ทัชชภร สารพรรณ์

สตูลตั้งกรรมการสอบครูทำร้ายเด็กพร้อมติดตั้งกล้องในห้องเรียนสร้างความมั่นใจผู้ปกครอง กรณีคลิปครูทำร้ายเด็กในศูนย์เด็กเล็กซึ่งอยู่ที่เดียวกับร.ร.อนุบาลแห่งหนึ่งในอ.ทุ่งหว้า จ.สตูล เป็นเหตุให้พ่อเด็กได้เข้าแจ้งความที่สภ.ทุ่งหว้า และได้ร้องศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งความคืบหน้าล่าสุด นายกริชชัย ภู่ฉุน นายอำเภอทุ่งหว้า พร้อมด้วยนายชัยยา ฤทธิ์เดช นายกอบต.ทุ่งบุหลัง เจ้าหน้าที่พมจ. เจ้าหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัด เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม นายอมฤทธิ์ แสงจันทร์ รักษาการผอ.ร.ร.อนุบาลอบต.ทุ่งบุหลัง(สถานที่เกิดเหตุ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประชุมร่วมกันที่ห้องประชุม อบต.ทุ่งบุหลัง อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล โดยนายกริชชัย ภู่ฉุน นายอำเภอทุ่งหว้า ได้กล่าวว่าการดำเนินการนั้นได้แต่งตั้งพนักงานตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งมีผู้ปกครองอีกรายหนึ่งได้มาร้องเรียนในเรื่องของทะเลาะวิวาทอีกกรณีหนึ่ง จึงเอา 2 กรณีนี้เป็นเรื่องเดียวกัน โดยในเบื้องต้นได้ย้ายครูคนดังกล่าวออกมาอยู่ที่อบต.ก่อน เพื่อลดความขัดแย้ง และกำลังส่งตัวออกนอกพื้นที่เพื่อไม่ให้มายุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานหรือครอบงำพยานในคดี โดยความผิดนั้นมีทั้งในส่วนของคดีอาญาและวินัย ทางอบต.ยืนยันว่าคดีที่เกิดขึ้นจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย นอกจากนี้ในส่วนของพมจ.ก็ได้ลงไปประเมินสภาพจิตใจเด็ก ได้สอบถามทางผู้ปกครองว่าอยากให้ช่วยอะไรบ้างรวมถึงผลกระทบต่อจิตใจเด็กในระยะยาว นอกจากนี้ในเรื่องของใบประกอบวิชาชีพ ต้องรอผลการสอบข้อเท็จจริงในการพักใช้ใบอนุญาติโดยจะนำเสนอคุรุสภา ซึ่งมีอำนาจทางศึกษาธิการจังหวัดจะมาดูแลในเรื่องนี้ ด้านนายชัยยา ฤทธิ์เดช นายอบต.ทุ่งบุหลัง กล่าวว่าตนรับเรื่องราวอยากเรียกความเชื่อมั่นกับผู้ปกครองให้เร็วที่สุด โดยตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและตรวจสอบวินัย รวมทั้งผลัดกันไปเยี่ยมเยียนครอบครัวเด็ก ส่วนคุณครูให้ออกจากศูนย์ที่สอนอยู่ ให้มาอยู่ที่อบต.ชั่วคราวก่อน ซึ่งเรื่องการสร้างความมั่นใจแก่ผู้ปกครอง โดยติดตั้งกล้องวงจรปิดในห้องทั้งในห้องของศูนย์เด็กเล็ก และในส่วนของชั้นอนุบาลทั้ง 3 ชั้น

กรณีคลิปครูเหยียบเด็กได้เผยแพร่ออกในโซเชียลโดยเป็นครูร.ร.อนุบาลแห่งหนึ่งในอ.ทุ่งหว้าจ.สตูล หลังเกิดเหตุการณ์ทางผู้ปกครองเด็กได้เข้าแจ้งความดำเนินคดี แต่เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 มี.ค67 ทางผปค.เด็กเกรงว่าเรื่องจะหมดอายุความ จึงไปร้องศูนย์ดำรงธรรมเพื่อขอความเป็นธรรมกับกรณีดังกล่าว โดยวันนี้ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงไปในพื้นที่อีกครั้งพบว่าบริเวณดังกล่าวแบ่งออกเป็นร.รอนุบาลอบต.