ภัยพิบัติ

พะเยา พายุลูกเห็บพัดถล่มหลังคาบ้านเรือนเสียหาย จังหวัดพะเยาเกิดพายุลูกเห็บพัดถล่ม ในพื้นหลายอำเภอ ส่งผลให้หลังคาบ้านเรือนราษฎรถูกลมพัดได้รับเสียหายหลายพื้นที่ โดยในพื้นที่บ้านหนองกลาง หมู่7 ต.บ้านมาง , หมู่ 2 ต.สระ อ.เชียงม่วน ลมพัด หลังคาได้รับความเสียหายประมาณ 6 หลัง บ้านท่าฟ้าใต้ หมู่ 2 ตำบลสระ บ้านเรือนเสียหาย 2 หลังคา หลังจากพายุสงบทางองค์การบริหารส่วนตำบลแต่ละตำบล ได้ทำการ เข้าสำรวจและช่วยเหลือประชาชนแล้ว ขณะเดียวกันพื้นที่อำเภอเมืองและอำเภอแม่ใจ ถูกพายุลูกเห็บลมฝนพัดกระโชกแรง ตกกระจายไปทั่ว หลังพายุสงบทางหน่วยงาน องค์การบริหารส่วนตำบลและเทศบาลตำบล ได้ ต่างลงสำรวจความเสียหายบ้านเรือนราษฎร ในหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบจากพายุลูกเห็บพัดถล่มเพื่อให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากพายุลูกเห็บพัดถล่มในครั้งนี้

ราชบุรี   ในวันนี้( 21 ก.พ. 68 ) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรหมู่ 5 ต.ยางหัก อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ว่าถังน้ำบาดาลที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มาสร้างไว้ให้เมื่อปี พ.ศ.2565 ผ่านมา 3 ปี แล้วชาวบ้านยังไม่เคยได้ใช้น้ำเลย  จึงเดินทางไปตรวจสอบพบว่า ในพื้นที่ต.ยางหัก อ.ปากท่อ นั้นอยู่นอกเขตชลประทานชาวบ้านต้องประสบกับปัญหาภัยแล้งซ้ำซากทุกปีทำให้พืชผัก ผลไม้  ทุเรียน กล้วย มังคุด กระท้อน ต้นกาแฟ เงาะ มะละกอ และผลไม้อีกหลายชนิดต้องขาดน้ำ   ช่วงที่ผ่านมาชาวบ้านได้ประสานทางหน่วยงานจากกรมทรัพยากรน้ำเข้ามาขุดเจาะบาดาล เพื่อสร้างถังเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ไว้ใช้น้ำด้านการเกษตรสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2565  ชาวบ้านในพื้นที่มีความหวังและดีใจว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในพื้นที่ได้ แต่ปัจจุบันนี้ผ่านมา3 ปีแล้ว ชาวบ้านก็ยังไม่ได้ใช้น้ำจากถังเก็บน้ำดังกล่าวแต่อย่างใด  พอไปตรวจสอบที่มาตรน้ำ บางตัวมีการหมุนเล็กน้อย บางตัวไม่หมุนเลย  เมื่ออ่านตัวเลขกำกับการหมุนที่มาตรน้ำบางตัวระบุตัวเลขการหมุนใช้น้ำเพียงแค่  379 หน่วย ทั้งที่มีการสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2565  พอเปิดน้ำดูก็มีน้ำไหลออกมาจากท่อเพียงเล็กน้อย ไม่นานก็แห้งและหยุดไหลไป ตั้งแต่สร้างเสร็จมาไม่เคยได้ใช้น้ำเลย  ซึ่งมีป้ายติดตั้งไว้ที่ข้างถังน้ำ ระบุเป็นโครงการพัฒนาน้ำบาดาล เพื่อการเกษตรแปลงใหญ่พื้นที่ 500

ภูเก็ต เจ้าหน้าที่เร่งควบคุมไฟไหม้แหลมกระทิง ต.ราไวย์ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ความเสียหายพื้นที่ป่าประมาณ 5 ไร่ และแนวไฟลุกลามยาว 500 เมตร เบื้องต้นไม่พบว่ามีนทท.-ปชช.ติดค้างในพื้นที่เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 เวลาประมาณ 20.20 น. เกิดเหตุไฟไหม้บริเวณแหลมกระทิง หมู่ที่ 1 ตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต โดยเพลิงลุกลามเป็นบริเวณกว้าง ส่งผลให้พื้นที่ป่าเสียหายประมาณ 5 ไร่ และแนวไฟลุกลามยาว 500 เมตร นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายอำเภอเมืองภูเก็ต สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต ทัพเรือภาคที่ 3 สถานีควบคุมไฟป่าภูเก็ต เทศบาลตำบลราไวย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ระดมสรรพกำลังและอุปกรณ์ดับไฟป่าเข้าควบคุมสถานการณ์ โดยสามารถควบคุมแนวไฟได้แล้ว 300 เมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ได้มีการจัดเวรเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการปะทุของไฟป่าอีกครั้ง จากการตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบว่ามีนักท่องเที่ยวหรือประชาชนติดค้างในพื้นที่เกิดเหตุ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมเร่งดำเนินมาตรการป้องกันไฟป่าในพื้นที่เสี่ยงต่อไป

