เผาใกล้จวนผู้ว่าฯ!! ชาวสระแก้วสุดทน เรียกร้องผู้ว่าฯ ชี้เหตุไม่จัดการเผาอ้อย ทำไม่ได้ควรย้ายออกตามนโยบาย มท.1 ล่าสุด สั่งด่วนทุกหมู่ห้ามเผา

สระแก้ว – เกิดเหตุเผาไร่อ้อยในพื้นที่ใกล้จวนผู้ว่าราชการจังหวัด ร้องเรียนผ่านเพจดัง ส่วนชาวสระแก้วสุดทน เรียกร้องผู้ว่าฯ ชี้เหตุไม่จัดการเผาอ้อย ทำไม่ได้ควรย้ายออกตามนโยบาย มท.1 ล่าสุด ผู้ว่าสั่งด่วนทุกหมู่บ้าน ห้ามเผาแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาขู่ เผาจับดำเนินคดี-ยึดที่ สปก.คืน-ตัดสิทธิ์ความช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 26 ม.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีการเผยแพร่ข่าวการเผาในไร่อ้อยในพื้นที่ จ.สระแก้ว หลายจุด ส่งผลให้ค่า PM2.5 พื้นที่ จ.สระแก้ว เพิ่มสูงขึ้นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา และผลการวัดคุณภาพอากาศ ประจำวัน พบว่า มีคุณภาพที่เลวร้ายที่สุด คือแดงทั้งจังหวัด ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนทุกคน สาเหตุเกิดจากการเผาไร่อ้อยมากมายหลายจุดอย่างต่อเนื่อง ในทุกอำเภอต่าง ๆ โดย นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ไม่สามารถควบคุมได้ จนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่น pm 2.5 หมดความอดทน ต่อการบริหารงานของผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องเรียกร้องให้ผู้ว่าฯ ออกมาชี้แจงถึงเหตุการที่เกิดขึ้นผ่านทางโซเชียลมีเดียหลายเพจและหลายบัญชีเฟซบุ๊ก ที่มีการเสนอข่าวดังกล่าวว่า หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาการเผาไร่อ้อยได้ ก็ควรจะย้ายออกไปจากพื้นที่ ตามนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
\"\" \"\"
ทั้่งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สถานการณ์การเผาไร่อ้อยใน จ.สระแก้ว ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาและช่วงตั้งแต่ 2 วันที่ผ่านมา มีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกเภอ  แม้กระทั่งในพื้นที่ที่อยู่ใกล้เคียงกับจวนผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ซึ่งทางเพจสระแก้วบ้านเรา ได้นำภาพการร้องเรียนการเผาอ้อยในพื้นที่บ้านสุขสำราย บ้านใหม่ไทยพัฒนา ต.ท่าเกษม อ.เมืองสระแก้ว ,บ้านคลองหินปูน อ.วังน้ำเย็น ที่มีการเผาอ้อยอย่างครึกโครมริมถนนสาย 317 สระแก้ว-จันทบุรี มีกลุ่มหมอกควันลอยฟุ้งเต็มท้องฟ้า มาเผยแพร่เพจและแชร์ลงในเฟซบุ๊ก รวมทั้งออกมาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ซึ่งถือว่าเป็นการจุดไฟเผาไร่อ้อย โดยไม่สนใจคำสั่งห้ามของทางจังหวัดและไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ขณะเดียวกัน ทางราชการก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ คงปล่อยให้ชาวบ้านต้องรับผลกระทบต่อไป จึงเป็นสาเหตุให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างไม่พอใจและเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ย้ายออกจากพื้นที่ หากยังนิ่งเฉยและไม่กระตือรือร้นในการแก้ปัญหา
\"\" \"\"
ขณะเดียวกัน หลังเกิดเหตุดังกล่าว สำนักงาน ปภ. จังหวัดสระแก้วและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายใต้การอำนวยการของ นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว โดยนายเชาวเนตร  ยิ้มประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว มอบให้ นายอุทัย  ขันทอง รักษาราชการแทนหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสระแก้ว พร้อมด้วย นายบัญญัติ ใยงูเหลือม หัวหน้าฝ่ายป้องกันฯ ลงพื้นที่ในเขต ต.ท่าเกษม อำเภอเมืองสระแก้ว สืบเนื่องมาจากมีข่าวการเผาไร่อ้อย พื้นที่ ม.8 บ้านสุขสำราญ ต.ท่าเกษม อ.เมืองสระแก้ว พร้อมด้วย นายชาตรี ผดุงพงษ์  ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสระแก้ว  ท้องถิ่นจังหวัดสระแก้ว กอ.รมน.จังหวัดสระแก้ว ปลัดอำเภอเมืองสระแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าเกษม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เกษตรกรชาวไร่อ้อย เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมหารือแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาไร่อ้อย ที่ศาลาวัดโคกสัมพันธ์ ต.ท่าเกษม อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว
\"\" \"\"
โดยผลจากการประชุมฯ สอบถาม และลงพื้นที่ดูบริเวณไร่อ้อยที่เกิดไฟไหม้ดังกล่าว พบว่า เจ้าของไร่ชื่อ นางบุญสม ตงฉิน อายุ 63 ปี เลขที่ 44 ม. 13 บ้านใหม่พัฒนา ต.ท่าเกษม อ.เมืองสระแก้ว ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2-3 กม. มีพื้นที่ ประมาณ 10 ไร่ อยู่ห่างจากชุมชน ประมาณ 3 กม. ส่วนใหญ่ได้นำอ้อยที่ตัดสดส่งโรงงานน้ำตาลฯ บ้างแล้ว มีบางส่วนที่ตัดสดผูกแล้ว แต่ยังไม่ได้นำส่งโรงงานฯ ถูกไฟไหม้ด้วย  ทีมงานทั้งหมดได้หารือร่วมกันและลงความเห็นว่า ควรให้เจ้าของไร่อ้อยเข้าไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ เพื่อหาผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ตามกฎหมาย ทั้งนี้ ได้กำชับให้ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าเกษม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เกษตรกรชาวไร่อ้อย เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ช่วยกันสอดส่องดูแล ป้องกันการเผาฯ ทุกกรณี รวมทั้งได้แจ้งในที่ประชุม เพื่อแจ้งข้อสั่งการของ นายอนุทิน  ชาญวีระกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เรื่อง สั่งทุกจังหวัด ใช้กฎหมายคุมเข้ม\”เผา\”ขั้นเด็ดขาด งดเผาทุกชนิด ป้องกันลดฝุ่นพิษลามระบาดหนัก เป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ลงวันที่ 24 มกราคม 2568 ในที่ประชุมรับทราบและยึดถือปฏิบัติ โดยจังหวัดสระแก้ว จะออกเป็นประกาศเพื่อให้ทุกอำเภอ ทุกท้องถิ่นถือปฏิบัติ โดยเคร่งครัดทั่วกัน
\"\" \"\"
นอกจากนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ทางสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระแก้ว ได้ประกาศแจ้งแนวทางการแก้ปัญหาการเผาไร่อ้อยและพื้นที่การเกษตรในที่ดิน ส.ป.ก.สระแก้ว โดยระบุว่า \”เกษตรกรท่านใด ปลูกอ้อย หรือพืชชนิดอื่นๆ รู้ไว้นะว่าห้ามเผาอ้อย หรือหญ้า หรือพืชในแปลง เพราะก่อให้เกิดมลพิษ ฝุ่น PM2.5 ใครฝ่าฝืน จะถูกดำเนินคดีอาญา และถูกยึดที่ดินคืน ส.ป.ก.\” ส่วนทาง สวท.สระแก้ว ได้เผยแพร่แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการเผาว่า  รัฐบาลย้ำ ตรวจพบเกษตกรเผา มีความผิด พร้อมตัดสิทธิ์ความช่วยเหลือ❗ 1. เกษตรกรจะถูกตัดสิทธิ์ในการให้ความช่วยเหลือถึง 3 ปี ,2. มีความผิดทางอาญา อาจต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท และ 3. มีความผิด พรบ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตาม จนท.ท้องถิ่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 25,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
\"\"\"\"
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับคุณภาพอากาศในช่วงเช้าวันนี้ (26 ม.ค.68) ในพื้นที่ จ.สระแก้ว ค่าคุณภาพอากาศหรือ AQI พื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว อยู่ที่ 166 ส่วนค่าสารมลพิษหลัก PM2.5 อยู่ที่ 76.8  µg/m³ ซึ่งยังอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ส่วนที่กองบิน 3 อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว อยู่ที่ 79.2 µg/m³ ซึ่งยังอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเช่นกัน นอกจากนั้น ในแต่ละหมู่บ้าน ได้รับคำสั่งด่วนจากนายอำเภอ แจ้งไปยังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้เข้มงวดและสั่งห้ามเผาในพื้นที่ทุกกรณี โดยช่วงนี้ห้ามเผาในทุกพื้นที่ ใครพบไฟไหม้ที่ไหน แจ้งอำเภอด่วน เพื่อจับกุมดำเนินคดี รวมทั้งแจ้งปัญหาเรื่องฝุ่น pm2.5 และประชาสัมพันธ์ในกลุ่มไลน์ของแต่ละหมู่บ้านและตำบล แจ้งให้ทุกท่านทราบว่า ห้ามเผาอ้อย เผาป่าหรือเผาไร่ หากพบเห็น ว่าในหมู่บ้านมีการเผา และทุกท่านที่เผา ก็จะมีความผิดถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย จึงขอความร่วมมือมายังทุกท่าน ช่วยกันสอดส่องดูแลและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
\"\" \"\" \"\" \"\"\"\"
—————————-