อาชญากรรม

จับแล้ว“สิทธิ์นาแก”ปอดไม่ยอมทำแผนประกอบคำรับสารภาพหวั่นถูกรุมประชาทัณฑ์ ขณะที่ตำรวจสภ.เมืองกาฬสินธุ์คุมตัวสอบปากคำ และส่งฝากขัง เบื้องต้นแจ้ง 3 ข้อหาหนัก พร้อมคัดค้านการประกันตัว ความคืบหน้าตำรวจสภ.เมืองกาฬสินธุ์ตามจับกุมตัวนายประสิทธิ์ โพธิ์ใต้ หรือ “สิทธิ์นาแก” อายุ 38 ปี ชาว ต.นาแก อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ มือแทงน.ส.นันทิดา แน่นอุดร อายุ 44 ปี ภรรยา ชาวต.กลางหมื่น อ.เมือง กาฬสินธุ์ได้รับบาดเจ็บสาหัส และทำร้ายญาติฝ่ายเมียได้รับบาดเจ็บได้อีก 3 คน โดยเหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ล่าสุดวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 พล.ต.ต.ศิรสัณห์ เยื้อนสงวนชัย ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.วีระ หางนาค ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ สั่งการให้ พ.ต.ท.เศรษฐศักดิ์ ศรีดี รองผกก.สส.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พ.ต.ต.ทรงศักดิ์ รัศมี สว.สส.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ร.ต.อ.อารมณ์ เจริญสรรพ์ รอง สว.สส.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ […]

ผู้สื่อข่าว มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ชื่อว่า วรรณา ชมสวัสดิ์ ได้โพสต์คลิปภาพ 2 คนร้าย ก่อเหตุ ขโมยรถจักรยานยนต์ พ่วงข้าง ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ 110 สีน้ำเงิน เมื่อช่วงกลางดึก ของวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา พร้อมกับระบุข้อความว่า ฝากช่วยกันแชร์ค่ะ!!!!! ขโมยลักรถสามล้อ บ้านพ่อเราเองค่ะ ภายในซ.เขาตาโล.16/1เมื่อคืนประมาณสาม ทุ่มกว่าๆค่ะมีเด็กเยาวชนด้วยนะคะ   ต่อมาเมื่อเวลา18.00 น. ( 19 ก.พ.68 ) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไป ยังบ้านผู้เสียหาย เหตุเกิดภายในซอยเขาตาโล 16/1 หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยพูดคุย กับ นางวรรณา ชมสวัสดิ์ อายุ 46 ปี เล่าว่า รถพ่วงข้างคันดังกล่าว เป็นของพ่อ ซึ่งพ่อมีอาชีพ

สระแก้ว – เจ้าหน้าที่ทหารพรานกองร้อย ทพ.1201 จับกุม 3 คนไทย ขณะลักลอบข้ามแดนจากฝั่งปอยเปต กลับมายังประเทศไทย หลังเดินทางเข้าไปทำงานให้กับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และสแกมใบหน้า พยายามเดินทางกลับเข้ามาฝั่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 ก.พ.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารพรานกองร้อย ทพ.1201 ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 จัดกำลังพลร่วมกับ ชปข.2 กองกำลังบูรพา , ฉก.อรัญประเทศ และ นฝด.11 ทำการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ โดยได้ตรวจพบบุคคลต้องสงสัย จำนวน 3 คน เป็นชาย 2 คน และหญิง 1 คน ขณะกำลังปีนกำแพงลานจอดรถเข้ามาในประเทศไทย บริเวณแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย มุ่งหน้าเข้ามายังประเทศไทย ระหว่างจุดตรวจ จต.อ.21 – จต.อ.22 พิกัด TA 348115 บ.ท่าข้าม ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เจ้าหน้่าที่ทหารพรานจึงได้ทำการเข้าตรวจสอบ ทราบว่า เป็นชาวไทย

