สิ่งแวดล้อม

26 มกราคม 2568 เวลา 7.00น.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครพนม รายงานสภาพอากาศผ่าน แอพพลิเคชั่น Air 4 Thai พบว่าสภาพอากาศของจังหวัดนครพนม อยู่ในเกณฑ์สีแดง มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ค่าเฉลี่ย 80.0 ไมโครกรัม/ลบ.ม เมื่อเทียบจากค่าระดับที่ปกติ 0-15.0 มคก./ลบ.ม. สภาพอากาศบริเวณเขตพื้นที่เทศบาลเมืองนครพนมรวมถึงพื้นที่ใกล้เคียง  พบมีปัญหาฝุ่นควันอย่างต่อเนื่องทำให้ผู้ที่พักอาศัยบริเวณใกล้เคียงแม่น้ำโขงบางรายเริ่มได้รับผลกระทบ ซึ่งเชื่อว่าฝุ่นควันดังกล่าวได้มากับกระแสลมที่พัดมาจากทางประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจในกลุ่มผู้สูงอายุบ้างแล้ว นางสาวนราภรณ์ แสงวิจิตร ผู้พักอาศัยใกล้กับลานพญาศรีสัตตะนาคราช จุดท่องเที่ยวสำคัญริมแม่น้ำโขงของเทศบาลเมืองนครพนม กล่าวว่า ได้พักอาศัยกับคุณพ่อซึ่งป่วยด้วยโรคหัวใจและต้องใช้เครื่องผลิตออกซิเจนช่วยตลอดเวลา แต่เมื่อปัญหาฝุ่นควันได้ทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ จึงจำเป็นต้องย้ายคุณพ่อไปนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล เชื่อว่าจะปลอดภัยกว่านอนพักอยู่ที่บ้าน สำหรับผลกระทบของตนและครอบครัวในขณะนี้ พบว่ามีอาการเจ็บระคายคอตลอดเวลา จนต้องสวมหน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา สำหรับคำแนะนำจากแพทย์ ขอแนะนำให้งดกิจกรรมกลางแจ้ง หรือหากมีความจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ให้ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองโดยเฉพาะหน้ากากป้องกัน PM 2.5 และสำหรับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ควรอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยจากมลพิษทางอากาศ หากมีความผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์โดยทันที.  

สระแก้ว – เกิดเหตุเผาไร่อ้อยในพื้นที่ใกล้จวนผู้ว่าราชการจังหวัด ร้องเรียนผ่านเพจดัง ส่วนชาวสระแก้วสุดทน เรียกร้องผู้ว่าฯ ชี้เหตุไม่จัดการเผาอ้อย ทำไม่ได้ควรย้ายออกตามนโยบาย มท.1 ล่าสุด ผู้ว่าสั่งด่วนทุกหมู่บ้าน ห้ามเผาแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาขู่ เผาจับดำเนินคดี-ยึดที่ สปก.คืน-ตัดสิทธิ์ความช่วยเหลือ เมื่อวันที่ 26 ม.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีการเผยแพร่ข่าวการเผาในไร่อ้อยในพื้นที่ จ.สระแก้ว หลายจุด ส่งผลให้ค่า PM2.5 พื้นที่ จ.สระแก้ว เพิ่มสูงขึ้นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา และผลการวัดคุณภาพอากาศ ประจำวัน พบว่า มีคุณภาพที่เลวร้ายที่สุด คือแดงทั้งจังหวัด ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนทุกคน สาเหตุเกิดจากการเผาไร่อ้อยมากมายหลายจุดอย่างต่อเนื่อง ในทุกอำเภอต่าง ๆ โดย นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ไม่สามารถควบคุมได้ จนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่น pm 2.5 หมดความอดทน ต่อการบริหารงานของผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องเรียกร้องให้ผู้ว่าฯ ออกมาชี้แจงถึงเหตุการที่เกิดขึ้นผ่านทางโซเชียลมีเดียหลายเพจและหลายบัญชีเฟซบุ๊ก ที่มีการเสนอข่าวดังกล่าวว่า หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาการเผาไร่อ้อยได้ ก็ควรจะย้ายออกไปจากพื้นที่ ตามนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทั้่งนี้

