ธนภัท กิจจาโกศล

สระแก้ว – เกิดเหตุไฟไหม้ป่าในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ระดมรถดับเพลิง-ทหารเข้าช่วยดับไฟ เมื่อเวลา 17.00 น.วานนี้ (28 ม.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุไฟไหม้ป่าในพื้นที่ ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยจุดที่เกิดเหตุอยู่ระหว่าง จุดตรวจที่ อ.06-07 บริเวณถนนศรีเพ็ญ ฝั่งตะวันออก ติดกับฝั่งประเทศกัมพูชา โดยไฟได้เริ่มไหม้ตั้งแต่ช่วงเวลา 14.00 น.เป็นต้นมา หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ 1202 และ ฉก.อรัญประเทศ กองกำลังบูรพา นำโดย ร.ต.สุวนัท เขียวตองอ่อน ผบ.ร้อย.ทพ.1202 ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 ซึ่งดูแลในพื้นที่เกิดเหตุ ได้รายงานให้ ผบ.กองกำลังบูรพารับทราบ และประสานขอรถน้ำไปยัง อบต.ป่าไร่ และเทศบาลเมืองอรัญประเทศ เพื่อเข้าช่วยดับไฟดังกล่าว ทั้งนี้ สำหรับจุดที่เกิดไฟไหม้ อยู่ในพื้นที่รอยต่อระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา บ.ป่าไร่ใหม่ ม.8 ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และฝั่งตรงข้ามแนว MOU43 ถูกไฟไหม้เป็นบริเวณกว้าง

สระแก้ว – เพจ\”สระแก้วบ้านเรา\”จับโป๊ะ ผู้ว่าฯสระแก้ว สั่ง จนท.ลงข้อมูลปฏิเสธไม่มีเหตุไฟไหม้หรือเผาอ้อยใกล้จวนผู้ว่าฯ ตามที่เพจดังรายงานข่าว ซึ่งเกิดในพื้นที่ ต.ท่าเกษม แต่ปรากฏว่า หลังสั่งการให้เข้มงวดปรากฏว่าเกิดเหตุเกิดขึ้นในพื้นที่่ ต.ท่าเกษม ใกล้จวนผู้ว่าฯ เพียง 1 กม.เศษเท่านั้น  เมื่อวันที่ 27 ม.ค 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่กระแสการวิพากษ์วิจารณ์การปฎิบัติหน้าที่ของ นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผ่านทางโลกโชเชียลมีเดียและเพจเฟซบุ๊กในพื้่นที่ จ.สระแก้ว ว่าปล่อยปละละเลย ให้มีการเผาไร่อ้อยกันอย่างครึกโครมในทุกอำเภออย่างต่อเนื่อง จนทำให้คุณภาพอากาศครอบคลุมไปด้วยฝุ่น pm 2.5 ในทุกอำเภอตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนต้องได้รับผลกระทบต่อสุขภาพกันอย่างถ้วนหน้า ดังนั้น หากผู้ว่าฯ ยังคงนิ่งเฉยและไม่กระตือรือร้นในการแก้ปัญหา ก็สมควรจะย้ายออกจากพื้นที ตามคำบอกกล่าวของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ที่ออกมาพูดชัดเจนต่อสื่อก่อนหน้านี้ ต่อมา เมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา ข่าวแจ้งว่า นายปริญญาฯ จึงได้กำชับทุกหน่วยงานในพื้นที่ให้เข้มงวดในการหยุดยั้งการเผาไร่อ้อยให้ได้ ตามมาตรการฯ โดยต้องไม่มีการเผาทุกกรณี และให้นำกฎหมายมาบ้งคับใช้กับผู้ฝ่าฝืนทุกราย อย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า

ปราจีนบุรี – สมาคมเกษตรกรชายแดนบูรพาและสาขาปราจีนบุรี ยื่นหนังสือ นอภ.กบินทร์บุรี ร้องเรียนปัญหาช้างป่าเก็บเกี่ยวอ้อยไม่ได้ แรงงานไม่กล้าตัดอ้อยสด และนโยบายห้ามเผาอ้อยจะถูกตัดสิทธิ์ในการช่วยเหลือเป็นเวลา 3 ปี และจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย  เมื่อวันที่ 27 ม.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ว่าการอำเภอกบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เกษตรกรชาวไร่อ้อยตำบลเขาไม้แก้ว และตำบลวังท่าช้าง จ.ปราจีนบุรี กว่า 50 คน มายื่นหนังสือต่อ นายธรรมรัฎฐ์ งามแสง นายอำเภอกบินทร์บุรี โดยอ้างว่า สมาคมเกษตรกรชายแดนบูรพาจังหวัดสระแก้ว และสมาคมเกษตรกรชายแดนบูรพา สาขาปราจีนบุรี ได้รับการร้องเรียนจากชาวไร่อ้อยในพื้นที่ตำบลเขาไม้แก้ว และตำบลวังท่าช้าง จังหวัดปราจีนบุรี ว่าในขณะนี้ไม่สามารถดำเนินการเก็บเกี่ยวผลผลิตในไร่อ้อยบางแปลงได้ เนื่องจากทั้งสองตำบลประสบปัญหาช้างป่าหากินอยู่ในไร่อ้อยของเกษตรกร ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมากและช้างป่าไม่ยอมเดินทางกลับเข้าเขตอนุรักษ์สัตว์ป่าและพันธุ์พืชเขาอ่างฤๅไน แต่จะพักอาศัยอยู่ในไร่อ้อย พื้นที่ตำบลวังท่าช้าง ทำให้แรงงานไม่กล้าเข้าไปตัดอ้อยสด เพื่อดำเนินการตามนโยบายของภาครัฐ ตัดอ้อยสดลดฝุ่น PM 2.5 เพื่อส่งโรงงานได้ ซึ่งในขณะนี้ภาครัฐฯ ได้ออกนโยบายห้ามเผาอ้อยจะถูกตัดสิทธิ์ในการช่วยเหลือเป็นเวลา 3 ปี และจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ เกษตรกรไม่สามารถตัดอ้อยส่งโรงงานน้ำตาลให้แล้วเสร็จตามที่กฎหมายกำหนด ตั้งแต่เดือนธันวาคม-เดือนมีนาคม ยืมเงินนำมาลงทุนปลูกอ้อย เฉลี่ย

สระแก้ว – จ.สระแก้ว เร่งเข้าแก้ไขปัญหาการเผาอ้อยและพื้นที่การเกษตร เพื่อลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดหนุ่ม ลงพื้่นที่ช่วยดับไฟในพื้นที่การเกษตรใกล้ศาลากลางจังหวัดจนรองเท้าเปิด เมื่อวันที่ 27 ม.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดไฟไหม้ในพื้นที่การเกษตร จ.สระแก้ว พิกัดใกล้กับศาลากลางและจวนผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ตั้งแต่ช่วงสายวันนี้ โดยไฟลุกไหม้ในพื้นที่ 3-4 จุดกระจายกันไป ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต้องลงพื้นที่เพื่อแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว เนื่องจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเข้มงาดและห้ามเผาทุกกรณี ซึ่งหลังจากผู้ว่าราชการจังหวัดได้ออกคำสั่งด่วนถึงนายอำเภอทุกเภอในช่วงเช้าวันนี้ ระบุว่า \”การประชุมติดตามสถานการณ์การแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และปัญหา pm2.5 เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2568 ซึ่งมีท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วเป็นประธาน ที่ประชุมได้มีมติ ให้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้เผาทุกแปลงทุกราย เริ่มในแปลงที่เผาตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นต้นไป โดยเมื่อลงไปตรวจสอบแปลงที่เผาแล้ว หากเป็นกรณีที่เจ้าของแปลงเป็นผู้เสียหาย เนื่องจากถูกคนอื่นลักลอบเผา ให้เจ้าของแปลงเป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์ แต่หากเป็นการกระทำผิดของเจ้าของแปลงหรือมีพยานหลักฐาน เชื่อว่าเจ้าของแปลงหรือผู้เช่าเป็นผู้กระทำผิด ให้นายอำเภอในฐานะผู้อำนวยการอำเภอ ตาม พรบ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 เป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์/กล่าวโทษ กับสถานีตำรวจในพื้นที่ ทั้งนี้ ให้รายงานผลการปฏิบัติให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทราบทุกเคส/ทุกราย/ทุกแปลงทางกลุ่มไลน์นี้ จึงเรียนมาเพื่อถือฏิบัติโดยเคร่งครัด\” และต่อมาได้เกิดไฟไหม้ใกล้กับศาลากลางจังหวัดหลายจุด พื้นที่