พ่อแม่ลูกหนีตายทิ้ง จยย หนีเข้าหมู่บ้านหลังกลุ่มวัยรุ่นนับ 10 ไล่ตีกันทั้งยิงปืนทั้งปาระเบิด ไม่พลาดทุกกระแสร้อนชลบุรี-พัทยา กดรับข่าว “พัทยานิวส์”ผ่านไลน์ได้แล้ววันนี้ ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ภายในซอยมาสอง-ค่ายมวย หมู่ 6 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านและภาพวงจรปิดถึงพฤติกรรมของแก๊งค์วัยรุ่นไล่ตีกันพร้อมปาระเบิด เหตุเกิดเมื่อคืนที่ผ่านมา ( 18 ก.พ. ) เวลาประมาณ 23.00 น. จนชาวบ้านที่ขับขี่ผ่านมาต้องทิ้งรถหลบเข้าไปในหมู่บ้าน เพื่อหนีเอาตัวรอด ด้านเจ้าหน้าที่ รปภ.วัย 59 ปี ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุเกิดเมื่อคืนที่ผ่านมาเวลาประมาณ 23.00 น. มีกลุ่มวัยรุ่นไล่ตีกันมาแล้วก็ปาระเบิด ซึ่งตนเองก็ไม่ได้กลัวอะไร แต่ชาวบ้านที่ผ่านมาเกิดอาการตกใจกลัวจอดรถแล้ววิ่งหลบเข้าไปใน ส่วนกลุ่มวัยรุ่นก็มีจำนวนหลายคน นอกจากนั้นมีพ่อแม่ลูกที่ผ่านมาพอดีต้องจอดรถแล้ววิ่งหลบหนีเอาตัวรอดเข้าไปในหมู่บ้าน ซึ่งก็อยากฝากเจ้าที่ตำรวจให้ช่วยกวดขันแล้วก็ตรวจตราหรือตรวจค้นกลุ่มวัยรุ่นต้องสงสัย เพื่อป้องความเด็กเหล่านี้ ส่วนภาพวงจรปิดซึ่งเป็นของหมู่บ้านบริเวณจุดเกิดเหตุ สามารถจับภาพเมื่อเวลาประมาณ 23.01 น. วันที่ 18 ก.พ. มีกลุ่มวัยรุ่นทั้งขี่รถ จยย. และวิ่งไล่ตามทะเลาะวิวาทกัน โดยมีเสียงคล้ายเสียงปืนจำนวน 2 นัด ก่อนจะมีเสียงระเบิดขึ้นมา 1

สระแก้ว – ทหารพรานจับกุมชาวอินโดนีเซีย ขณะลักลอบเข้าเมืองจากฝั่งปอยเปต มายังฝังไทย หลังเตรียมถูกส่งตัวไปทำงานสแกมเมอร์ในประเทศลาว จึงหลบหนีระหว่างเดินทางกลับมายังประเทศไทย จนถูกเจ้าหน้าที่ทหารพรานจับกุม เมื่อวันที่ 19 ก.พ.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ 1201 ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 จัดกำลังพลร่วมกับ ชปข.2 กกล.บูรพา, ฉก.อรัญประเทศ, เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง จ.สระแก้ว และ นฝด.11 ทำการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ โดยได้ตรวจพบบุคคลต้องสงสัย จำนวน 1 คน เป็นชาย ขณะกำลังเดินเท้ามาตามเส้นทางธรรมชาติ จากบริเวณแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย มุ่งหน้าเข้ามายังประเทศไทย ระหว่างจุดตรวจ จต.อ.12 – จต.อ.13 พิกัด TA 356134 บ.ดงงู ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่ทหารพรานฯ จึงได้ทำการเข้าตรวจสอบ ทราบว่า เป็นชาวอินโดนีเซีย ไม่พบหนังสือเดินทาง (Passport) โดยชาวอินโดนีเซียดังกล่าว ได้เดินทางมาจากประเทศอินโดนีเซีย ลักลอบเข้ามากรุงเทพมหานคร ประเทศไทย และจะโดนส่งตัวไปทำงานสแกมเมอร์