ทุ่งบุหลัง และศพด(ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก) โดยศพด.มีเด็ก 40 คนและร.รอนุบาล 1-3 มีเด็ก 60 คนและเด็กมีถูกกระทำ เป็นเด็กในความรับผิดชอบของร.รอนุบาล โดยบรรยากาศที่ร.รในช่วงเช้ามีผปค.มาส่งเด็กเรียนตามปกติแต่เช้า แต่บรรยากาศค่อนข้างบางตา ซึ่งผปค.บางคนบอกว่ารู้สึกกังวลใจเมื่อเห็นคลิปแต่ก็เพิ่งเห็น ได้สอบถามหลานก็พบว่ายังไม่มีปัญหาอะไร ส่วนครูคนอื่นก็ดีทุกคนบรรยากาศร.รก็ดีถือว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นบททดสอบจากพระเจ้า ขณะที่ปู่ของนร.คนหนึ่งบอกว่าเพิ่งทราบเรื่องนี้เหมือนกันและหลานของตนก็อยู่ห้องเดียวกับน้องด้วยจึงสอบถามหลานว่าเคยถูกคุณครูทำร้ายหรือไม่ หลานก็ตอบว่าไม่ แต่หากย้อนไปเมื่อปีที่แล้ว หลานก็เคยบ่นว่าไม่อยากไปร.ร ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและไม่รู้จะไปถามใครเมื่อคิดย้อนไปเด็กอาจกลัว แต่สำหรับภาพรวมของที่นี่ครูหลายคนก็ดูแลเด็กดี ผู้สื่อข่าวได้พบกับนายอมฤทธิ์ แสงจันทร์ ผอ.กองการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม อบต.ทุ่งบุหลัง ซึ่งรักษาการผอ.ร.รอนุบาลดังกล่าว ได้คุยถึงเหตุการที่เกิดขึ้น ทราบว่าที่ผ่านมาครูคนดังกล่าวซึ่งเป็นครูประจำชั้นอนุบาล1ซึ่งเด็กในห้องมี 20 กว่าคน มีครูที่รับผิดชอบห้องละ 2 คน หลังจากดูคลิปแล้วพบว่าเด็กดังกล่าวเป็นเด็กที่ค่อนข้างซนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ถือว่าเกินกว่าเหตุโดยขณะนี้ทางอบต.ได้ตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย และให้ย้ายครูออกจากร.รไปก่อนเพื่อความสบายใจของผู้ปกครอง และวันนี้คณะตรวจสอบจากจังหวัดได้ลงมาประชุมร่วมกับทางอบต.ที่อบต.ทุ่งบุหลังด้วย

สตูลโซเชียลแชร์ว่อนคลิปครูศูนย์เด็กเล็กใช้เท้าเหยียบเด็กก่อนตบหัวซ้ำล่าสุดพ่อแจ้งความดำเนินคดีแล้ว จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Tahnyamas Seafood ได้โพสต์คลิปลงในเพจดังในจ.สตูล คลิปดังกล่าวเป็นภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้นในศูนย์เด็กเล็กแห่งหนึ่งในพื้นที่อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล คลิปดังกล่าวเผยให้เห็นภาพของนักเรียนกำลังยืนแถว ต่อมามีนักเรียนคนหนึ่งวิ่งออกมาแล้วชนกับเพื่อนอีกคนก่อนล้มลงไปนอนลงกับพื้น ต่อมาปรากฏภาพของผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้าไปใช้เท้าเหยียบเด็กชายคนดังกล่าวเมื่อเด็กลุกขึ้นนั่งผู้หญิงคนดังกล่าวก็ได้ใช้มือตบตรงศีรษะเด็กชายไปอีก 1 ครั้งจนกระทั่งผู้หญิงเสื้อสีดำเดินเข้ามาประคองเด็กให้ลูกขึ้น คลิปดังกล่าวมีการแชร์และแสดงความคิดเห็นกันมากมาย ต่อมาผู้สื่อข่าวติดต่อสอบถามไปยังเจ้าของคลิปซึ่งได้ทราบว่าเป็นแม่ของเด็กชายผู้ถูกกระทำโดยให้ข้อมูลว่าตนแยกทางกับพ่อเด็ก เรื่องข้อมูลที่เกิดขึ้นให้ไปสอบถามที่พ่อของเด็กก่อน ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปยังพื้นที่หมู่ที่1ต.