ปราจีนบุรี – เกิดเหตุช้างป่าอ่างฤาไนพังกำแพงรั้วโรงเรียนบ้านคลองตามั่น ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี  เมื่อวันที่ 27 ม.ค.68 ผู้สื่อข่าวรับแจ้งว่า ช้างป่าจากเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา พังกำแพงรั้วโรงเรียนบ้านคลองตามั่น ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เมื่อช่วงเช้าเช้าที่ผ่านมาพังเสียหาย จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่า รอยช้างป่าพังกำแพงรั้วโรงเรียน ซึ่งเป็นกำแพงปูนด้านทิศตะวันตกพังเสียหาย ขนาดกว้าง 2 เมตรยาว 1 เมตร ซึ่งกำแพงรั้วโรงเรียนมีความสูงประมาณ 2 เมตร แต่ช้างไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีเล้าไก่ไข่ของนักเรียนอยู่ 1 เล้า แต่ไม่ได้รับการเสียหาย น.ส.สกาวรัตน์ โพธิเกิด ครูโรงเรียนบ้านคลองตามั่น กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้า นักการภารโรงได้แจ้งให้กับ ผอ.โรงเรียนทราบแล้วว่า มีช้างป่ามาพังรั้วโรงเรียน ผอ.จึงสั่งให้นักการภารโรงดำเนินการซ่อมแซมบริเวณที่พังเสียหายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่า ช้างป่าตัวดังกล่าวที่มาพังกำแพงรั้วโรงเรียนเดินผ่านมาหากินบริเวณจุดเกิดเหตุ ได้กลิ่นอาหารไก่ จึงพังกำแพงปูน เพื่อที่จะมากินอาหารไก่ แต่ไม่ได้เข้ามากินอาหารไก่ในเล้า แต่เดินอ้อมไปตามถนนจากไป นางพยอม เหมือนสันเทียะ ผู้ปกครองเด็กนักเรียน กล่าวว่า

สระแก้ว  – เผาซ้ำ!! ใกล้จวนผู้ว่าฯและศาลากลางจังหวัด ผู้ว่าฯ สระแก้วเดือด สั่งด่วนให้นายอำเภอ ดำเนินคดีเผาทุกแปลงทุกราย เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นต้นไป หากเกิดไฟไหม้และเจ้าของแปลงไม่ได้เผาต้องแจ้งความร้องทุกข์ แต่หากพบทำผิดเผาเอง จะถูกนายอำเภอแจ้งความเอาผิด พรบ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 ทันที เมื่อวันที่ 27 ม.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีสื่อมวลชล-โซเชียลมีเดียและเฟซบุ๊ก นำเสนอข่าวกรณีมีการเผาไร่อ้อยใกล้บริเวณจวนผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วและหมู่บ้านไกล้เคียง และพื้นที่ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้ประสานไปยังกองบิน 3 อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ได้นำโดรนมาบินเพื่อสำรวจบริเวณใกล้ศูนย์ราชการจังหวัดสระแก้ว และระบุว่า ไม่พบการเผาอ้อยและเผาป่าแต่อย่างใด ขณะที่เมื่อช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาได้เกิดการเผาไร่อ้อยในพื้นที่ ต.ท่าเกษม อ.เมืองสระแก้ว ซึ่งอยู่ใกล้กับศาลากลางจังหวัดและจวนผู้ว่าฯ หลายจุด ซึ่งหลังจากบินโดรนแล้ว ทาง จ.สระแก้วได้ชี้แจงกรณีนี้ว่า เพื่อเป็นการป้องกันมิให้เกิดการกระทำผิดต่อกฎหมายและป้องกันมิให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และสุขอนามัยของประชาชน ในการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว จึงได้แจ้งกำชับให้กับทุกภาคส่วนดำเนินการประชาสัมพันธ์และบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ให้เร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้ประชาชนงดการเผาทุกชนิด

สระแก้ว – เกิดเหตุเผาไร่อ้อยในพื้นที่ใกล้จวนผู้ว่าราชการจังหวัด ร้องเรียนผ่านเพจดัง ส่วนชาวสระแก้วสุดทน เรียกร้องผู้ว่าฯ ชี้เหตุไม่จัดการเผาอ้อย ทำไม่ได้ควรย้ายออกตามนโยบาย มท.1 ล่าสุด ผู้ว่าสั่งด่วนทุกหมู่บ้าน ห้ามเผาแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาขู่ เผาจับดำเนินคดี-ยึดที่ สปก.คืน-ตัดสิทธิ์ความช่วยเหลือ เมื่อวันที่ 26 ม.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีการเผยแพร่ข่าวการเผาในไร่อ้อยในพื้นที่ จ.สระแก้ว หลายจุด ส่งผลให้ค่า PM2.5 พื้นที่ จ.สระแก้ว เพิ่มสูงขึ้นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา และผลการวัดคุณภาพอากาศ ประจำวัน พบว่า มีคุณภาพที่เลวร้ายที่สุด คือแดงทั้งจังหวัด ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนทุกคน สาเหตุเกิดจากการเผาไร่อ้อยมากมายหลายจุดอย่างต่อเนื่อง ในทุกอำเภอต่าง ๆ โดย นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ไม่สามารถควบคุมได้ จนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่น pm 2.5 หมดความอดทน ต่อการบริหารงานของผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องเรียกร้องให้ผู้ว่าฯ ออกมาชี้แจงถึงเหตุการที่เกิดขึ้นผ่านทางโซเชียลมีเดียหลายเพจและหลายบัญชีเฟซบุ๊ก ที่มีการเสนอข่าวดังกล่าวว่า หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาการเผาไร่อ้อยได้ ก็ควรจะย้ายออกไปจากพื้นที่ ตามนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทั้่งนี้