สระแก้ว – ปลัดสาวพันธุ์แกร่ง นำกำลังฝ่ายปกครองอำเภอเมืองสระแก้ว  รวบตัว “หนูแดง นาตอ” พร้อมยาบ้ากว่า 1,500 เม็ด และอาวุธปืนสั้น อีก 1 กระบอก  เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 18 ก.พ.68 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองสระแก้ว โดยการอำนวยการของ นายจักรกฤษณ์ ธนะนพรัตน์ นายอำเภอเมืองสระแก้ว สั่งการให้  น.ส.ปิยะนาต อังกินันทน์ ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงอำเภอเมืองสระแก้ว นำกำลังเจ้าหน้าที่ อส.เข้าตรวจสอบตามข้อร้องเรียนประชาชนว่า มีการมั่วสุมและจำหน่ายยาเสพติดอย่างโจ๋งครึ่ม บริเวณบ้านนาตอ ตำบลโคกปี่ฆ้อง อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมและเข้าตรวจสอบพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งสามารถจับกุม นายสมพาน ฆ้องชะดา หรือ ฉายา\”หนูแดง นาตอ\” อายุ 42 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 204 หมู่ที่ 16 ตำบลโคกปี่ฆ้อง อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว ผู้ต้องหาค้ายาบ้ารายสำคัญ

สระแก้ว – ผู้บัญชาการภาค 2 สั่งทำเชิงรุกสร้างความรู้ความเข้าใจให้พี่น้องประชาชนพื้นที่ชายแดน สร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่ถึงความผิดและภัยอันตรายของขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ ห้องประชุม สภ.คลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ถาวร ดุลยวิทย์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว  พ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ.คลองลึก พ.อ.เมธี คำเต็ม ผบ.ชค.ทพ.12 ฝ่ายปกครองอำเภออรัญประเทศ พร้อมเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และประชาชาชน ในพื้นที่ เข้าร่วมการเปิดเวทีการประชุมให้ความรู้ กับชาวบ้าน ในพื้นที่แนวชายแดนในเรื่อง การสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน พื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว และข้อกฎหมายบทลงโทษซึ่งอาจเข้าข่ายมีส่วนร่วมองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งนี้ สื่บเนื่องจากรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องการปราบปรามขบวนการคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจังโดยทาง พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์  ผบช.ภ.2 จึงสั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 2 และ ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว บูรณาการเชิงรุกทั้งด้านปราบปรามจับตัวผู้กระทำผิดและการป้องกันด้วยการสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่ถึงความผิดและภัยอันตรายของขบวนการคอลเซ็นเตอร์ โดยอย่างแรกต้องไม่หลงผิดเข้าไปเป็นหนึ่งในขบวนการ ทั้งไปเป็นบัญชีม้า , การช่วยเหลือลักลอบพาบุคคลข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย , ลักลอบช่วยขนย้ายสิ่งผิดกฎหมายทุกประเภท แล้วในอีกด้านก็ต้องไม่ตกเป็นเหยื่อให้กับคอลเซ็นเตอร์

ที่นครนายก เมื่อเวลา 20.00 น. (18 ก.พ. 68) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งมีเหตุชายบุกบ้านทำร้ายร่างกายคนในบ้านได้รับบาดเจ็บหลายราย ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ สภ.บ้านนา พบกับ นายวสันต์ สมจิตร์ อายุ 57 ปี และ น.ส.สุนารี สมจิตร์ อายุ 29 ปี ผู้เสียหาย เพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น.ส.สุนารีฯ เล่าว่า ช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. นายชูวิทย์ บุญประเสริฐ หรือนายสี่ ได้บุกเข้ามาในบ้านเลขที่ 138/1 ม.2 ต.เขาเพิ่ม อ.บ้านนา จ.นครนายก พร้อมกับพวกอีก 2 คน เพื่อตามหาแฟนของตน เพื่อทวงหนี้ที่ทางแฟนตนไปกู้รายวันมา โดยให้นายสี่เป็นผู้ค้ำประกันให้ ซึ่งแฟนของตน และนายสี่เป็นญาติกัน ซึ่งตนเองก็ได้บอกกับนายสี่ไปว่าแฟนของตนไม่อยู่บ้านไปต่างจังหวัด เดี๋ยวแฟนกลับมาแล้วจะบอกให้ แต่นายสี่นั้นได้โวยวายขึ้นมา และได้ด่าต่างๆนาๆ ตนจึงได้เริ่มมีปากเสียงกับไป จากนั้นนายสี่ก็ได้เดินเข้ามาทำร้ายตน จากนั้นพ่อ คือนายวสันกับเพื่อน ๆ