พังงา-ด่วน มินิบัสสายภูเก็ต-พัทลุง เสียหลักพลิกคว่ำที่โค้งบ้านเขาเปาะ ตะกั่วทุ่ง เจ็บระนาวเด็ก 3 ขวบสาหัส เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 พนักงานสอบสวนสภ.ตะกั่วทุ่งได้รับแจ้งเหตุรถโดยสารประจำทางเสียหลักพลิกคว่ำ มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยวัดเก่าเจริญธรรม หน่วยกู้ชีพภูงา และชุดปฏิบัติการ ปภ.พังงา ที่เกิดเหตุบนถนนเพชรเกษมสายภูเก็ต-พังงา บริเวณโค้งบ้านเขาเปาะ ม.5 ต.กระโสม อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา พบรถมินิบัสโดยสารประจำทางสายภูเก็ต-พัทลุง สีชมพู หมายเลขทะเบียน 10-2124 ตรัง พลิกตะแคงอยู่ กระจกด้านหน้าแตก มีร่องรอยลื่นเสียหลักไปชนตอไม้ริมทางพลิกตะแคงด้านหน้ารถอยู่ริมถนน ท้ายรถอยู่ริมทางด้านท้องรถติดกับเสาไฟฟ้าริมทาง ส่วนผู้รับบาดเจ็บทั้งหมด 11 คน มีเด็กชายอายุ 3 ขวบ 1รายที่อาการสาหัส ทางเจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลพังงาแล้ว เบื้องต้นรถโดยสารได้เดินทางออกมาจากจังหวัดภูเก็ตมุ่งหน้าไปปลายทางจังหวัดพัทลุง ขณะถึงจุดเกิดเหตุเป็นช่วงที่ฝนตกพอดี คาดว่าทำให้ถนนลื่นและรถขับมาเร็วจึงเสียหลักแหกโค้งลงข้างถนนพลิกคว่ำจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรายดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานและสอบสวนพนักงานขับรถและผู้โดยสารเพื่อดำเนินคดีต่อไป  

ฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่ อ.บางละมุง เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง ทำให้น้ำท่วมขังในหลายจุด สูงสุดกว่า 50 เซนติเมตร ส่งผลให้รถเล็กไม่สามารถสัญจรได้ เจ้าหน้าที่เร่งเข้าควบคุมสถานการณ์ จุดที่ได้รับผลกระทบหนัก ได้แก่ ถนนสุขุมวิท-พัทยา 15 ถนนซอยหนองเกตุใหญ่และ ถนนเรียบทางรถไฟ เจ้าหน้าที่ กิจการพิเศษเมืองพัทยา ได้เข้าพื้นที่อำนวยความสะดวกและแจ้งประชาชนให้หลีกเลี่ยงเส้นทางน้ำท่วม พร้อมห้ามรถเล็ก ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ผ่านจุดที่น้ำท่วมสูง เพื่อป้องกันความเสียหายและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม พบว่ามี รถยนต์หลายคันฝ่ากระแสน้ำ ส่งผลให้น้ำเข้าห้องเครื่องยนต์จนเครื่องดับ และได้รับความเสียหาย หลังจากฝนหยุดตก เจ้าหน้าที่ใช้เวลาไม่นานในการเร่งระบายน้ำ สามารถสัญจรได้ตามปกติ

