ท่องเที่ยว

ตรัง-ทะเลตรังคึกคักช่วงวันหยุดยาว นักท่องเที่ยวแห่ลงเรือไปดำน้ำชมความงามของถ้ำมรกต อันซีนไทยแลนด์ เมื่อช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ภูมิภาคภาคใต้ ร่วมกับ ททท.สำนักงานตรัง นำคณะสื่อมวลชน บล็อกเกอร์ และอินฟลูเอนเซอร์สายกินเที่ยว ลงเรือนำเที่ยวที่ท่าเรือปากเมง อ.สิเกา จ.ตรัง เพื่อสำรวจแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของจังหวัดตรัง นำไปทำสื่อประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดตรังให้มากขึ้น โดยนำไปจุดดำน้ำดูปะการังและปลาสวยงามที่เกาะเชือก และเกาะแหวน ก่อนไปว่ายน้ำผจญภัยลอดถ้ำที่ถ้ำมรกต จุดท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ของจังหวัดตรัง ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยคึกคักเป็นอย่างมาก มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและชาวไทย  ถ้ำมรกตเป็นถ้ำทะเล ที่มีความงดงามอลังการมากๆ โดยเราสามารถเข้าไปในถ้ำได้จากปากทางเข้า ซึ่งเป็นโพรงเล็กๆ แค่นั้น เลยต้องอาศัยช่วงเวลาน้ำขึ้นน้ำลง เพราะช่วงที่น้ำลดโพรงนี้จะสูงพ้นระดับน้ำ เรือเล็กๆ จะลอดเข้าไปได้ แต่ถ้าช่วงน้ำขึ้นก็จะต้องว่ายน้ำเข้าไป ถ้ามองจากด้านนอก ถ้ำมรกต เราจะเห็นแสงสะท้อนกับน้ำทะเล ที่อยู่ภายในถ้ำ ทำให้มองเห็นเป็นสีเขียวมรกตสวยงาม เลยเป็นที่มาของชื่อถ้ำแห่งนี้ โดยเราจะต้องว่ายน้ำเข้าไปในถ้ำประมาณ 80 เมตร ก็ถึงปากถ้ำอีกด้าน แล้วเราก็จะเห็นหาดทรายสีขาว อยู่ที่กลางหน้าผาสูงชันด้านในเป็นเหมือนลากูนที่สวรรค์สรรสร้างไว้ในภูเขา ให้เป็นจุดไฮไลท์ สำหรับความสนุกของของการเที่ยวถ้ำมรกตนั้น คือการได้เกาะกันว่ายน้ำเข้าไปในถ้ำ เพราะจะมีทั้งความตื่นเต้นและความสนุกสนานมากๆ  

ตรัง-สวยงามสุดอเมซิ่ง ล่องแพชมเกาะรูปหัวใจ เขาจมป่า กินซีฟู้ดแบบจัดเต็มและร่วมปล่อยลูกปูม้ากับท่องเที่ยวชุมชนบ้านน้ำราบ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ภูมิภาคภาคใต้ ร่วมกับ ททท.สำนักงานตรัง นำคณะสื่อมวลชน บล็อกเกอร์ และอินฟลูเอนเซอร์สายกินเที่ยว เยี่ยมชมท่องเที่ยวชุมชนบ้านน้ำราบ อ.กันตัง จ.ตรัง เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ผสมผสานธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่นได้อย่างลงตัว นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับกิจกรรมที่หลากหลายและน่าประทับใจ เริ่มต้นการเดินทางด้วยการล่องแพผ่านคลองตาแป๊ะ ชมวิวป่าชายเลนอันเขียวขจีที่ได้รับการฟื้นฟูจากชาวบ้านจนกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง เมื่อออกสู่ปากอ่าวอันดามัน นักท่องเที่ยวจะได้เห็น \”เกาะรูปหัวใจสีเขียว\” ซึ่งเป็นเกาะกลางน้ำที่เป็นป่าโกงกางสีเขียวมีรูปร่างคล้ายหัวใจเมื่อมองจากมุมสูง ซึ่งดูสวยงามแปลกใจว่าทำไมธรรมชาติได้สรรค์สร้างป่าโกงกางให้เป็นรูปหัวใจได้อย่างไร  จากนั้นต่อด้วยเส้นทางพิชิตจุดชมวิวเขาจมป่า ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัย สามารถปีนเขาจมป่าที่มีความสูงประมาณ 84 เมตร เพื่อชมวิวป่าชายเลนในมุมมอง 360 องศา เส้นทางขึ้นเขามีความท้าทายและต้องใช้ความระมัดระวัง แต่เมื่อถึงยอดเขาจะได้เห็นทัศนียภาพที่สวยงามและคุ้มค่ากับความพยายาม ซึ่งขณะที่ไปมีฝนตกทำให้เส้นทางลื่นจึงต้องยกเลิกการปีนป่ายขึ้นไปจุดชมวิว ทำได้เพียวงใช้โดรนบินขึ้นไปดูวิวที่สวยงามของเขาจมป่าที่อยู่กลางป่าชายเลนเขียวขจี เมื่อมองไปไกลๆก็เห็นหมู่เกาะต่างๆในทะเลอันดามันเรียงรายอยู่อย่างสวยงาม หลังจากกิจกรรมต่าง ๆแล้ว นักท่องเที่ยวจะได้ลิ้มรสอาหารทะเลสดใหม่ เช่น ปูม้า กุ้ง ปลา และหอย ที่ชาวบ้านจัดเตรียมไว้บนแพ นอกจากนี้ยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมปล่อยลูกปูม้าคืนสู่ธรรมชาติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลของชุมชนอีกด้วย สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ท่องเที่ยวชุมชนบ้านน้ำราบ โทรศัพท์ 087-2778017 เพจ:การท่องเที่ยวชุมชนบ้านน้ำราบ  