ทุ่งบุหลัง อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล ซึ่งเป็นบ้านของพ่อเด็ก แต่ไม่พบเนื่องจากพ่อออกทะเลทำประมง มีโอกาสได้พูดคุยกับนางดวงดาว (ขอสงวนนามสกุล) ยายของเด็กเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า คลิปดังกล่าวหลานชายของตนเป็นเด็กในคลิปจริง โดยพ่อของเด็กได้คลิปมาจากผู้หวังดี หลังจากครอบครัวได้เห็นคลิปก็รู้สึกหดหู่ใจและเสียใจมาก นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงที่กระทำดังกล่าวเป็นครูในศูนย์ที่นั้น จากการตรวจสอบคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม ปี 2567 ซึ่งใกล้จะครบปีแล้ว ขณะนั้นหลานชายตัวเองอายุ 4 ขวบเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 1 แต่ตนและครอบครัวเพิ่งได้เห็นเมื่อวันที่  26 ก.พ ปีนี้ ตอนนี้หลานอยู่ชั้นอนุบาล 2 แล้ว ก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินเรื่องราวว่าครูในศูนย์ดังกล่าวทำร้ายเด็กเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าจะมาเจอกับหลานตัวเอง หลังจากได้เห็นคลิปก็ได้เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ทุ่งหว้า และได้เดินทางเข้าร้องทุกข์กับนายกอบต.ท่งบุหลัง โดยนายกฯ ได้รับทราบเรื่องแล้วและพร้อมดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อสอบสวนหาความจริงและสาเหตุที่เกิดขึ้น ยายของเด็กเล่าต่อว่า พอนึกย้อนไปแม้นจะปีกว่าแล้วแต่ก็จำได้ว่าหลานเคยมาบอกว่าเจ็บคอโดนเหยียบที่คอไม่อยากไปโรงเรียน แต่ทางพ่อและญาติก็คิดว่าคงจะซุกซนและทะเลาะกับเพื่อนตามประสาเด็กซน ก็เลยไม่ถามอะไร

สตูลอบตกำแพงสืบสานขนมดูวอบุรีขนมโบราณนำผู้สูงอายุมาถ่ายทอดสู่คนรุ่นหลัง อบต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล โดยนางสำลี ลัคนาวงค์ นายกอบต.กำแพง ได้จัดโครงการส่งเสริมและสนับสนุนผู้สูงอายุถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่ลูกหลาน โดยการฝึกอบรมการทำขนมดูวอบุรีหรือขนมไส้แดง ซึ่งเป็นขนมพื้นถิ่นของต.กำแพง อ.ละงู ที่มีมายาวนานกว่า 100 ปี และขนมดังกล่าวมีให้กินแค่ปีละ1ครั้งในช่วงถือศิลอดเดือนรอมฎอนเท่านั้น   โดยทางอบต.กำแพง ได้นำผู้สูงอายุที่มีความรู้ในเรื่องการทำขนมดูวอบุรีหรือดัวร์บุรี มาถ่ายทอดความรู้สู่ครูและนักเรียน ร.ร.บ้านท่าแลหลา ต.กำแพงซึ่งเป็นนักเรียนระดับม.1-ม.3 จำนวน 50 คน ถ่ายทอดเรื่องการทำขนมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การกวนไส้ การทำแป้ง การหยอดแป้งลงกระทะและการพับขนมให้เป็นรูปสวยงาม โดยนักเรียนและคุณครูได้ทดลองทำขนมกันอย่างตั้งใจ นางสำลี ลัคนาวงศ์ นายกอบต.กำแพง กล่าวว่าครูและนักเรียนที่มาฝึกอบรมทำขนมครั้งนี้เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้ลูกหลานชาวบ้านในพื้นที่บ้านท่าแลหลา ต.กำแพง ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของขนมดังกล่าว ได้รู้จักและเห็นคุณค่าของการทำขนมดูวอบุรีหรือขนมไส้แดง ที่มีการสืบทอดภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่นไม่ให้สูญหาย เนื่องจากเป็นขนมที่มีขั้นตอนยุ่งยากและหลายขั้นตอน จึงไม่ค่อยมีการสืบทอด รวมทั้งสามารถนำไปประยุกต์ต่อยอดให้เกิดอาชีพสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวอีกทางหนึ่งเนื่องจากขนมดูวอบุรี หรือดัวร์บุรี มีความหอมอร่อย สามารถทำขายได้ตลอดทั้งปี แต่ปัจจุบันมีเหลืออยู่เพียงไม่กี่รายและทำเฉพาะเดือนถือศิลอดของพี่น้องมุสลิมเท่านั้น ขนมดูวอบุรีจะมีรสชาติหอมหวานไม่มาก นุ่มอร่อย นิยมกินคู่กับน้ำชากาแฟทั้งเช้าและเย็น และเป็นขนมที่กินได้ทุกเพศทุกวัย ……………

สตูลชาวบ้านร่วมใจทำบุญข้าวใหม่ฟื้นฟูวิถีดั้งเดิม ที่มัสยิดบ้านควนโต๊ะเหลง หมู่ 4 ต.ควนโดน อ.ควนโดน จ.สตูล ชาวบ้านร่วมกันทำนูหรีข้าวใหม่ หรือทำบุญข้าวที่เพิ่งเก็บเกี่ยวเสร็จใหม่ โดยมีการสาธิตการนวดข้าว การตำข้าวและฟัดข้าว เพื่อฟื้นฟูวิถีชีวิตดั้งเดิม ขอดูอาร์เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยข้าวที่ชาวบ้านปลูกเป็นข้าวพันธุ์พื้นเมืองอัลอัมดุลิ้ลลา ข้าวกข.79 และข้าวจัสมิน ชาวบ้านได้ช่วยกันหุงข้าวใหม่ ทำกับข้าวพื้นบ้าน เช่นแกงแกะ แกงกะทิหัวมะพร้าว ปลาเค็ม น้ำพริกกรีแซะ ผัดหมี่แดง รวมทั้งบริจาคข้าวใหม่ให้กับครอบครัวที่ยากจนเป็นการทำบุญข้าวไปด้วย   นายวาเศษ ตาเดอิน ประธานศูนย์ข้าวชุมชนบ้านควนโต๊ะเหลง กล่าวว่า ศูนย์ข้าวฯร่วมกับชาวบ้านได้จัดกิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อฟื้นฟูและสืบสานวิถีชีวิตคนดั้งเดิม ซึ่งเมื่อก่อนจะมีการทำบุญข้าวใหม่แต่ในระยะหลังงานบุญข้าวใหม่นี้สูญหายไป ตนคิดว่าปีนี้เราน่าจะจัดงานดังกล่าวขึ้นมาเพื่อเป็นการรวมพลังความสามัคคีของคนในหมู่บ้านอีกครั้ง โดยการนำข้าวใหม่ที่เพิ่งเก็บเกี่ยว นำมาหุงข้าว แม่บ้านพ่อบ้านก็มาช่วยกันทำกับข้าวทำแกง เหมือนคนสมัยก่อนเป็นการสานสัมพันธ์สร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในหมู่บ้าน ซึ่งปัจจุบันไม่ค่อยได้มารวมกลุ่มกันแบบนี้ เป็นการฟื้นฟูประเพณีดั้งเดิมเก่าๆขึ้นมาใหม่ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะข้าวท้องถิ่นของเรา ข้าวอัลฮัมดุลิ้ลลา หรือเรียกสั้นๆว่าข้าวอัลฮัม แปลว่าขอบคุณพระเจ้า การทำบุญข้าวใหม่ในครั้งนี้ก็ถือเป็นการขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้เรามีข้าวกิน ให้เราได้มาพบปะพี่น้องเพื่อนบ้าน โดยเราจัดข้าวบางส่วนเพื่อออกซากาตหรือบริจาคให้กับชาวบ้านที่ยากจนไปด้วย อย่างไรก็ตามสำหรับพื้นที่ต.ควนโดนนั้น เดิมเป็นพื้นที่ทำนา และได้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นสวนผลไม้ แต่ชาวบ้านยังคงเว้นพื้นที่ไว้สำหรับทำนาเพื่อบริโภค นาข้าวของที่นี่จึงเป็นนาข้าวอินทรีย์ปลอดสารและนาข้าวปลอดภัย ข้าวที่เหลือจากการบริโภคจึงนำไปขาย ส่วนใหญ่จะทำข้าวซ้อมมือ ถือเป็นพื้นที่ข้าวปลอดภัยของจ.สตูลอีกแห่งหนึ่งด้วย