สุไลมาน แวมามะ

เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 ที่ โรงแรมเซาท์เทิร์น จ.ปัตตานี นาวาอากาศเอก จิราสินธุ์เกษมธนเสถียร รองผู้อำนวยการศูนย์สันติวิธี เป็นประธานเปิดกิจกรรมรอมฎอนสัมพันธ์กับเครือข่ายภาคประชาสังคม ประจำปี 2568 และกิจกรรมฮาลาล ฟู้ด คอนเทสต์ ประกวดอาหารฮาลาล พร้อมมอบรางวัลชนะเลิศให้แก่ทีม แวซง กะยะห์ ฮาลาลเพื่อเป็นตัวแทนจังหวัดปัตตานีไปแข่งขันชิงชนะเลิศ ที่จังหวัดนราธิวาส โดยมี พลตรี เฉลิมชัย สุทธินวล ผู้อำนวยการศูนย์สันติวิธี เครือข่ายภาคประชาสังคมจากหน่วยขึ้นตรงของศูนย์สันติวิธีในพื้นที่จังหวัดปัตตานีเข้าร่วมกิจกรรม นาวาอากาศเอก จิราสินธุ์ เกษมธนเสถียรรองผู้อำนวยการศูนย์สันติวิธี กล่าวว่า ตามที่พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการ รักษาความมั่นคงภายในภาค4 ได้มีดำริให้ พลตรี เฉลิมชัย สุทธินวล ผู้อำนวยการศูนย์สั้นติวิธี ดำเนินการจัดกิจกรรมร่วมกับเครือข่ายภาคประชาสังคมในช่วงเดือนรอมฎอน ประจำปี ฮิจเราะห์ศักราช 1446 เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการปฏิบัติศาสนกิจของพี่น้องชาวไทยมุสลิม  ตลอดจนเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการด้านอาหารฮาลาลในพื้นที่จังหวัด ปัตตานี ได้แสดงศักยภาพและพัฒนาอาหารฮาลาลในท้องถิ่นเพื่อเกิดความรักความสามัคคีในพื้นที่ของตนเองและจะนำมาสู่สันติสุขที่ยั่งยืน นอกจากนี้ กิจกรรมครั้งนี้ยังเป็นโอกาสให้ทุกท่านได้ร่วมละศีลอด และเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณเครือข่ายภาคประชาสังคมที่ได้ปฏิบัติงาน

สื่อดังอย่าง สำนักข่าว UtusanTV ของมาเลเซีย  ยังระบุในบทความที่ว่า ความหวังที่จะได้เห็นชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยประกอบศาสนกิจอย่างสงบสุขในช่วงเดือนรอมฎอนแตกสลาย เนื่องจากแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติ (BRN) ยังคงกระทำกก่อการร้าย โดยการโจมตีครั้งล่าสุดเมื่อวันเสาร์(8 มีนาคม) ซึ่งทำให้ อส. เสียชีวิต 2 คน อยู่ในระหว่างละศีลอด การโจมตีด่านรักษาความปลอดภัยที่ว่าการอำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส ยังทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 14 คน อส. 8  คน ชาวบ้าน 6คน  โดยมีเจ้าหน้าที่ อส.บาดเจ็บสาหัส จำนวน 3 คน   ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ที่ยะลา ชายคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บถูกยิงโดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนและตามมาด้วยเหตุการณ์ที่พระภิกษุจำนวน 3 รูป ที่อำเภอโคกโพธิ์ปัตตานี ถูกโจมตีทำให้ทั้ง 3 รูป ได้รับบาดเจ็บ  เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ขณะที่ชาวไทยมุสลิมกําลังละศีลอด กลุ่มวัยรุ่นได้ขว้างระเบิดไปป์บอมบ์ไปที่จุดตรวจถนนข้ามทางรถไฟ เมืองยะลา การก่อเหตุรุนแรงดังกล่าวทำให้พลเรือน 6 คนได้รับบาดเจ็บ

เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 พลตรี กรกฏ ภู่โชติ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมด้วย พันเอก อนุชา โนนคู่เขตโขง รองเลขาธิการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และคณะฝ่ายอำนวยการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ตรวจเยี่ยมหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อติดตามการปฏิบัติงาน สร้างความตระหนักรู้ด้านการประชาสัมพันธ์ และการขับเคลื่อนชุดคุ้มครองตำบลในพื้นที่ อำเภอศรีสาคร และอำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งมีหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส, หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 เป็นหน่วยที่รับผิดชอบดูแลพื้นที่ โดยมี ผู้บังคับหน่วย และกำลังพล ร่วมประชุมครั้งนี้ ในที่ประชุมได้มีการรับฟังการบรรยายสรุปชี้แจงผลการปฏิบัติงาน และผลความคืบหน้าในภารกิจต่างๆของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 รวมถึงมีการบรรยายจากสำนักสารสนเทศ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เกี่ยวกับการสร้างความตระหนักรู้ และการบรรยายจากศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ด้านการประชาสัมพันธ์เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติงานด้านการประชาสัมพันธ์ให้แก่หน่วยในพื้นที่ในการปฏิบัติงานด้านการประชาสัมพันธ์ เสริมสร้างความเข้าใจ

สำนักข่าว UtusanTV มาเลเซีย ได้นำเสนอบทความว่า เมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2567 ขณะที่ชาวไทยมุสลิมกําลังถือศีลอด มีเหตุการณ์โศกนาฏกรรมสองเหตุการณ์เกิดขึ้นในภาคใต้ของประเทศไทย เมื่อ อส. Ruslee Daleng ถูกสังหารที่สุสานในอำเภอธารโต จังหวัดยะลา การกระทำที่โหดร้ายของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนเกิดขึ้นเมื่อ Ruslee ผู้ที่ถูกสังหารกําลังอ่านอัลกุรอานหน้าหลุมฝังศพบิดาของเขา เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตกตะลึงให้กับชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ดังกล่าว พวกเขาแทบจะไม่เชื่อเลยว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายที่อ้างว่าต่อสู้เพื่อประชากรมุสลิมจะลงมือกระทำความโหดร้ายในช่วงเดือนศักดิ์สิทธิ์  และหนึ่งเดือนก่อนหน้านั้นคือ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567 ที่ตลาดรอมฎอนในหมู่บ้านดุซงญอ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส ในขณะที่ นางสาว Nurizan Promsri นั่งขายอาหารในตลาดรอมฎอนถูกยิงเสียชีวิตโดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดน  แน่นอนว่าเดือนรอมฎอนซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวาน ทั้งสองเหตุการณ์ดังกล่าวยังคงเป็นที่ทรงจำและหวาดระแวงของชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย  เช่นเดียวกับชาวไทยมุสลิมคนอื่น ๆ พวกเขาก็มีความสุขและตื่นเต้นที่จะต้อนรับเดือนรอมฎอน แต่คําถามคือกลุ่มแบ่งแยกดินแดน เช่น แนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติ (BRN) จะอนุญาตให้ชาวไทยมุสลิมเฉลิมฉลองความสุขของเดือนที่มีความสุขหรือไม่? หากพวกเขาต่อสู้เพื่อสวัสดิภาพของชาวไทยมุสลิมจริง BRN จะไม่ “หลั่งเลือด” ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยในช่วงเดือนรอมฎอนในปีนี้ อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าความคืบหน้าล่าสุดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยนั้น ดูเหมือนว่าจะสิ้นหวังอีกครั้ง  ซึ่งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

วันที่ 1 มีนาคม ที่ กองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ ค่ายอิงคยุทธบริหารตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี พลตรี วรเดช  เดชรักษา รองแม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมคณะฯ ตรวจเยี่ยมติดตามการปฏิบัติงาน พร้อมมอบแนวทางการปฏิบัติงานแก่กำลังพล กองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ / หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วม โดยมี พันเอก สฐิรพงษ์  อาจหาญ ผู้บังคับกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้, รองผู้บังคับกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจนเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วม ประจำจังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส และหน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วม ร่วมให้การต้อนรับและร่วมประชุมมอบแนวทางการปฏิบัติหน้าที่เชิงรุก พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกนายเพิ่มความเข้มงวด และให้มีการปรับเปลี่ยนแผนการรักษาความปลอดภัยและดูแลพื้นที่เขตรับผิดชอบ เพื่อป้องกันการก่อเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นรวมถึงเฝ้าระวังการกระทำผิดกฎหมายในทุกรูปแบบอย่างเคร่งครัด ก่อนจะมอบเครื่องอุปโภค–บริโภคให้แก่เจ้าหน้าที่ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจต่อการรักษาพื้นที่ให้เกิดสันติสุขโดยเร็ว พลตรี วรเดช  เดชรักษา ได้กล่าวเน้นย้ำกำลังพลว่า  วันนี้ได้นำข้อห่วงใยของผู้บังคับบัญชา แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ห่วงใยและติดตามภารกิจของเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง และเชื่อมั่นว่า เจ้าหน้าที่ทุกนายมีจิตสำนึกอุดมการณ์ต่อภารกิจที่ได้รับมอบหมายและตระหนักอยู่ตลอดเวลา การมาเยี่ยมในครั้งนี้ เพื่อให้คำแนะนำแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อให้ทุกนายบรรลุภารกิจที่ได้รับมอบหมายหัวใจสำคัญคือการปฎิบัติภารกิจต้องมีความปลอดภัยทั้งเจ้าหน้าที่และพี่น้องประชาชนและเชื่อมั่นเจ้าหน้าที่กองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ / หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วม ทุกนายปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มขีดความสามารถ เพื่อควบคุมพื้นที่ให้เกิดความสันติสุขมากที่สุด.