ตรัง-หาดูยาก มโนราห์คาบเรือคาบครกในงานเทศกาลศิลปะและวัฒนธรรม ศูนย์ศิลปะวิถีตรัง  ครั้งที่ 9 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ภูมิภาคภาคใต้ ร่วมกับ ททท.สำนักงานตรัง นำคณะสื่อมวลชน บล็อกเกอร์ อินฟูเอนเซอร์สายกินเที่ยว เข้าร่วมงาน \”เทศกาลศิลปะและวัฒนธรรม ศูนย์ศิลปะวิถีตรัง ครั้งที่ 9\” ที่ศูนย์ศิลปะวิถี อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง โดยมีนายสกุล ดำรงเกียรติกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานเปิดงาน ร่วมด้วยนางสาวฐิต์ณัฐ สมบัติศิริ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวลดาวัลย์ ช่วยชาติ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานตรัง และอาจารย์สัมฤทธิ์ เพชรคง ศิลปินชาวตรังและประธานศูนย์ศิลปะวิถี ท่ามกลางบรรยากาศคึกคัก มีนักท่องเที่ยว ศิลปิน กลุ่มคนรักศิลปะ และประชาชนเข้าร่วมงาน ชม ชิม ช้อป กันเป็นจำนวนมาก โดยหลังพิธีเปิดมีการแสดงโชว์ศิลปะที่เป็นไฮไลท์ หาดูได้ยากแล้ว นั่นคือ “มโนราห์คาบเรือ คาบครก”เป็นการแสดงที่เป็นหนึ่งเดียวของประเทศไทย ซึ่งสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก สำหรับงานนี้ศูนย์ศิลปะวิถี ร่วมกับสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม และททท. จัดขึ้นเพื่อสืบสานมรดกวัฒนธรรมภาคใต้ พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

วัดสามัคคีคุณาวาส จ.ระยอง เททองหล่อองค์พระพิฆเนศปางยืนประทานพรสูง 5 เมตร เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน และเป็นที่สักการะบูชา ขอพรแก่ผู้ศรัทธา เมื่อเวลา 16.19 น.วันที่ 4 พ.ค.68 ที่วัดสามัคคีคุณาวาส ต.ตาขัน อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วัดสามัคคีคุณาวาส ได้จัดให้มีพิธีเททองหล่อองค์พระพิฆเนศปางยืนประทานพร ซึ่งมีความสูงถึง 5 เมตร โดยมีพระครูปัญญาศุภสิทธิ์ เจ้าคณะอำเภอบ้านค่าย ฝ่ายธรรมยุต เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ มีพระครูเขมวราภิรัตน์ เจ้าอาวาสวัดสามัคคีคุณาวาส พระอาจารย์ภุชงค์ จิรวฑโฒ พระเลขานุการเจ้าอาวาสวัดสามัคคีคุณาวาส ร่วมพิธี และนายพิเชษ อาจจินดา เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ท่ามกลางความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนและผู้มีจิตศรัทธาที่มาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ พิธีเททองหล่อองค์พระพิฆเนศฯ ดังกล่าว จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และเป็นไปตามประเพณี โดยมีพระสงฆ์ และคณะกรรมการวัดร่วมประกอบพิธีทางศาสนา พร้อมด้วยการสวดมนต์เจริญจิตภาวนาเพื่อความเป็นสิริมงคล และพิธีบวงสรวงพราหมณ์บูชาฤกษ์ ก่อนจะประกอบพิธีเททองฯ สำหรับ องค์พระพิฆเนศปางยืนประทานพรนี้จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน และเป็นที่สักการะบูชา ขอพรแก่ผู้ศรัทธา เชื่อกันว่าจะช่วยส่งเสริมความเจริญรุ่งเรือง ทั้งในด้านการงาน การศึกษา การดำเนินชีวิตและเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว.

