ชายนิรนามบุกห้องผู้ว่าทวงถามเรื่องการดำรงค์ตำแหน่งนายก อบจ.หลังก่อนหน้านี้มีหนังสือให้หยุดปฎฺบัติหน้าที่หลังเพราะมีคดีค้างคาอยู่ที่ศาลยังไม่ได้ตัดสินถึงสิ้นสุดกลับมาลงสมัครนายกได้
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 นายเอ(ขอสงวนชื่อและนามสกุล)ได้มายังศาลาลกลางจังหวัดอุทัยธานี เพื่อยื่นหนังสือกรณีที่ก่อนหน้านี้ได้ยื่นถึง ปปช.จังหวัดอุทัยธานีไปแล้วแต่ยังไม่มีความคืบหน้าหรือคำตอบว่าสาเหตุอะไรว่า นายเผด็จ นุ้ยปรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี ยังคงดำรงค์ตำแหน่งอยู่ได้ เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิดโดยศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤมิชอบภาค 6 มีคำสั่งประทับรับฟ้อง ซึ่งในศาลชั้นต้นยกฟ้องเป็นคดีหมายเลขที่ดำที่ อท.41/2563 คดีหมายเลขแดง อท.98/2565คดีอยู่ในชั้นอุธรณ์จึงถือว่ายังไม่ถึงที่สุดและยังไม่ได้ตัดสินคดีเลย อันต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่ตามผลของกฎหมาย ตามมาตรา93ประกอบมาตรา 81 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561ในการนี้ จังหวัดอุทัยธานี ได้แจ้งการบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี ให้ดำเนินการดังนี้ให้บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่ต้องรายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้กำกะบและดูแลตามกฎหมายทราบโดยด่วน(2)ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้กำกับดูแลตามกฎหมายพิจารณากำชับให้บุคคลดังกล่าวหยุดปฎิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด(3)บุคคลใดฝ่าฝืนไม่ปฎิบ้ติตามหรือจงใจปกปิดข้อเท็จจริงไม่รายงานการถูกฟ้องคดีอาญาตามข้อ 1 หรือไม่หยุดปฎิบัติหน้าที่ตามข้อ 2 อาจเข้าข่ายเป็นการประพฤติฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยซึ่งผู้มีอำนาจกำกับดูแลอาจดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้วรายงานผู้มีอำนาจสั่งให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งได้ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี พพ.ศ.2540 มาตรา 77และมาตรา 79 นั้น
ซึ่งผู้ที่ร้องนั้นเป็นชาวจังหวัดอุทัยธานีได้ทราบว่านายเผด็จได้รับหนังสือสั่งการจากจังหวัดอุทัยธานีแต่ปรากฎว่านายเผด็จไม่มีรายงานแต่อย่างไรให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีได้ทราบและไม่มีการหยุดปฎิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดกลับมีการแสดงตนในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานีไปเป็นประธานการเปิดงานต่างๆ และเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ยังร่วมงานแถลงข่าวงานบุญเดือนสามที่วัดหนองขุนชาติรวมถึงพิธีเปิดงานอีกด้วย โดยถือว่านายเผด็จ นั้นประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยดังนั้นขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีนั้นมีคำสั่งให้นายเผด็จนั้นพ้นจากตำแหน่งโดยทันทีเพื่อรักษาผลประโยชน์
ขณะเดียวกันผู้ที่ร้องเรียนนั้นจะไปยังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งส่วนกลางที่กรุงเทพมหานครเพื่อขอให้ไตร่สวนในเรื่องนี้ต่อไปซึ่งยังเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวอีกว่าหากไม่มีใครร้องท้องฟ้าจังหวัดอุทัยธานีก็จะมืดครึ้มอยู่แบบนี้เพราะความจริงนั้นไม่ออกมาให้ประชาชนได้รับรู้ โดยทางผู้สื่อข่าวได้ติดต่อผ่านทางหน้าห้องหรือคณะทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อขอสัมภาษณ์ โดยทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้แต่ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อซึ่งทางผู้ว่านั้นติดประชุมอยู่จึงต้องรอต่อไปว่าทางผู้ว่านั้นจะให้ข้อมูลว่าอย่างไรต่อไป