เกษตร

สตูลข้าราชการเกษียณดักกุ้งฝอยขายต่อยอดเพาะเลี้ยงในท่อสร้างรายได้สุดปัง ร.ต.ต.อภิสิทธิ์ พิทักษ์วาตรี อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 493 ม.4 ต.ละงู อ.ละงู จ.สตูล อดีตข้าราชการตำรวจ หลังจากเกษียณอายุราชการก็ออกมาทำไร่ทำสวน และในแต่ละวันก่อนเข้าสวนก็จะใช้เวลาว่างในช่วงเช้าตรู่ออกดักกุ้งฝอยในแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อนำมาขายสร้างรายได้เสริมโดยสามารถขายได้วันละ 500 บาท ร.ต.ต.อภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากที่ตนเองเกษียณอายุราชการมาก็มาทำไร่ทำสวนตามประสาผู้สูงวัย เพราะไม่ได้มีภาระต้องรับผิดชอบ ลูกๆก็เรียนจบและมีงานทำกันหมดแล้ว จึงอยากทำอะไรสบายๆที่ทำให้ตนเองมีความสุข และเมื่อประมาณ 5 เดือนก่อน นึกอยากกินกุ้งฝอยเพราะไม่ได้กินนานและในพื้นที่ไม่มีขาย แต่เห็นว่าในหมู่บ้านของตนมีแหล่งน้ำธรรมชาติมากมายจึงคิดว่าน่าจะมีกุ้งอาศัยอยู่ จึงได้ทดลองสั่งกระชังดักกุ้งมา 2 อันเพื่อที่จะนำมาดักกุ้งทานเอง แต่เมื่อนำไปดักกลับได้กุ้งจำนวนมากจนกระทั่งทานเองไม่หมดและเมื่อไปดักทุกวันก็ทำให้เกิดความเพลิดเพลินและสบายใจ ต่อมาก็สั่งกระชังดักเพิ่มมาเป็น 5 อัน กลับได้กุ้งจำนวนมากทานไม่หมดจึงได้นำไปแจกเพื่อนๆหลังจากนั้นเมื่อชาวบ้านรู้ก็มาขอสั่งซื้อกันเป็นจำนวนมาก ตนเองจึงสั่งกระชังเพิ่มมาเป็น 10 อัน โดยสามารถดักกุ้งขายได้วันละไม่ต่ำกว่า1กิโลกรัมสามารถนำมาขายได้กิโลกรัมละ 500 บาท ต่อมาเมื่อเห็นว่าขายดีและสามารถสร้างรายได้ดีตนเองจึงเริ่มมีแนวคิดเพาะเลี้ยงโดยนำกุ้งที่ดักได้ทุกวันมาคัดเลือกกุ้งตัวผู้และกุ้งตัวเมียที่มีไข่นำมาใส่ท่อซีเมนต์ไว้ 8 ท่อ เวลาผ่านไป 2 เดือน กุ้งฝอยที่ปล่อยไว้ออกลูกและเจริญเติบโตจนสามารถตักขายได้ โดยจะขายกุ้งฝอยเป็นๆในราคาขีดละ 50 บาทส่วนแบบตายแต่สดๆ ขีดละ 20 บาท […]

ราชบุรี  ในวันนี้ (7 พ.ค.68) ที่บริเวณสวนกล้วยหอมของนายอนุสรณ์   ฤทธิ์ล้ำ  ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ต.ยางหัก อ.ปากท่อ และเป็นสมาชิกผู้ปลูกกล้วยหอมส่งออกบ้านไทยประจัน ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกอยู่ประมาณ  12  ราย ได้ใช้พื้นที่ว่างเปล่าไม่ได้ใช้ประโยชน์ มาทดลองมาปลูกกล้วยและพืชผัก หลายชนิด ทำให้มีรายได้ทั้งระยะสั้น และระยะยาว  ที่สำคัญกล้วยแปลงนี้ ยังปลูกแบบไม่ใช้สารเคมี จึงทำให้เป็นที่ต้องการของต่างประเทศสั่งจองตลอดทั้งปี โดยนายอนุสรณ์  ฤทธิ์ล้ำ  ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ต.ยางหัก   ได้เล่าให้ฟังว่าการปลูกกล้วยจะต้องใช้ความขยันเพราะการไม่ใช้สารเคมีจะต้องดูแลมากกว่าการใช้สารเคมี ใส่ปุ๋ยขี้หมู และขี้วัวสม่ำเสมอ มีข้อดีช่วยให้สุขภาพร่างกายปลอดภัยดีกว่าการใช้สารเคมี   ส่วนเทคนิคการปลูกจะมีการตัดแต่งใบกล้วยให้โล่งโปร่ง และใช้ไม้ดามต้นกล้วยไว้ เพื่อป้องกันพายุพัด สมัยก่อนใช้เป็นลักษณะไม้ง่ามเหมือนเลขคูณจะมีข้อเสียไม้แกว่งไปโดนลูกกล้วยเป็นรอยขีดข่วน  ส่วนไม้ดามที่ต้นมีข้อดีคือ หากเกิดพายุพัดจะไม่เกิดการหักโค่น   แต่กรณีหากเป็นลมพายุพัดสวนเข้ามาที่ต้นกล้วยถือเป็นเหตุสุดวิสัย แต่ยังมีข้อดีที่ทางผู้ส่งออกจากประเทศญี่ปุ่นได้ประกันราคากล้วยไว้ ถ้าเกิดความเสียหายจากพายุพัดจะประกันราคาค่าชดเชยต้นละ 25 บาท  ประเทศญี่ปุ่นมีการตรวจสอบโดยมีตัวแทนเดินทางสุ่มตรวจพื้นที่  ว่ามีการใช้สารเคมีปนเปื้อนในการปลูก และได้ทำตามข้อตกลงหรือไม่  มีการส่งรายงานการปลูกเป็นระยะอย่างต่อเนื่องจนกว่ากล้วยจะตัดและเก็บผลผลิตได้ ระยะเวลาการปลูกทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี  แต่ถ้ามีการดูแลสภาพดินที่ดีเหมือนแปลงนี้จะอยู่ประมาณ 8 เดือนครึ่ง สามารถตัดขายได้ ส่วนช่วงนี้ได้เร่งมือนำไม้มาดามที่ต้นเนื่องจากกลัวพายุจะพัดเข้ามา  จากการฟังข่าวหลายพื้นที่เกิดพายุหลายแห่ง 

นครพนม – วันที่ 7 พฤษภาคม 2568 บรรยากาศการขนส่งสินค้าบริเวณด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม–คำม่วน) เงียบเหงา หลังรัฐบาล สปป.ลาว สั่งระงับการนำเข้าโค-กระบือจากไทยชั่วคราว หวั่นเชื้อแอนแทรกซ์แพร่ระบาด หลังมีรายงานผู้เสียชีวิตในจังหวัดมุกดาหาร   นายวิทวัส สีสุกใส อายุ 32 ปี ผู้ประกอบการขนส่งโค-กระบือ เผยว่า ต้องขนสัตว์กลับฟาร์มที่ประจวบคีรีขันธ์ หลังไม่สามารถส่งออกได้ทันกำหนด ขณะนี้แบกรับต้นทุนสูง ทั้งค่าขนส่ง อาหาร และค่าดูแลสัตว์ อีกทั้งบางตัวเริ่มมีปัญหาสุขภาพจากการเดินทางไกล ปกติการส่งออกต้องผ่านกระบวนการตรวจโรค ฉีดวัคซีน และกักตัวตามมาตรฐาน แต่เมื่อถึงฝั่งลาว หากโค-กระบือแสดงอาการผิดปกติ เช่น ข้อเท้าบวม ก็มีโอกาสถูกปฏิเสธ ซึ่งไม่สามารถนำกลับเข้าไทยได้ ทำให้ต้องจำใจขายขาดทุนในลาว นายวิทวัสเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหามาตรการคัดกรองและสร้างความเชื่อมั่น เพื่อให้การค้าชายแดนกลับมาเป็นปกติโดยเร็ว เพราะขณะนี้เกษตรกรได้รับผลกระทบจากราคาตกต่ำและยอดสั่งซื้อที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