วันที่ 19 ก.พ.68 พลตรี อัษฎาวุธ  ปันยารชุน ผู้บัญชาการกองพลหารราบที่ 9 ในฐานะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากชุดปฏิบัติการข่าวในพื้นที่ ว่าจะมีขบวนการลักลอบขนแรงงานผิดกฎหมายจากพื้นที่ชายแดนกาญจนบุรี เข้ามายังพื้นที่ตอนใน บริเวณห้วยซองกาเรีย จึงได้สั่งการให้ พันเอก พรรณศักย์  เพรียวพานิช ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 29 ในฐานะ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ นำเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ โดย พันเอก ปิยะเณศร์  ภัทรศาศวัตวงษ์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ ร่วมกับ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 134, สถานีตำรวจภูธรสังขละบุรี และฝ่ายปกครองอำเภอสังขละบุรี ลาดตระเวนเฝ้าตรวจทั้งทางบกและทางน้ำ บริเวณ ท่าน้ำลงเรือ บ.วังกะ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ต่อมาขณะเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนในพื้นที่รับผิดชอบ สังเกตพบกลุ่มบุคคลคาดว่าจะเป็นผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองหลบซ่อนอยู่ บริเวณ เกาะใกล้วัดจมน้ำ ม.1 ต.หนองลู อ. สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี จึงเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลลักษณะคล้ายต่างด้าว

คนมือบอน แอบติดสติกเกอร์-ถอนฟัน ประติมากรรมคนสู้ปลาฉลาม 16 ซี่ นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน มอบนิติกรแจ้งความแล้ว วันนี้  18  ก.พ.2568นายนพพร  วุฒิกุล  พร้อมด้วย  สมาชิกสภาเทศบาลเมืองหัวหิน หัวหน้างานรับเรื่องราวร้องทุกข์ กลุ่มงานนิติการ สำนักปลัด เทศบาลเมืองหัวหิน และสื่อมวลชน ร่วมลงพื้นที่บริเวณศาลเจ้าพ่อสมบูรณ์ เจ้าแม่ทับทิม (ทางลงชายหาดหัวหิน) เพื่อตรวจสอบความเสียหายของ ประติมากรรม คนสู้ปลาฉลาม ซึ่งทางประธานมูลนิธิสว่างหัวหิน  ได้จัดสร้างขึ้นจากเงินบริจาคที่ให้กับทางศาลเจ้าแม่ทับทิม  โดยใช้ช่างฝีมือจากโคราช  สร้างขึ้นและเพิ่งนำมาติดตั้งได้เพียงเกือบเดือน จนเป็นแลนด์มาร์ค ของเมืองหัวหิน กลายเป็นจุดถ่ายภาพาพของ นทท.ชาวไทย ชาวต่างชาติที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับแจ้งจากนายบุญเกิด อรรธนิศากร ประธานมูลนิธิสว่างหัวหินธรรมสถาน และเป็นผู้ดูแลสอดส่องศาลเจ้าพ่อสมบูรณ์ เจ้าแม่ทับทิมริมทะเลหัวหิน ว่าได้มีบุคคลมาทำลายฟันของปลาฉลามพร้อมทั้งติดรูปสติ๊กเกอร์รูปดวงตาไว้ในปากปลาฉลาม ซึ่งสร้างความเสียหายแก่รูปปั้นดังกล่าว  สร้างความรู้สึกไม่ดีให้กับชาวหัวหินและนักท่องเที่ยว นายนพพร วุฒิกุล  นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน ลงไปตรวจสอบและพบว่าฟันปลาฉลามทั้งด้านบนและด้านล่างถูกหักไปจริง รวมทั้งสิ้น 16 ซี่  การกระทำความเสียหายดังกล่าวนี้เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เพราะรูปปั้นคนสู้ปลาฉลามนั้นเป็นเรื่องของจิตใจของชาวหัวหิน และเป็นสัญลักษณ์ของเมืองหัวหิน การที่มีบุคคลมากระทำการสร้างความเสียหายแบบนี้จึงถือว่าไม่สมควรอย่างยิ่งและไม่ควรจะเกิดขึ้น และบุคคลที่กระทำการดังกล่าวควรตระหนักถึงผลกระทบทางจิตใจของคนหัวหินอีกด้วย  จึงมอบหมายให้นิติกรชำนาญการพิเศษ  เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน