้จากการต่อยอดโครงงานเรียนรู้ของนักเรียนที่ไม่สูญเปล่า น.ส.พิณยุพา หรือครูปิ๊ก เล่าให้ฟังว่าตนเป็นครูสอนน.ร.ระดับอนุบาล ซึ่งทางโรงเรียนจะมีโครงงานให้นักเรียนคิดขึ้นมา ซึ่งนักเรียนในห้องอายุ 4-5 ขวบสนใจในเรื่องของนกกระทา จึงค้นคว้าเรื่องนกกระทาขึ้นมา ตนจึงซื้อนกกระทามา 20 ตัวเพื่อให้เด็กได้ศึกษาเรียนรู้ ซึ่งเด็กก็สนใจมาก คิดคำถามขึ้นมาเรื่องของสายพันธุ์ วงจรชีวิต และจดบันทึกเรื่องของนกกระทา จนกระทั่งนกที่เลี้ยงออกไข่ เด็กก็ตื่นเต้นกันใหญ่และที่สำคัญเด็กก็ได้กินไข่นกกระทาที่เลี้ยง ต่อมาจาก 20 ตัวตนก็เพิ่มเป็น 200 ตัวเพื่อให้เด็กได้ทำกิจกรรมกับไข่นกที่เลี้ยง ที่เหลือก็นำไปขายจนกระทั่งไข่ที่ได้ไม่เพียงพอจึงเลี้ยงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันตนเลี้ยงมาได้ร่วม 3 ปีมีนกที่เลี้ยงประมาณ 2 พันตัว ได้ไข่วันละ 1,700-1,800 ฟองขายส่งฟองละ 1 บาทขายปลีกฟองละ 1.3 บาท โดยใช้พื้นที่ทำโรงเรือนเพียง 5X5 เมตร ใช้เวลาดูแลและเก็บไข่ในตอนเย็นหลังเลิกเรียน ช่วงวันหยุดโดยเฉพาะปิดเทอมเด็กมาเรียนพิเศษตนก็จะนำมาเรียนรู้ให้เด็กได้สัมผัสวิถีชีวิตเกษตรกร ให้เก็บไข่ เรียนรู้จากประสบการณ์จริง

เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันใน อ.เมืองกระบี่ เร่งตัดผลผลิตที่สุกเต็มที่ส่งขายให้ทันก่อนลานรับซื้อในชุมชนจะปิดรับซื้อชั่วคราว 3 วัน เหตุผลปาล์มทะลักล้นลาน ขนส่งไม่ทัน รถติดคิวหน้าโรงงานยาวเหยียด ราคาตกไม่หยุด ทำผู้ประกอบการ-คนสวนโอดทั้งน้ำตา วันที่ 29 เมษายน 2568 ที่ตำบลทับปริก อำเภอเมืองกระบี่ เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันต่างเร่งตัดผลปาล์มที่เริ่มสุกจัดและมีลูกร่วง เพื่อนำส่งขายให้กับลานรับซื้อในชุมชน ก่อนที่จะมีการปิดรับซื้อชั่วคราวระหว่างวันที่ 29 เมษายน ถึง 1 พฤษภาคมนี้ โดยลานรับซื้อได้ประกาศรับซื้อเฉพาะลูกค้าประจำเท่านั้น ในราคากิโลกรัมละ 4.10 บาท หลังมีปริมาณผลปาล์มหลั่งไหลเข้ามามากเกินความสามารถในการขนถ่าย ส่งผลให้ลานเต็มและจำเป็นต้องหยุดรับชั่วคราว ผู้ประกอบการลานรับซื้อเผยว่า จำเป็นต้องเร่งขนผลปาล์มใส่รถบรรทุกเพื่อส่งต่อให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มที่อยู่ห่างไปกว่า 80 กิโลเมตร แต่รถแต่ละคันต้องเข้าคิวหน้าโรงงานนานถึง 1-2 วัน ทำให้ผลปาล์มที่ตกค้างเริ่มเน่าเสีย น้ำหนักลดลง ขายได้ราคาต่ำลงตามคุณภาพ สถานการณ์นี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อเกษตรกรที่มีปาล์มพร้อมขายจำนวนมาก แต่ยังทำให้ผู้ประกอบการลานเทรับซื้อต้องแบกรับต้นทุนขนส่งที่เพิ่มขึ้น ขาดทุนซ้ำซ้อนจากราคาที่ปรับลดลงต่อเนื่องในช่วงที่ผลผลิตออกมาก ชาวสวนหลายรายเผยว่า แม้ราคาจะลดลง แต่ก็ต้องเร่งขาย เพราะหากปล่อยไว้นาน ผลปาล์มจะร่วง เสียหาย และยิ่งขาดทุนหนักกว่าเดิม

เมื่อเวลา 12.00.น.วันที่ 28 เมษายน 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน จ.ปทุมธานี และ จ.สระบุรี กว่า 100 รายรวมตัวเรียกร้องรัฐบาลเรื่องราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันตกต่ำโดยมีการประชดโดยมีนายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันประ เทศไทย นางอรุณี ชีสังวรณ์ เลขาชาวสวนปาล์มน้ำมันรพีพัฒน์ จ.สระบุรี และ ชาวสวนปาล์มน้ำมัน จ.ปทุมธานี และ จ.สระบุรี กว่า 100 รายรวมประชุมเรียกร้องเรื่องดังกล่าวพร้อมกับการนำผลปาล์มน้ำมันมาขว้างทิ้งลงพื้นและตะโกนส่งเสียงดังว่าไม่เอาราคานี้ชาวสวนปาล์มน้ำมันตกต่ำแบบนี้ นายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันประเทศไทย กล่าวว่าวันนี้ชาวเกษตรกรผู้ปลูกน้ำมันปาล์มทั้ง 2 จังหวัด(ปทุมธานี สระบุรี) กว่า 30,000 ไร่ที่ได้รับผลกระทบจากผลผลิตราคาน้ำมันปาล์มตกต่ำ โดยในช่วงเวลาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมาราคาผลปาล์มน้ำมันลดลงทุกวันจนมาถึงวันที่ 28 เมษายน 2568 เกษตรกรได้ราคาขายปาล์มอยู่ที่ 4.30 บาทถึง 4.50 บาทซึ่งราคาต่ำกว้าต้นทุนของเกษตรกรอยู่ที่ราคาต้นทุนของเกษตรกรอยู่ที่ 5 บาท กว่าแล้ว ซึ่งผลผลิตของการเกษตรของเกษตรกรก็ได้น้อยเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนมาก ราคาปุ๋ยแพงมากราคาค่าแรง ค่าตัดปาบ์ม ค่าขนส่งวัตถุดิบในการผลิตสูงทุกอย่างส่งผลให้เกษตรกรประสบปัญหาการขาดทุนอย่างมากในช่วงนี้เกษตรกรจึงขอให้ทางกรมการค้าภายในในคณะทำงานรักษาสมดุลตามน้ำมันโดยขอให้ท่านอธิบดีกรมการค้าภายในให้เร่งแก้ไขปัญหาโดยด่วนและขอให้ภาครัฐบาลช่วยดูแลเกษตรกรผู้ปลูกตามน้ำมันที่กำลังเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้อย่างเร่งด่วนขอให้ผลผลิตของเกษตรกรไม่ต่ำกว่า 6 บาท

วันที่ 27 เมษายน 2568 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  คณะผู้บริหาร ทส.  นายชาตรี หล้าพรหม  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนคร และ นายวุฒิพงษ์ นามบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี  ร่วมลงพื้นที่ บ้านแสนพัน หมู่ที่ 6 ตำบลอุ่มจาน  อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร เพื่อเปิดโครงการจัดหาแหล่งน้ำบาดาลระยะไกลเพื่อแก้ปัญหาในพื้นที่แล้งซ้ำซากหรือน้ำเค็ม รูปแบบที่ 1 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมีนายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวรายงานผลการดำเนินงาน และนายวีรรัตน์ ธีรมิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร กล่าวต้อนรับ สืบเนื่องจากประชาชนในพื้นที่ตำบลอุ่มจาน มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วและมีความต้องการใช้น้ำเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับแหล่งน้ำผิวดินไม่เพียงพอ ส่วนน้ำบาดาลที่ใช้พบปัญหามีคุณภาพกร่อย เค็ม กรมทรัพยากรน้ำบาดาล จึงได้ดำเนินการเจาะสำรวจในพื้นที่บ้านแสนพัน หมู่ที่ 6 พบว่ามีศักยภาพน้ำบาดาล เฉลี่ย 5-7 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง และคุณภาพน้ำบาดาลจืด

ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร นำทีมหัวหน้าส่วนราชการ แต่งชุดคาวบอย  ร่วมเปิด “มหกรรมโคเนื้อ – โคขุน และประกวดโค” ประจำปี 2568   ส่งเสริมและพัฒนาการผลิตโคเนื้อ – โคขุนคุณภาพ  เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน  พร้อมส่งเสริมช่องทางการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ วันที่ 26 เม.ย.68  นายชูศักดิ์ รู้ยิ่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร เป็นประธานในพิธีเปิด“มหกรรมโคเนื้อ – โคขุน และประกวดโค” ประจำปี 2568  โดยมีนายสายฝน วงษาทุม ปศุสัตว์จังหวัดสกลนคร  คณะผู้จัดงาน หัวหน้าส่วนราชการ  ตลอดจนเกษตรกร และผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ร่วมในพิธี  ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 – 27 เมษายน 2568  ณ บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติพระสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร นายชูศักดิ์ รู้ยิ่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร กล่าวว่า โคเนื้อและโคขุนนับเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่มีบทบาทสำคัญต่อภาคเกษตรกรรมของประเทศไทย โดยเฉพาะในจังหวัดสกลนคร ซึ่งมีศักยภาพในการผลิตเนื้อโคคุณภาพสูง

พังงา-สุดทน เครือข่ายชาวสวนยางยื่นหนังสือต่อผู้ว่า ร้องรัฐบาลช่วยเหลือหลังถูกกดราคารับซื้อยางพาราอย่างไม่เป็นธรรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ศาลากลางจังหวัดพังงา เครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางจังหวัดพังงานำโดยนายธีรพงศ์ ตันติเพชราภรณ์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดพังงา เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับการกดราคารับซื้อยางพารา ต่อนายไพรัตน์ เพชรยวน ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ผ่านไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอความเป็นธรรมจากสถานการณ์ราคายางพาราตกต่ำอย่างหนัก ส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรอย่างรุนแรง โดยมีนายสมยศ รักษ์กำเนิด ผอ.การยางแห่งประเทศไทยจังหวัดพังงา ว่าที่ร้อยตรีมัรวาน อภิชาต เกษตรและสหกรณ์จังหวัดพังงา เข้าร่วม ในหนังสือร้องเรียน ระบุว่าการลดลงของราคายางมีแนวโน้มต่อเนื่อง และเกิดจากพฤติกรรมของกลุ่มนายทุนและบริษัทรับซื้อยางรายใหญ่ที่จงใจกดราคาซื้อยางต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ทางกลุ่มเกษตรกรได้เสนอแนวทางการแก้ไข 9 ข้อ อาทิ ให้คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการออกประกาศกำหนดราคาซื้อยางที่เป็นธรรม, ตรวจสอบบริษัทที่มีพฤติกรรมกดราคาและอาจเลี่ยงภาษี, ควบคุมการขนย้ายยางบริเวณชายแดนเพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้า และเสนอให้อนุมัติโครงการเงินกู้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง ทั้งนี้กลุ่มเกษตรกรย้ำว่า หากไม่ได้รับการตอบกลับภายใน 15 วัน จะยกระดับการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมต่อไป นายธีรพงศ์ ตันติเพชราภรณ์ กล่าวว่า สถานการณ์ราคายางพาราซื้อขายในตลาดภายในประเทศในห้วงเดือนเมษายน พ.ศ. 2568 มีราคาลดลงประมาณ 10 บาทต่อกิโลกรัม อย่างมีนัยสำคัญและมีทีท่าว่าจะลดลงอย่างต่อเนื่อง อันส่งผลต่อพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางในด้านต้นทุนการผลิตและประสบภาวะขาดทุน ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อชีวิตและครอบครัวของเกษตรกรชาวสวนยางอย่างมาก

วันที่ 25 เมษายน 2568 บรรยากาศในพื้นที่บ้านโบอ่อง ตำบลปิล็อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เต็มไปด้วยความคึกคัก เมื่อเกษตรกรชาวสวนทุเรียนในพื้นที่เริ่มเก็บเกี่ยวทุเรียนล็อตแรกของปี ซึ่งเป็นชุดที่ให้ผลผลิตสวยงามและมีคุณภาพ โดยผลผลิตจากสามสวนหลักในพื้นที่ ได้แก่ สวนของนายศุภวัฒน์ มุรินทร์, ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านอดิศักดิ์ และสวนของลุงเยี่ยม โดยตั้งเป้ารวมกัน 500 ตัน หลังเก็บเกี่ยว ทุเรียนทั้งหมดถูกลำเลียงลงเรือหางยาวเพื่อขนส่งไปยังจุดรับซื้อปลายทาง ก่อนจะกระจายสู่ตลาดผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดจีน ซึ่งในปีนี้ นายศุภวัฒน์ มุรินทร์ เจ้าของ “สวนมูลิน” รายใหญ่ของหมู่บ้านที่มีผลผลิตถึง 250 ตันต่อปี ตั้งเป้าส่งออกทุเรียนทองผาภูมิรวมถึงผลผลิตจากลูกสวนอื่น ๆ ไปยังประเทศจีนกว่า 500 ตัน ผ่านล้งที่จัดการเองทั้งหมด ทุเรียนทองผาภูมิขึ้นชื่อเรื่องรสชาติหวานมันกลมกล่อม ไม่หวานจัด เนื้อเนียนนุ่ม มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวและไม่ฉุนแรง ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขา อากาศเย็นชื้นตลอดปี จึงเอื้อต่อการปลูกทุเรียนคุณภาพสูง จนเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ บ้านโบอ่องยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่มีชื่อเสียง นักท่องเที่ยวสามารถเข้าพักที่กลุ่มแพมาลัย ซึ่งมีที่พักริมแพประมาณ 4-5 หลัง รองรับนักท่องเที่ยวได้ราว 40-50 คนต่อคืน