ปศุสัตว์จังหวัดสกลนคร ยืนยัน ในพื้นที่จังหวัดสกลนคร ปลอดเชื้อแอนแทรกซ์ เอกซเรย์ และเร่งฉีดวัคซีนแก่โค กระบือ วางมาตราการเข้มการขนย้ายสัตว์ข้ามถิ่น นายสัตวแพทย์สายฝน วงษาทุม ปศุสัตว์จังหวัดสกลนคร เปิดเผยว่า จากการตรวจพบการแพร่ระบาดของโรคแอนแทรกซ์ ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร แม้ว่าจังหวัดสกลนคร จะมีพื้นที่ใกล้เคียงกับพื้นที่อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร ก็ตาม ทางสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสกลนคร ได้ให้ปศุสัตว์อำเภอในพื้นที่จังหวัดสกลนครออกพื้นที่เอกซเรย์และเร่งฉีดวัคซีนแก่โค กระบือ พร้อมได้วางมาตราการเข้มในการขนย้ายสัตว์ข้ามถิ่น ต้องได้รับอนุญาตจากปศุสัตว์อำเภอในพื้นที่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เลี้ยงโค กระบือ ในพื้นที่และสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค   สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันจากการเฝ้าระวังและค้นหาโรค ยังไม่พบสัตว์ป่วยผิดปกติในพื้นที่จังหวัดสกลนคร ดังนั้น เพื่อเป็นการเฝ้าระวังร่วมกัน จึงขอความร่วมมือเกษตรกรผู้เลี้ยงโค กระบือ แพะ แกะ  หากพบสัตว์แสดงอาการป่วย หรือตายผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุแบบเฉียบพลัน ห้ามผ่าซาก ห้ามเคลื่อนย้ายซากหรือชำแหละเพื่อการบริโภค ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ อาสาปศุสัตว์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) หรือโทรศัพท์ 042711756  เพื่อการช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างทันท่วงที   ทั้งนี้ ในพื้นที่จังหวัดสกลนคร มีเกษตรกรเลี้ยงสัตว์ จำนวน 107,945  ราย โดยแยกเป็น

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดมุกดาหารถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคแอนแทรกซ์ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร ว่า ในวันนี้ได้มีการนำดินมาถมบริเวณที่มีการชำแหละวัวในบริเวณสวนยาง บ้านโคกสว่าง หมู่ 6 ตำบลเหล่าหมีอำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร จนเป็นเหตุให้มีผู้ติดเชื้อแอนแทรกซ์เสียชีวิต 1 ราย และเป็นผู้ป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลอีก 2 ราย เพื่อป้องกันไม่ให้สปอร์ของเชื้อแอนแทรกซ์แพร่กระจายออกไป โดยได้มีเจ้าหน้าที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอดอนตาล นำโซดาไฟมาผสมน้ำแล้วใส่ฝักบัวไปเทราดลงพื้นดินทั่วทั้งบริเวณที่มีการชำแหละวัว ก่อนที่จะให้รถขนดินนำดินมาถมแล้วใช้รถไถบดอัดจนได้ระดับความสูงระดับเหนือพื้นดินเดิม 50 เซนติเมตร นายทัศนเทพ รักพิทักษ์กุล ผู้ใหญ่บ้านโคกสว่าง ม.6 ตำบลเหล่าหมี กล่าวว่า หลายวันที่ผ่านมานับตั้งแต่มีข่าวผู้เข้ามาชำแหละวัวในสวนยางบ้านโคกสว่างเสียชีวิต 1 คน และป่วยอีก 2 คน ด้วยโรคแอนแทรกซ์ จากนั้นก็ได้มีส่วนราชการจากหลายหน่วยงานเข้ามาในหมู่บ้านทั้งสาธารณสุข ฝ่ายปกครอง และปศุสัตว์ ในตอนแรกชาวบ้านก็รู้สึกดีใจเพราะเห็นหลายหน่วยงานเข้าทำให้มีความมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลสุขภาพให้ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโรคแอนแทรกซ์ ขึ้นในตอนแรกทางเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ก็ได้มานำดินจากบริเวณจุดที่มีการชำแหละวัว และขอเนื้อวัวซึ่งได้มาจากการชำแหละวัวในวันที่ 28 เมษายน ที่ชาวบ้านแช่ไว้ในตู้เย็น เพื่อส่งไปตรวจที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน โดยมีข่าวว่าจะรู้ผลประมาณตรวจวันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม แต่จนถึงวันนี้ซึ่งมีทั้งปศุสัตว์เขต 4 ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสุขภาพสัตว์และบำบัดโรคสัตว์ ปศุสัตว์จังหวัดมุกดาหาร และหัวหน้าด่านกักกันสัตว์มุกดาหาร เข้ามาในพื้นที่หมู่บ้านโคกสว่าง

5 พฤษภาคม 2568 – ผู้ค้าและเกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือในพื้นที่ภาคอีสานได้รับผลกระทบถ้วนหน้า หลังทางการลาวมีคำสั่งด่วน ห้ามนำเข้าและเคลื่อนย้ายโค-กระบือ แพะ แกะจากไทยโดยไม่มีกำหนด เหตุหวั่นการแพร่ระบาดของโรคแอนแทรกซ์จากพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร คำสั่งนี้เกิดขึ้นหลังมีการพบเชื้อในซากโคที่ถูกชำแหละใน อำเภอดอนตาล จ.มุกดาหาร ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย และป่วยอีก 2 ราย ขณะที่ผู้มีความเสี่ยงสัมผัสเชื้อสูงถึง 623 คน นายราเทน เถื่อนน้อย ผู้ประกอบการฟาร์มโค-กระบือเพื่อส่งออก เผยว่า ทางการลาวได้อนุโลมให้ส่งออกได้เป็นวันสุดท้ายใน 6 พฤษภาคมนี้ เท่านั้น โดยปัจจุบันในฟาร์มมีสัตว์รอกว่า 100 ตัวที่เสี่ยงตกค้าง หากไม่สามารถส่งออกได้ทันเวลา จะต้องแบกรับภาระค่าเลี้ยงดูที่เฉลี่ยเกิน 100 บาทต่อตัวต่อวัน ท่ามกลางปัญหาขาดแคลนหญ้าและฟาง เขายังเผยว่า ปัญหานี้กระทบหนักไปถึงเกษตรกรรายย่อยหลายครอบครัว ที่วางแผนขายสัตว์เพื่อหาเงินค่าใช้จ่ายช่วงเปิดเทอม แต่กลับไม่สามารถขายได้ตามแผน และราคายังตกต่ำลงอีกด้วย อีกหนึ่งปัญหาเรื้อรังคือบัญชีเงินของผู้ประกอบการหลายรายถูกอายัดตั้งแต่ 18 เมษายน โดยอ้างอิงถึงมาตรการตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มมิจฉาชีพไซเบอร์ ทำให้ไม่สามารถใช้เงินทุนดำเนินธุรกิจได้ นายราเทนตั้งคำถามว่า “ตรวจสอบอะไรถึงนานกว่า 17 วันโดยไม่คืบหน้า ทั้งที่เป็นเงินสุจริตในการดำเนินธุรกิจ” ภาคเอกชนและกลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์ จึงเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งหามาตรการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม