สื่อดังมาเลเซีย พาดหัว “อย่าปล่อยให้เดือนรอมฎอนเกิดการนองเลือดซ้ำรอยในพื้นที่ชายแดนภาคใต้”

\"\"

สำนักข่าว UtusanTV มาเลเซีย ได้นำเสนอบทความว่า เมื่อวันที่ 17 เมษายน .. 2567 ขณะที่ชาวไทยมุสลิมกําลังถือศีลอด มีเหตุการณ์โศกนาฏกรรมสองเหตุการณ์เกิดขึ้นในภาคใต้ของประเทศไทย เมื่อ อส. Ruslee Daleng ถูกสังหารที่สุสานในอำเภอธารโต จังหวัดยะลา การกระทำที่โหดร้ายของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนเกิดขึ้นเมื่อ Ruslee ผู้ที่ถูกสังหารกําลังอ่านอัลกุรอานหน้าหลุมฝังศพบิดาของเขา เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตกตะลึงให้กับชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ดังกล่าว พวกเขาแทบจะไม่เชื่อเลยว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายที่อ้างว่าต่อสู้เพื่อประชากรมุสลิมจะลงมือกระทำความโหดร้ายในช่วงเดือนศักดิ์สิทธิ์ 

และหนึ่งเดือนก่อนหน้านั้นคือ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม .. 2567 ที่ตลาดรอมฎอนในหมู่บ้านดุซงญอ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส ในขณะที่ นางสาว Nurizan Promsri นั่งขายอาหารในตลาดรอมฎอนถูกยิงเสียชีวิตโดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดน 

แน่นอนว่าเดือนรอมฎอนซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวาน ทั้งสองเหตุการณ์ดังกล่าวยังคงเป็นที่ทรงจำและหวาดระแวงของชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย 

เช่นเดียวกับชาวไทยมุสลิมคนอื่น พวกเขาก็มีความสุขและตื่นเต้นที่จะต้อนรับเดือนรอมฎอน แต่คําถามคือกลุ่มแบ่งแยกดินแดน เช่น แนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติ (BRN) จะอนุญาตให้ชาวไทยมุสลิมเฉลิมฉลองความสุขของเดือนที่มีความสุขหรือไม่?

หากพวกเขาต่อสู้เพื่อสวัสดิภาพของชาวไทยมุสลิมจริง BRN จะไม่หลั่งเลือดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยในช่วงเดือนรอมฎอนในปีนี้ อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าความคืบหน้าล่าสุดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยนั้น ดูเหมือนว่าจะสิ้นหวังอีกครั้ง 

ซึ่งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา กลุ่ม BRN ไม่ได้ส่งสัญญาณใด ว่า พวกเขาต้องการเห็นชาวไทยมุสลิมถือศีลอดอย่างสงบหรือยอมให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลตวามปลอดภัยให้ชาวไทยมุสลิมได้ปฏิบัติศาสนกิจอย่างสงบสุข 

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ข่มขู่สมาชิก อส.ไทยมุสลิมในพื้นที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ให้ลาออกจากเป็นข้าราชการของสยาม (รัฐบาลไทย) โดยมีการเขียนและพ่นสีบนทางหลวงและบนผนังโรงเรียน 

สถานการณ์ดังกล่าวพิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่ว่าเดือนจะเป็นเดือนไหน ศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ก็ตาม กลุ่ม BRN จะไม่หยุดการสร้างการก่อกวนและปล้นสะดมสันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย 

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะวิตกกังวลหรือไม่สบายใจที่จะนั่งอยู่เฉย เมื่อเห็นว่าประชากรไทยมุสลิมใช้ชีวิตอย่างสงบสุข และสามารถถือศีลอดได้อย่างสงบ ดูเหมือนจะพิสูจน์ให้เห็นว่าหากสถานการณ์เกิดขึ้น วาระของพวกเขาในการสร้างความหายนะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยจะไม่ประสบความสำเร็จ  

\"\"

หากกลุ่ม BRN ไม่มีเจตนาเช่นนั้นและต่อสู้เพื่อชาวไทยมุสลิมจริง พวกเขาก็ไม่ควรทรยศต่อชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย เพื่อดำเนินการถือศีลอดด้วยความสงบสุข 

ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลไทยที่ถูกกล่าวหาโดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนว่าเป็นนักล่าอาณานิคม ได้ใช้ความพยายามทุกวิธีทางเพื่อให้แน่ใจว่าประชากรมุสลิมสามารถดำเนินศาสนากิจในดือนรอมฎอนอย่างสงบสุข จะเห็นได้จากการที่ สมช. ได้ออกประกาศรอมฎอนสันติ เมื่อวันที่ 28 .. 68 เพื่อต้อนรับรอมฎอนสู่สันติสุข 2568 โดยมีการร่วมมือกับ มทภ.4 สน. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนดำเนินการให้เดือนรอมฏอนปลอดภัยสำหรับการปฏิบัติศาสนากิจของพี่น้องมุสลิมอย่างเต็มความสามารถ โดยเน้นแนวทางสันติวิธีเป็นหลัก 

นอกจากจะเพิ่มระดับการควบคุมความปลอดภัยแล้ว ยังมีการลดจำนวนสิ่งกีดขวางบนถนน เพื่อให้ประชากรไทยมุสลิมสามารถดำเนินกิจกรรมการสัญจรในเดือนรอมาฎอนได้อย่างราบรื่น 

หากพิจารณาอย่างรอบคอบ สิ่งที่รัฐบาลไทยกําลังทำอยู่ ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขากําลังทำงานอย่างหนัก เพื่อสร้างบรรยากาศที่สงบสุข และปลอดภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยตลอดเวลา รวมถึงในช่วงเดือนรอมฎอน 

แต่น่าเสียดายที่กลุ่ม BRN ไม่ได้แสดงความมุ่งมั่นแบบเดียวกัน แต่ตรงการข้ามพวกเขาได้ใช้วิธีการคุกคามชีวิตเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชาวไทยมุสลิมและสังหารชาวไทยมุสลิมที่ไม่ให้การสนับสนุนพวกเขา 

เหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ เมื่อชาวสวนคนหนึ่งถูกยิงเสียชีวิตโดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่หน้าบ้านของเขาที่อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส 

สถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้ไม่เพียงแต่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยเป็นสถานที่นองเลือดในช่วงเดือนรอมฎอน แต่ยังส่งสัญญาณล่วงหน้าว่ากลุ่มแบ่งแยกดินแดนจะไม่ปล่อยให้พื้นที่สงบสุข 

ในเรื่องนี้ความจริงใจของรัฐบาลไทยในการปกป้องชะตากรรมของประชากรไทยมุสลิมและนําความเจริญรุ่งเรืองมาสู่พื้นที่จังหวัดที่ขัดแย้งนั้นชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อ ทักษิณชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรีไทยได้เดินทางลงพื้นที่ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา 

ด้วยจิตใจที่เปิดกว้าง ทักษิณฯ ขออภัยต่อชาวไทยมุสลิมอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนจากเหตุการณ์สลายผู้ชุมนุมที่อำเภอตากใบเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม .. 2547 

แม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่ใช่ความผิดพลาดของเขาในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่ทักษิณกล่าวว่า หากมีความผิดพลาดที่ก่อให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ประชาชน ผมอยากขออภัยเพื่อช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ 

แม้จะรู้ถึงความเสี่ยงที่อาจรออยู่หลังจากการขออภัย แต่ทักษิณก็เต็มใจที่จะทำเช่นนั้นเพราะเขามีภารกิจที่ใหญ่กว่าในการสร้างสันติภาพและแก้ไขความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย 

แน่นอนว่าความปรารถนาของทักษิณสามารถใช้เป็นหลักประกันได้ว่า รัฐบาลไทยจะสร้างบรรยากาศที่สงบสุขในพื้นที่ตลอดเดือนรอมฎอน แต่แล้วกลุ่มแบ่งแยกดินแดนล่ะ

จนถึงตอนนี้ผู้เขียนยังไม่เห็นว่า BRN จะหยุดการกระทำที่รุนแรงของพวกเขา แต่ในขณะเดียวกันผู้เขียนก็มีความมั่นใจว่าหากพวกเขาเข้าใจและนําคําสอนของศาสนาอิสลามไปใช้จริง พวกเขาจะไม่หลั่งเลือดในเดือนศักดิ์สิทธิ์ 

พระองค์อัลเลาะห์เจ้าได้ตรัส ในบทอัลอันฟัล ข้อ 61 และ 62 ความว่า

‘..และถ้าเขาโน้มเอียงไปทางสันติสุข เจ้าก็จงโน้มเอียงไปทางพวกเขาด้วย และจงวางใจในอัลเลาะห์ แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงได้ยิน และผู้ทรงรอบรู้ และหากพวกเขาต้องการหลอกลวงพวกเจ้า อัลเลาะห์ก็เพียงพอแล้วสำหรับพวกเจ้า (ปกป้อง และให้การคุ้มครอง) พระองค์คือผู้ที่จะเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับพวกเจ้าด้วยความช่วยเหลือของพระองค์และกับผู้นับถือ\” 

บทบัญญัตินี้เป็นคําเตือนสำหรับชาวมุสลิม หากศัตรูต้องการสร้างสันติภาพ แต่รัฐบาลไทยไม่ได้เป็นศัตรูของชาวมุสลิมในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย ในทางตรงกันข้ามพวกเขาพยายามสร้างสวัสดิภาพให้กับชาวไทยมุสลิม และเต็มใจที่เปิดประตูการเจรจากับกลุ่มแบ่งแยกดินแดน 

ดังนั้น ในเดือนรอมฎอนปีนี้ จึงหวังว่าไม่เพียงแต่จะเปิดเส้นทางแห่งสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย แต่ยังเปิดใจผู้นํา BRN ในการเลือกเส้นทางที่พระองค์อัลเลาะห์ได้ตรัสสั่งสอน ในบทอัลอันฟัล ดังกล่าว 

จงให้ชาวไทยมุสลิมได้ดำเนินกิจศาสนาในเดือนศักดิ์สิทธิ์นี้ ค่อนข้างแปลกที่ทุกครั้ง ที่มีคนหนุ่มสาวมารวมตัวกัน มีบางคนที่ตะโกนคําพูดออกมาว่า จังหวัดดังกล่าวเสมือนกับฉนวนกาซา  

แต่สิ่งที่แปลกคือไม่มีการเคลื่อนไหวของกองทัพไทย เพื่อสังหารขับไล่ชาวมุสลิมหรือทำลายบ้านของพวกเขา ในทางตรงกันข้าม เกือบทุกวันมีชาวไทยมุสลิมหรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไทยมุสลิม
ที่ถูกสังหารโดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ดังนั้นจึงเกิดคําถามขึ้นว่า ใครกันแน่ที่ปฏิบัติภารกิจของระบอบ
ไซออนิสต์ในพื้นที่จังหวัดดังกล่าว?

ไม่ว่าอะไรก็ตาม ผู้เขียนจะยังคงเชื่อว่า กลุ่มแบ่งแยกดินแดนยังคงมีเจตนาดี เพื่อประโยชน์ของชาวไทยมุสลิม แต่แนวทางที่ใช้นั้นไม่ถูกต้อง ดังนั้นจงพยายามเลือกแนวทางสันติวิธี เพื่อเรียกร้องก่อนที่รัฐบาลไทยจะปิดประตูการเจรจา 

หวังว่ารุ่งอรุณของเดือนรอมฎอนในปีนี้ จะนําการเปลี่ยนใจเลื่อมใสมาสู่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนและนําความสุขมาสู่ชาวมุสลิม อย่าปล่อยให้เดือนรอมฎอนนองเลือดเกิดขึ้นซ้ำรอยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย …

/////////////

https://utusantv.com/2025/03/03/jangan-biarkan-ramadan-berdarah-berulang-di-selatan-thailand/?swcfpc=1