พระนครศรีอยุธยา-ฝนแรกกระหน่ำหนักทั้งคืน ลมพัดบ้านสองตายายทรุดพังลงไปกองกับพื้นทั้งหลังชาวบ้านช่วยออกมาได้ปลอดภัย เวลา 8:00 น วันที่ 18 กุมภาพันธ์    เกิดเหตุบ้านของตาละเอียด  วงฆ์สนิท  อายุ 75  ปี และยายสำรวย  มีสมผล  อายุ 62 ปี  พังถล่มลงมาทั้งหลัง ทรัพย์สินข้าวของภายในบ้านล้มแตกระเนระนาดได้รับความเสียหายทั้งหมด  โดยนางอมรรัตน์ กรึงไกร นายอำเภอพระนครศรีอยุธยา เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหาย โดยขณะเกิดเหตุมียายสำรวย อยู่กับหลาน 3 คนภายในบ้าน  ส่วนตาละเอียด ออกไปสูบน้ำนอกบ้าน  ชาวบ้านประสบเหตุเข้าไปช่วยเหลือพายายสำรวย  หลานทั้ง 3 คน  ออกจากบ้านได้อย่างปลอดภัย    โดยยายสำรวยได้รับบาดเจ็บถูกไม้กระแทกเข้าที่ด้านหลัง  น้องน้ำเหนือ  อายุ 5 ขวบ ได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าเล็กน้อย ทั้งสองคนไม่ประสงค์ไปโรงพยาบาลยังคงห่วงเฝ้าทรัพย์สินและห่วงหลานที่เหลืออยู่แต่ทุกคนปลอดภัยหมดแล้ว ด้านตาละเอียด  บอกว่าฝนตกตั้งแต่ตี 3 แรงมากมีลมพายุพัดด้วย นอกจากลมอายุแล้วฝนเป็นปัจจัยพัดถล่มบ้านแล้ว  ตัวบ้านยังถูกเพื่อนบ้านถมดินสูงกว่า 3 เมตร กลายเป็นร่องน้ำ ทำให้ดินใต้ถุนบ้านทรุดตัว เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้บ้านพังถล่มครั้งนี้อีกด้วย

วันนี้ (16 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนันต์  สงสัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลไกรใน พร้อมด้วยนายโกเมศ  มุกเพ็ชร กำนัน ต.ไกรใน และผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ได้นำกลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำมาช่วยกันติดตั้งเครื่องสูบน้ำ จำนวน 7 เครื่อง บริเวณปากคลองตะโก หมู่ 9 และที่หมู่ 13 ต.ไกรใน อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย นายโกเมศ  มุกเพ็ชร กำนัน ต.ไกรใน เปิดเผยว่า เนื่องจากมีเกษตรกรทำนาปรังในพื้นที่หมู่ 5 หมู่ 9 หมู่ 10 หมู่ 11 และหมู่ 13 ต.ไกรใน อ.กงไกรลาศ กำลังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ จึงได้ประสานขอความช่วยเหลือจากฝ่ายปฏิบัติการเครื่องจักรกลสูบน้ำที่ 2 ส่วนเครื่องจักรกลสูบน้ำ กรมชลประทาน ในการนำเครื่องสูบน้ำพร้อมน้ำมันเชื้อเพลิง มาติดตั้งผันน้ำในแม่น้ำยมสายเก่า เพื่อช่วยนาข้าวที่กำลังเจอภัยแล้งทั้ง 5 หมู่บ้าน “ตอนนี้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำไว้ 2 จุด จำนวน

สตูลไฟไหม้ป่าบนเขาเกาะบูโหลนทหารเรืออุทยานเข้าดับไฟบนเขา พล.ร.ท.สุวัจ  ดอนสกุล ผอ.ศรชลภาค 3  ได้มอบหมายให้น.อ.แสนย์ไท บัวเนียม รองผอ.ศรชลจ.สตูล สั่งการให้จัดกำลังพลจากนรภ.ทร.(หน่วยรักษาความปลอดภัยกองทัพเรือ)เกาะหลีเป๊ะ และเรือต.373 นำเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่จำนวน 2 เครื่องร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมุ่เกาะเภตรา เดินทางไปยังเกาะบุโหลนดอน เพื่อเข้าทำการดับไฟหลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านเกาะบุโหลนดอน ต.ปากน้ำ อ.ละงู ว่าเกิดเหตุไฟไหม้ป่าข้างเขาและชาวบ้านไม่มีเครื่องมือในการเข้าดับไฟ ต่อมาเจ้าหน้าที่กำลังพลจากเรือต.114 และเรือต.373พร้อมเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ร่วมกันดับไฟใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมงจนสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ต่อมาเวลา 14.00น.ของวันที่ 14 ก.พ.68 น.อ.แสนย์ไท บัวเนียม รองผอ.ศรชล.จ.สตูล พร้อมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่เกาะบุโหลนดอน เพื่อสำรวจบริเวณที่เกิดไฟไหม้และพบว่าเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นอีกบริเวณป่าข้างเขา ซึ่งไฟกำลังลุกไหม้ จึงได้นำเครื่องสูบน้ำจากทะเลต่อสายฉีดน้ำขึ้นไปดับไฟ ใช้เวลา 5 ชั่วโมงจนกระทั่งค่ำ จึงสามารถควบคุมไฟไว้ได้  พร้อมกันนี้ได้ฉีดพรมน้ำคลุมพื้นที่ดังกล่าวเป็นบริเวณกว้างเพื่อป้องกันการลุกลามขึ้นมาอีก โดยเน้นจุดที่อาจจะเกิดไฟปะทุขึ้นมาได้อีกครั้ง ซึ่งสาเหตุน่าจะเกิดจากฝีมือมนุษย์ อาจจะทิ้งก้นบุหรี่ เนื่องจากมีร่องรอยของคนที่เข้าไปในป่า ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวมีขยะและใบไม้แห้งเยอะ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของไฟไหม้ในครั้งนี้……………….

ราชบุรี     เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 12 ก.พ.68  พ.ต.ท.ประมาณ  ปลาทอง  สารวัตรเวรสภ.เมืองราชบุรี  ได้รับแจ้งเหตุไฟไหม้โรงงานผลิตเทียนไขชื่อ สหสากลมาร์เก็ตติ้ง จำกัด  ตั้งอยู่ ม.7  ต.ท่าราบ  อ.เมือง  จึงรายงานให้ พล.ต.ต.วชิรพงษ์  อมราพิทักษ์  ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ราชบุรี  และ พ.ต.อ.ทรงวุฒิ  เจริญวิชยเดช  ผกก.สภ.เมืองราชบุรี  ได้รับทราบพร้อมทั้งประสานขอรถน้ำดับเพลิงในพื้นที่ใกล้เคียงให้เข้าไปดับเพลิง  ก่อนจะเดินทางไปตรวจสอบ  ในที่เกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้อาคารที่เก็บวัตถุดิบสำหรับหล่อเทียน  เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องระดมรถดับเพลิงกว่า 50 คันทั้งในพื้นที่จ.ราชบุรี และจังหวัดใกล้เคียงเข้าทำการฉีดน้ำ  แต่เนื่องจากเปลวเทียนนั้นพอถูกกระแสน้ำทำให้เปลวไฟยิ่งลุก  จึงประสานขอโฟมจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี  กรมการทหารช่าง และในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง ให้มาช่วยกันระดมฉีดโฟมเพื่อดับไฟ  ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ที่จะดับไฟได้ และไฟยังได้ลุกลามไปไหม้อาคารที่อยู่ใกล้กันซึ่งมีทั้งหมด 4 อาคาร เจ้าหน้าที่ต้องเร่งระดมฉีดน้ำไปยังตัวอาคารที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อไม่ให้เปลวไฟลุกลามไป      จากการสอบถามนายวิวัฒน์  นิติกาญจนา  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี  ซึ่งเข้าไปช่วยดูแลในเรื่องของการดับไฟในครั้งนี้ก็บอกว่า  ตอนนี้ไฟได้ไหม้ลุกลามไปทั้งหมดแล้ว  แต่เจ้าหน้าที่ต้องพยายามที่จะดับไฟเพื่อไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้  โดยต้องรถโฟมซึ่งทาง อบจ.ก็ได้ส่งรถโฟมเข้ามาช่วยแล้วและในท้องที่อื่นๆ อีก ซึ่งคาดว่าน่าจะช่วยได้ 

วันที่ 11 ก.พ.68 พ.อ.พรรณศักย์ เพรียวพานิช ผบ.ร.29 ในฐานะ ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เปิดเผยว่า ขณะที่ จนท.ฉก.ลาดหญ้า ลาดตระเวนเฝ้าตรวจ อยู่ในพื้นที่ บ.พระเจดีย์สามองค์ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ตามภารกิจซีลชายแดน หรือ Seal Stop Safe อย่างเข้มงวด ก็ได้สังเกตุพบกลุ่มควันบริเวณชายป่าใกล้บ้านเรือนประชาชน ใกล้เขาครอนโด จึงได้สั่งการให้ พ.อ.ปิยะเณศร์  ภัทรศาศวัตวงษ์ รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า นำกำลังพล ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ร่วมกับ จนท.อบต.หนองลู เร่งเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ในการดับไฟป่าบริเวณถนนหมายเลข 323 (เขาครอนโด) ที่อาจไหม้ลุกลามเข้าไปยังบ้านเรือนประชาชนได้ กระทั่งในเวลาต่อมา รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า เปิดเผยว่า สามารถควบคุมสถานการณ์ไฟป่าจนกระทั่งเพลิงสงบลง จากการตรวจสอบไม่พบบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ทั้งนี้ ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ได้ร่วมกับส่วนราชการ ในการบูรณาการเร่งแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนในพื้นที่ชายแดน ตามแผนบรรเทาสาธารณภัยตามขั้นตอนที่ได้เคยฝึกซ้อม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และกองทัพบก