ชาวไทย- เมียนมา นับร้อยร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์อุโบสถหลังใหม่วัดบ้านห้วยน้ำขาว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี แห่ตีเลขเด็ดจากแผ่นศิลาฤกษ์ พร้อมสืบสานพิธีบูชาผีพราย เมื่อเวลา 07.00 น. เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2568 ที่ วัดบ้านห้วยน้ำขาว อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ได้มีการจัดพิธีวางศิลาฤกษ์พระอุโบสถหลังใหม่อย่างยิ่งใหญ่ โดยมีพุทธศาสนิกชนจากทั้งชุมชนไทยและชาวเมียนมาที่ตั้งรกรากอยู่ในพื้นที่เข้าร่วมจำนวนมากพื้นที่ของวัดบ้านห้วยน้ำขาวถือเป็นชุมชนที่อยู่ติดกับชายแดนไทยเมียนมา ที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็น ชาวเมียนมาร์ซึ่งอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานถาวร หลายครอบครัวอาศัยอยู่ในบริเวณนี้มานานนับสิบปี และมีส่วนสำคัญในการดูแลวัดและร่วมกิจกรรมทางศาสนาอย่างต่อเนื่อง การสร้างพระอุโบสถในครั้งนี้จึงเป็นความร่วมมือระหว่างชาวไทยและชาวเมียนมาเพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชนพิธีเริ่มต้นตั้งแต่เวลา 07.00 น. ด้วยพิธีกวนข้าวทิพย์ถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามด้วยพิธีบวงสรวงอัญเชิญเทวดาในเวลา 08.09 น. และเข้าสู่พิธีวางศิลาฤกษ์พระอุโบสถหลังใหม่ในเวลา 09.00 น. โดยมี พลอากาศเอก สักก์มล แสงสุกรัตน์วดี ที่ปรึกษาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และ พระครูบวรกาญจนธรรม เจ้าคณะตำบลบ้านเก่า เขต 2 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความศรัทธา โดยหลังพิธีวางศิลาฤกษ์ได้มีพิธีสงฆ์ในเวลา 10.00 น.และถวายภัตตาหารเพลในเวลา 11.00 น. ท่ามกลางความปลื้มปิติของชาวชุมชนทั้งสองเชื้อชาติในงานยังมีการจัดแสดง ชุดของพระเจ้ามังระ สมบัติล้ำค่าทางวัฒนธรรมที่หาชมได้ยาก ซึ่งได้รับการดูแลรักษาโดยวัดและชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างดีนอกจากนี้ยังมี