เพชรบูรณ์ – ผู้ว่าฯ สั่งสอบ-เอาผิด เผาป่าอ้อย 15 ไร่ที่บึงสามพัน วันที่ 26 ม.ค.68 จากกรณีเกิดไฟไหม้ป่าอ้อยในพื้นที่หมู่ 9 ตำบลบึงสามพัน อำเภอบึงสามพัน เมื่อคืนวันที่ 24 มกราคม 2568 เวลาประมาณ 21.30 น.ที่ผ่สนมา ทำให้เพลิงลุกลามพื้นที่กว่า 15 ไร่ ก่อนเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบลซับสมอทอดจะควบคุมสถานการณ์ได้ในเวลา 23.00 น. อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุ นายศรัณยู มีทองคำ ผู้ว่าราชการเพชรบูรณ์ มอบหมายให้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ไฟป่าหมอกควันจังหวัด ร่วมกับนายอำเภอและปลัดอำเภอบึงสามพัน ลงพื้นที่ตรวจสอบหาสาเหตุ พร้อมกำชับให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด รวมถึงประสานงานสำนักงานเกษตรอำเภอ เพื่อปฏิบัติตามประกาศกระทรวงเกษตรเกี่ยวกับการเผาป่าและอ้อยต่อไป  

ผู้สื่อข่าว รายงานจากจังหวัดแพร่วันที่ 26 มกราคม 2528 สถานการณ์ไฟป่าเริ่มมีปริมาณมากขึ้นสาเหตุมาจากการชิงเผา และการเผาก่อนเวลาห้ามในปีนี้ พบมีไฟป่าลุกลามไปในป่าธรรมชาติ ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่ยังเป็นพื้นที่ป่าธรรมชาติและที่ดินที่ประชาชนเข้าใช้ประโยชน์พื้นที่ปฏิรูปที่ดินทั้ง 8 อำเภอของจังหวัดแพร่ จนส่งผลให้ปัจจุบันค่า PM 2.5 มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น ล่าสุดวันที่ 26 มกราคมอยู่ที่ 45.1 วัดได้ที่อำเภอเมืองแพร่ อยู่ในระดับเริ่มมีผลต่อสุขภาพแล้วในขณะนี้ นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ กล่าวว่า ไฟป่าส่วนใหญ่มักเกิดในพื้นที่เกษตรกรรม โดยเฉพาะเกษตรกรที่ได้รับอนุญาตเข้าไปทำกินในพื้นที่ของทางราชการเช่นป่าสงวนแห่งชาติ ที่ดินในโครงการปฏิรูปที่ดิน ซึ่งพบว่ามีการเผาทางราชการจะใช้มาตรการเข้าไปควบคุมอย่างใกล้ชิด ถ้าพบว่ายังไม่มีความสนใจให้ความร่วมมือลดการเผาและลุกลามบานปลายไปในพื้นที่สาธารณะอื่น ๆ จะต้องมีการตัดสิทธิ์การครอบครอง ซึ่งเกษตรกรเหล่านั้นควรที่จะร่วมมือในการงดการเผาในช่วงนี้เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นละอองในอากาศที่เกินค่ามาตรฐาน เรื่องนี้ได้สั่งการให้ทุกอำเภอเร่งดำเนินการสื่อสารให้ประชาชนได้รับทราบในมาตรการแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่า ขณะนี้จังหวัดแพร่ได้ตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาหมอกควัน โดยมี นายชัยสิทธิ์ ชัยสัมฤทธิ์ผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่เป็นประธานศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาหมอกควันในจังหวัดแพร่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเจ้าหน้าที่ป่าไม้จะมีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อแจ้งเหตุ เพื่อให้หน่วยดับเพลิงเข้าแก้ไขเหตุการณ์ได้ทันท่วงที โดยหัวหน้าศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่ามีอำนาจในการสั่งการ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานในพื้นที่เกิดเหตุการณ์ เข้าไปช่วยแก้สถานการณ์ในเรื่องของไฟป่าจะไม่มีการแบ่งเขตปกครอง การที่เจ้าหน้าที่แบ่งเขตชัดเจนคือการแก้ปัญหาอัคคีภัยในบ้านเรือนทั่วไปเท่านั้นถ้าเป็นไฟป่าจะต้องมีการระดมกำลังร่วมกันเป็นการทำงานแบบบูรณาการ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มาตรการของทางจังหวัดแพร่จะมีการประกาศห้วงเวลาห้ามเผาตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ถึง 15 เมษายนนี้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ถึงช่วงที่มีมาตรการห้ามเผาเกษตรกรและหน่วยงานราชการใช้วิธีการชิงเผา จนส่งผลให้ปัจจุบันมีค่าฝุ่นละอองในอากาศเพิ่มขึ้นอย่างน่าวิตก/

ฉะเชิงเทรา – หมอกลงหนาจัดในพื้นที่แปดริ้วต่อเนื่องหลายวัน ทำชาวบ้านชักเอ๊ะ..! หวั่นใจว่าปุยสีขาวที่ปรากฏ ให้ผู้คนได้พบเห็นจำนวนมากนั้น เป็น PM 2.5 หรือหมอกยามเช้าจริงๆ กันแน่ ขณะคนในพื้นที่ชนบทส่วนใหญ่ยังคงเชื่อว่า คือ หมอกที่ลงมาปกคลุมผืนนาข้าวตามธรรมชาติในทุกๆ ปีตามฤดูกาลช่วงระหว่างปลายเดือน ม.ค. ถึงต้นเดือน มี.ค. ที่มักโรยตัวลงมาให้เห็นแบบประจำ วันที่ 25 ม.ค.68 เวลา เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีหมอกลงมาปกคลุมพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ในหลายอำเภอยามเช้า ช่วงระหว่างเวลาประมาณ 02.00-08.30 น. ต่อเนื่องกันมาเป็นวันที่ 2 แล้วนั้น โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ อ.เมืองฉะเชิงเทรา บ้านโพธิ์ บางปะกง และบางน้ำเปรี้ยว ได้มีชาวบ้านบางรายเริ่มเกิดความสงสัยว่า ปุยสีขาวที่พบโรยตัวลงมาในพื้นที่เป็นจำนวนมากอย่างหนาแน่นนั้น เป็นฝุ่นมลพิษที่เกิดขึ้นตามกระแสสื่อหรือเป็นละอองจากมลภาวะขนาด PM 2.5 ไมครอน ที่ได้ยินกันอยู่บ่อยๆ จนหนาหูหรือไม่ เพราะหลังจากทำการตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ผ่านทางแอปพลิเคชันการตรวจวัดค่าฝุ่นละอองในหลายอำเภอแล้วนั้น ปรากฏว่าพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ถูกระบุว่าคุณภาพอากาศมีความเสี่ยงต่อสุขภาพ

เมื่อเวลา 17.00 น. ( 25 ม.ค. 66) ผู้ว่าฯ นครนายก เด้งรับคำสั่งด่วน..! จาก มท.1 ปล่อยแถวเร่งด่วน ” รับมือปัญหาฝุ่น  PM 2.5“ นายชานน วาสิกศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก สั่งการนายอำเภอ ทั้ง 4 อำเภอ และทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง แจ้งให้พี่น้องประชาชนรับทราบถึงโทษและอันตรายที่เกิดจากการเผาในที่โล่งแจ้ง เผาในพื้นเกษตรหลังเก็บเกี่ยว หากยังมีผู้ฝ่าฝืนให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจัง เนื่องจากกระทรวงมหาดไทย และรัฐบาล ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาหมอกควัน-ฝุ่น และ PM 2.5 อย่างมาก ทั้งนี้ได้มีคำสั่งไปยัง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อปท. ให้แจ้งชาวบ้านทราบถึงมาตรการ และข้อห้าม ที่ทางจังหวัดนครนายก ได้มีประกาศออกห้ามเผาเด็ดขาด 67 วัน ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567 ซึ่งหากผู้ใดฝ่าฝืนจะดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายอย่างเฉียบขาดทุกราย รวมถึงมาตรการของหน่วยงานราชการอื่นด้วย และจากนี้ไป เน้นย้ำให้นายอำเภอทั้ง 4 อำเภอลงพื้นที่ไปพบผู้นำชุมชน

ตรัง พบเต่าตนุเกยตื้นเป็นตัวที่ 2 ในรอบสัปดาห์ ตัวก่อนรอดยังอยู่ระหว่างการบริบาลที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล โรงพยาบาลสัตว์น้ำราชมงคลตรัง แต่ตัวนี้ตาย วันนี้ 25 มกราคม 2568 เวลา 12.15 น. นักท่องเที่ยวแจ้งต่อนายปทุม พงศกรเฟื่องฟู หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ว่ามีเต่าตนุนอนตายในสภาพที่ยังไม่เน่า จึงได้มอบหมายให้ นายจรูญ ใจตรง หัวหน้าหน่วย จม.2 ( หยงหลิง) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเบื้องต้น คาดพึ่งตายเมื่อตอนหัวรุ่งของวันนี้เป็นช่วงเวลาน้ำลด  เมื่อพลิกตัวเต่าตนุเพศผู้ วัดขนาดความกว้างของลำตัว 87  ซม. และความยาวของลำตัว 99 ซม. น้ำหนักประมาณ 80 กก. จากนั้นได้แจ้งประสานไปยังศูนย์สัตว์ทะเลหายาก เพื่อหาสาเหตุของการตายอย่างละเอียด จึงได้ผ่าพิสูจน์ซากเต่าตะนุที่หน่วย จม.2 (หยงหลิง) เบื้องต้นโดยรวมสาเหตุเกิดจากอาการป่วย ร่างกายอ่อนแอถูกคลื่นซัดมาเกยชาดหาดเมื่อน้ำลดไม่มีแรงที่จะว่ายน้ำกลับลงไปทะเล ทั้งนี้รอผลการตายยืนยันอย่างละเอียดจากห้องปฏิบัติการต่อไป นับเป็นเต่าตนุตัวที่2ในรอบสัปดาห์  และได้มีการขุดหลุมฝังกลบด้านหลังหน่วย จม.2 (หยงหลิง) ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2568 ก็ได้พบเต่าตนุเพศเมียยังไม่เสียชีวิตนอนเกยตื้นระหว่างหาดยาวกับหาดหยงหลิง

รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ประจำวันที่ 24 มกราคม 2568 ลำปางเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

วันที่ 25 มกราคม 2568 ที่จังหวัดระยอง เกิดปัญหา ไฟป่าลุกลามบริเวณ เขาจอมแห ซึ่งมีพื้นที่ป่า กว่า 20,000 ไร่ กินพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อำเภอนิคมพัฒนา อำเภอบ้านฉาง และอำเภอเมือง ระยอง โดยไฟได้ลุกลามเผาใหม้พื้นที่ป่ามาแล้ว 5 วันกินเนื้อที่ป่าไปแล้วประมาณ 30% ยังไม่สามารถดับได้ เพราะอุปสรรคในพื้นที่นั้น มีความยากลำบากในการเข้าไปดับไฟ พื้นที่ภูเขาลาดชันที่ผ่านมา มีทีมดับไฟจากหน่วยงานในท้องถิ่นต้องเดินเท้าสับเปลี่ยนกำลังขึ้นไปดับไฟบนเขาเพื่อจัดทำแนวกันไฟ ป้องกันการลุกลามบริเวณด้านบนและด้านล่างของเขา ทำงานกันมาต่อเนื่อง หลายวันหลายคืน นายกิตติพงษ์ บำรุงพงศ์ อายุ 57 ปี ทีมออฟโรดจิตอาสาที่ลงพื้นที่เปิดเผยว่าตั้งแต่เกิดไฟปะทุมาแล้ว 5 วันที่ผ่านมาการเข้าถึงพื้นที่เป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะเป็นเขาที่ลาดชันต้องใช้รถออฟโรดใต่เขาขึ้นไปเพื่อส่งเจ้าหน้าที่ ทีมดับไฟหลังจากนั้นต้องเดินเท้าต่อเข้าไปซึ่งยังไม่สามารถที่จะดับได้ 100% ประจวบกับถ้ามีลมกระโชกก็จะทำให้ไฟลุกโหมขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะไฟลามมาตั้งแต่ฝั่งอ.เมือง จนมาถึงฝังของ อ.นิคมพัฒนา รวมทั้ง อ.บ้านฉาง โดยเฉพาะฝั่งเขาจอมแห มีบ้านเรือนของประชาชนอยู่เกรงว่าจะลามจนเอาไม่อยู่จึงอยากขอประสานหน่วยงานที่มี ฮ.ลงมาช่วยดับให้ได้เร็วที่สุด ซึ่งตอนนี้ค่าพีเอ็ม 2.5 ในจ.ระยองสูงเกินมาตรฐานทำให้ชาวบ้านป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจแล้วหลายรายอีกด้วย โดยค่า PM

ชัยภูมิ – ในช่วงหน้าแล้งปีนี้เริ่มพบมีการลอบเผาป่า และทำให้เกิดไฟป่าลุกลามในพื้นที่ใกล้เคียงติดเทือกเขาภูแลนคาบ่อยครั้งต่อเนื่อง ส่งผลทำให้มีค่า PM 2.5 .ในพื้นที่เขต อ.เมืองชัยภูมิ พุ่งสูงขึ้นเป็นรายวันและเริ่มมีผลต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่เป็นสีส้มใกล้ถึงจุดสีแดงที่จะมีผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว จากวานนี้ อยู่ที่ 41.6  ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ล่าสุดวันนี้สูงขึ้นมาอยู่ที่ 61.4 หรือค่า AGI เท่ากับ 116 วันนี้สูงเพิ่มขึ้นมาที่ 164 แล้ว เตือนคนชอบเผาป่าตระหนักถึงผลกระทบต่อสุขภาพสังคมคนโดยรวมด้วย พร้อมยังต้องถูกดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดทั้งปรับ-ติดคุกอีกด้วย ( 24 ม.ค.68 ) ขณะที่ จ.ชัยภูมิ สถานการณ์เกิดไฟป่าในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ เริ่มเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาต่อเนื่อง ในหลายพื้นที่หลายตำบลใน เขตอำเภอเมืองชัยภูมิ ทั้งทางเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันสาธารณภัย อบต.พร้อมเจ้าหน้าที่ดับไฟจากมูลนิธิสว่างคุณธรรม จ.ชัยภูมิ และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ และล่าสุดทั้งแต่วานนี้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างต้องระดมรถน้ำ เจ้าหน้าเดินเท้าออกช่วยกันดับไฟป่าที่เกิดขึ้น ในพื้นที่รอยต่อใกล้เคียงติดเทือกเขาภูแลนคามาต่อเนื่อง เพื่อช่วยกันดับไฟป่าไม่ให้ลุกลามเป็นบริเวณกว้าง ป้องกันไม่ให้ไฟป่าลามไปไหม้บ้านเรือนราษฎรใกล้พื้นที่ ต.นาฝาย และพื้นที่ตำบลใกล้เคียงบางพื้นที่รถน้ำดับเพลิงเข้าไม่ถึง เจ้าหน้าที่ต้องสะพายถังน้ำออกไปฉีดน้ำดับไฟตามชายป่าที่กำลังเกิดไฟลุกไหม้เป็นย่อมๆหลายสิบจุดมาต่อเนื่อง และเกิดควันไฟปกคลุม เจ้าหน้าที่ต้องวิ่งรอกดับไฟป่าพื้นที่กว่านับหลายสิบไร่ ซึ่งมีใบไม้แห้งจำนวนมาก ใช้เวลานานนับชั่วโมง จึงดับไฟป่าได้ มีพื้นที่ป่าไม้ถูกไฟป่าเผาวอดเสียหายเป็นจำนวนมากนับหลายสิบไร่ในพื้นที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งมาต่อเนื่องในตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จนล่าสุดในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