สตูลนักวิ่งกว่า 800 วิ่งรับแสงตะวันบนเกาะย้อนรอยประวัติศาสตร์ตะรุเตาที่บริเวณหน้าอ่าวพันเตมะละกา อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล นายศักระ กปิลกาญจน์ ผวจ.สตูลพร้อมด้วยน.ส.ภัชกุล ตรีพันธ์ ผอ.ท่องเที่ยวและกีฬาจ.สตูล นายอาทร กำลังใบ หน.อุทยานฯตะรุเตา พร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ทำการบีบแตร เพื่อปล่อยตัวนักกีฬากว่า 800 คนที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาท่องเที่ยวพหุวัฒนธรรมด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม กิจกรรมวิ่งย้อนรอยประวัติศาสตร์ตะรุเตาครั้งที่ 21 เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวและกีฬาของจ.สตูลให้มีความก้าวหน้ายั่งยืน กิจกรรมดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่กระตุ้นเศรษฐกิจของจ.สตูล สำหรับกิจกรรมการแข่งขันวิ่งย้อนรอยประวัติศาสตร์ตะรุเตา ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬาและประวัติศาสตร์ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยจัดขึ้นมาอย่างยาวนานถึง 21 ปี เพื่อรำลึกถึงประวัติศาสตร์ของเกาะตะรุเตา ที่เคยเป็นสถานที่คุมขังนักโทษการเมืองในอดีต เส้นทางการวิ่งมีความท้าทายสูง เนื่องจากต้องวิ่งผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ทั้งชายหาด ป่าเขา และเส้นทางเลียบทะเลที่ทอดยาว โดยนักวิ่งจะได้สัมผัสธรรมชาติอันบริสุทธิ์งดงามและเรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ไปพร้อมกัน ในปีนี้มีนักวิ่งจากทั่วประเทศและต่างประเทศเดินทางมาร่วมกว่า 800 คน แบ่งการแข่งขันออกเป็นระยะสั้นสำหรับนักวิ่งมือใหม่ และระยะไกลสำหรับนักวิ่งที่ต้องการท้าทายขีดความสามารถของตนเอง ประกอบด้วย ประเภทฟันรัน (Fun Run) 4 กิโลเมตร , ประเภทมินิมาราธอน (Mini marathon) ระยะทาง 10.5 กิโลเมตร และประเภทซุปเปอร์ฮาล์ฟมาราธอน (super half marathon) ระยะทาง 24 กิโลเมตร โดยผู้ชนะในอันดับ 1 – 5 ทุกกลุ่มอายุทุกประเภทการแข่งขันจะได้รับเงินรางวัลพร้อมถ้วยรางวัลมูลค่ารวมกว่า 200,000 บาท นายศักระ กปิลกาญจน์ ผวจ.สตูลกล่าวว่า กิจกรรมในครั้งนี้เป็นกิจกรรมที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ได้อย่างมาก เนื่องจากนักวิ่งมาจากหลายจังหวัดเช่นกทม. ชุมพร กาญจนบุรี สมุทรปราการ และรวมนักวิ่งจากภาคใต้โดยเฉพาะ 7 จังหวัดตอนล่างมากันเป็นจำนวนมาก สำหรับอุทยานฯ ตะรุเตาถือเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกของประเทศไทยที่ความสวยงามของธรรมชาติอีกทั้งยังมีเรื่องราวประวัติศาสตร์คุกตะรุเตา จนทำให้เกาะตะรุเตากลายเป็นมรดกแห่งอาเซี่ยนอีกด้วย นักวิ่งที่เข้าร่วมหลายคนที่ไม่ใช่มาครั้งแรกแต่มาถึง

สงขลาเตรียมจัด “มหกรรมหนังตะลุง โนรา” 11–12 พ.ค. 68 สืบสานวัฒนธรรมใต้ พร้อมมหรสพสมโภชฉลองครบรอบ \”พระเชตุพนพุทธไสยาสน์\” หรือ “พ่อเฒ่านอน” พระพุทธรูปโบราณอายุกว่า 1,000 ปี วัดจะทิ้งพระ อ.สทิงพระ อีกด้วย   จังหวัดสงขลาเตรียมจัดงานใหญ่ “มหกรรมหนังตะลุง โนรา” ระหว่างวันที่ 11–12 พฤษภาคม 2568 ณ วัดจะทิ้งพระ อ.สทิงพระ โดยบูรณาการความร่วมมือระหว่างจังหวัดและวัดจะทิ้งพระ หนึ่งในศูนย์กลางศิลปวัฒนธรรมของภาคใต้ เพื่ออนุรักษ์และส่งเสริมศิลปะการแสดงพื้นบ้านอันทรงคุณค่าให้คงอยู่คู่ชุมชนอย่างยั่งยืน   งานมหกรรมฯ ปีนี้โดดเด่นด้วยการแสดงหนังตะลุงและโนรา 24 คณะ การแสดงรำโนรา 100 คนในพิธีเปิด เสวนาวิชาการ และกิจกรรมสาธิตภูมิปัญญาท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีการแสดงดนตรีพื้นบ้านและจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัฒนธรรม ซึ่งสะท้อนอัตลักษณ์ของชาวใต้ได้อย่างลึกซึ้ง   ด้านนางศศิเพ็ญ ละม้ายพันธุ์ วัฒนธรรมจังหวัดสงขลา กล่าวว่า งานมหกรรมหนังตะลุง โนรา จัดขึ้นโดยบูรณาการความร่วมมือระหว่างจังหวัดสงขลาและวัดจะทิ้งพระ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาและศิลปวัฒนธรรมของชาวสทิงพระมาแต่โบราณ โดยอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญคือ พิธีสมโภชพระเชตุพนพุทธไสยาสน์ หรือ