สมโรจน์ สำราญชลารัตน์

นับคะแนน ณ 20.00น. จำนวน 128 หน่วย จาก 815 หน่วย นายก อบจ. นายอนุวัธ วงศ์วรรณ เบอร์2 ได้คะแนน 16,217คะแนน นายประสงค์ ชุ่มเชย เบอร์ 1 ได้คะแนน 9,507คะแนน นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ได้เดินทางเข้ามาตรวจเยี่ยมหน่วยรวมคะแนน ที่ลานวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ เวลา 20:00 น ได้ร่วมออกรายการรายงานผลการนับคะแนนโดยผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ชื่นชมการเตรียมความพร้อมและการจัดการเลือกตั้งในครั้งนี้ลุล่วงไปได้ด้วยดี โดยให้คะแนนถึง 95 เต็ม 100 คะแนน

เวลา 10:00 น วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ออกตรวจเยี่ยมหน่วยเลือกตั้ง อบจ.แพร่ เข้าดูสถานการณ์และเยี่ยมเยียนกรรมการประจำหน่วยที่หน่วยเลือกตั้งที่ 1 ภายในกาดสามวัย เทศบาลเมืองแพร่ พบว่ามีผู้มาใช้สิทธิ์ต่อเนื่อง แต่ไม่มากถึงกับต้องเข้าคิวรับบัตรลงคะแนน ได้กล่าวเชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์กันมากๆเพราะเป็นการเลือกผู้บริหารท้องถิ่นเข้ามาพัฒนาจังหวัดแพร่ ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้ มีบัตรลงคะแนน 2 ใบ ใบหนึ่งเลือกนายก อบจ. อีกใบหนึ่ง เลือก ส.อบจ.เกรงว่าจะมีการสับสนซึ่งเรื่องนี้กรรมการประจำหน่วยได้ให้ข้อมูลกับผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งรับทราบเป็นอย่างดีป้องกันการผิดพลาดแล้ว นายชนวิท พิมพิลา ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดแพร่ กล่าวว่า ก่อนเปิดลงคะแนนในวันนี้มีผู้สมัครในพื้นที่อำเภอวังชิ้นร้องหรือตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับกรรมการประจำหน่วยที่อาจไม่เหมาะสมหรือเอื้อให้กับผู้สมัครบางกลุ่ม กกต.อบจ.กำลังทำตามอำนาจหน้าที่และส่งเรื่องมาที่กกต.จังหวัดแพร่ทราบเรื่องแล้วกำลังดำเนินการอยู่ ส่วนผลการนับคะแนนในเย็นวันนี้น่าจะรู้ผลอย่างไม่เป็นทางการ ราว20:00 น ผู้ที่สนใจติดตามคะแนนรายงานสดๆ สามารถเปิดเพจ facebook สวท.แพร่ และเพจ facebook ของ อบจ.แพร่ ตั้งแต่เวลา 18:00 น-21.00 น.และมีศูนย์นับคะแนนรวมอยู่ที่ ลานวัฒนธรรมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่/

บรรยากาศการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่เริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่เวลา 8 :00 น. วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 หลังจากเจ้าหน้าที่เปิดให้ลงคะแนนมีประชาชนทยอยกันมาใช้สิทธิ์อย่างต่อเนื่อง เวลา 9:00 น นายอนุวัธ์ วงศ์วรรณ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ ได้เดินทางมาใช้สิทธิที่หน่วยเลือกตั้งที่ 3 บริเวณวัดหลวง อำเภอเมืองแพร่ ซึ่งอยู่หน้าบ้านนายอนุวัธนั่นเอง นายอนุวัธใช้ฤกษ์เวลา 9:00 น เดินออกจากบ้านมาใช้สิทธิ์ลงคะแนนในครั้งนี้ โดยนายอนุวัธ ได้กล่าวทักทายกับสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวอย่างเป็นกันเองและได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าต้องขอขอบคุณชาวแพร่ที่สนับสนุนมาหลายสมัยโดยในสมัยนี้ถ้าผ่านการเลือกตั้งก็จะทำงานศาลงานเก่าและทำงานให้มากขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งประสานงานกับรัฐบาลกลางในการดูแลผลประโยชน์ให้กับประชาชนอย่างทั่วถึงในแผนและนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดรวมทั้งทางทีมพรรคเพื่อไทยที่ลงสมัครในครั้งนี้ก็ได้วางนโยบายท้องถิ่นไว้เหมือนกันในการพัฒนาจังหวัดแพร่ ส่วนสมาชิกโครงการบริหารส่วนจังหวัดในทีมของพรรคเพื่อไทยเดิมมีอยู่ 16 ที่นั่งจาก 24 ที่นั่งในครั้งนี้นายอนุวัฒน์กล่าวว่าสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่นั้นตนให้ความเท่าเทียมไม่ว่าจะมาจากกลุ่มการเมืองใดถ้าได้รับเลือกเข้ามาเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดก็จะได้รับสิทธิ์การพัฒนาอย่างเท่าเทียมไม่ยึดติดว่าใครมาจากกลุ่มการเมืองใด ตนจะสร้างความร่วมมือให้เกิดขึ้นในสภาเพื่อการพัฒนาจังหวัดแพร่ให้ดีที่สุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการเลือกตั้งกระแสของประชาชนต้องการเปลี่ยนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ในพื้นที่ของตนหลายเขตเลือกตั้งทำให้มีการลุ้นว่ากลุ่มส.อบจ.เก่า ใครบ้างจะหลุดจากตำแหน่ง ปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้ ส.อบจ.เก่าหลุดจากตำแหน่งคือการแบ่งเขตให้เลือกตั้งใหม่ทั้ง 24 เขตเลือกตั้งเลิกจากประชากรลดลง/

  ในขณะที่ กกต.ท้องถิ่นควบคุมการเลือกตั้งมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะลุล่วงไปด้วยดีมีการเตรียมความพร้อมไว้อย่างดียิ่งส่วนการร้องเรียนมีบ้างเล็กน้อยกำลังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนอย่างไรก็ตามเชื่อว่าในวันเลือกตั้ง 1 กุมภาพันธ์ 2568 จะมีประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไปลงคะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 แม้ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะจัดเลือกตั้งในวันเสาร์ก็ตาม ส่วนการหาเสียงเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดแพร่มีการต่อสู้ทางการเมืองท้องถิ่นครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยเป็นกลุ่มการเมืองที่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง ส.อบจ. ครบทั้ง 24 เขต เพียงกลุ่มการเมืองเดียว มีนายอนุวัธ วงศ์วรรณ อดีตนายกอบจ.แพร่หลายสมัยเป็นหัวหน้าทีม ส่วนกลุ่มการเมืองอีกฝ่ายคือกลุ่มแพร่พัฒนา มีนายประสงค์ ชุ่มเชย ลงสมัครชิงตำแหน่งนายก อบจ.ในครั้งนี้ โดยประกาศตัวทีมบริหารแต่ไม่ได้ส่งผู้สมัครลงจริง ส.อบจ. การแข่งขันในสนามเลือกตั้งนี้น่าสนใจอยู่ที่การชิงตำแหน่ง ส.อบจ.ทั้ง 24 เขตมีผู้สมัครอิสระลงประกบเลือกตั้งทุกเขตและน่าจะมีลุ้นว่าใครจะเข้าเส้นชัยระหว่างพรรคเพื่อไทยกับกลุ่มอิสระ อย่างไรก็ตาม นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.สจังหวัดแพร่ พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ในพื้นที่จังหวัดแพร่คงไม่มีปัญหาสำหรับพรรคเพื่อไทยที่ส่งผู้สมัครในตำแหน่งนายก อบจ.และ ส.อบจ.ทั้ง 24 เขต เชื่อว่าจะชนะเลือกตั้งมาทั้งหมด เพราะชาวแพร่ต้องการที่จะให้การเมืองท้องถิ่นเชื่อมเข้ากับรัฐบาลเป็นเนื้อเดียวเพื่อเร่งพัฒนาจังหวัดให้มีความเจริญก้าวหน้า ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จะเลือกตั้งครั้งนี้ มีบรรยากาศการหาเสียงเข้มข้น ในช่วงสัปดาห์สุดท้าย นักการเมืองใช้วิธีลงพื้นที่หาเสียงไปตามท้องถนนและเข้าพบปะประชาชนในบริเวณบ้านโดยตรง นอกจากนั้นยังลุ้นว่า ส.อบจ.ใส่รุ่นที่แล้วที่หมดวาระลงจะหลุดจากตำแหน่งกี่ราย /

รายงานความคืบหน้าการร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่ กรณีที่ถูกอำเภอวังชิ้น สั่งให้ออกจากตำแหน่งเนื่องจากการเข้าชื่อขับไล่ของประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในหมู่บ้าน ที่เกินกว่ากึ่งหนึ่ง นายอำเภอวังชิ้น โดย นางศิริมา ปาลาศ ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนนายอำเภอวังชิ้น) ได้มีคำสั่งอำเภอวังชิ้นที่ 384/2567 ลงวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ 2567 ให้ นายสุเทพ สร้อยปา พ้นจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ตำบลแม่ป้าก อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม พ.ศ 2568 และให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 30 วัน จากกรณีดังกล่าว นายสุเทพสร้อยปา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ตำบลแม่ป้าก กลายเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านไปในทันที โดยไม่ทราบสาเหตุการเข้าชื่อขับไล่และไม่มีการสอบสวนข้อเท็จจริง จึงได้ทำการอุทธรณ์ว่าเกิดความไม่เป็นธรรมในการนำบัตรประชาชนและการลงนามขับไล่เป็นเอกสารอันเป็นเท็จ ซึ่งชาวบ้านจำนวนมากยืนยันไม่ได้ลงนามขับไล่และมีชาวบ้านบางรายไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานว่าไม่ได้เข้าร่วมลงนามขับไล่ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งประเด็นดังกล่าว นายสุเทพ สร้อยปา แต่เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อนางสาวราตรี จำปาแก้ว อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 208 หมู่ 4 ตำบลแม่ป้าก

  เวลา 14:00 น วันที่ 23 มกราคม 2568 ร้อยตำรวจเอกสุวิชา อุ่นกาศ ผู้สมัครเลือกตั้ง ส.อ.บ.จ. เบอร์ 3 กลุ่มอิสระ และนายเจษฎา ทิปัญญา ผู้สมัคร ส.อบจ.เบอร์ 4 พรรคประชาชน ในเขตเลือกตั้งที่ 1 อำเภอวังชิ้น เดินทางมาที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ ภายในองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ ยื่นหนังสือพร้อมหลักฐานร้องให้มีการสอบสวนกรณีที่หน่วยงานราชการหลายหน่วยงาน ในอำเภอวังชิ้นวางตัวไม่เป็นกลางส่อเอื้อประโยชน์ในการหาเสียงและการลงคะแนนเลือกตั้งให้กับผู้สมัครบางราย โดยมีกิจกรรมหลายเหตุการณ์ที่เป็นหลักฐานบ่งบอกว่าข้าราชการในพื้นที่ไม่เป็นกลาง ซึ่งได้รวบรวมหลักฐานพร้อมภาพถ่ายและหนังสือร้องเรียนส่งให้กับคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ โดยเฉพาะประเด็นที่มีการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้สมัครบางรายในคูหาเลือกตั้งเช่นการแต่งตั้งกรรมการประจำหน่วย ทุกหน่วยเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 1 อำเภอวังชิ้นไม่มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ารักษาความสงบเรียบร้อยในหน่วยเลือกตั้ง จะส่งผลให้หน่วยเลือกตั้งเหล่านั้นมีแต่กรรมการประจำหน่วยที่เป็นคนในพื้นที่ อาจมีการชี้นำหรือมีเหตุอื่นหรือมีการทะเลาะวิวาท การไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไประงับเหตุตามกฎหมายก็ถือว่าส่อถึงการทุจริตการเลือกตั้งหรือการเอนเอียงเพื่อประโยชน์ให้กับผู้สมัครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งและยังพบว่าการหาเสียงผู้สมัครบางรายเข้าประกบข้าราชการระดับสูงในพื้นที่เพื่อการหาเสียง ถือว่าข้าราชการวางตัวไม่เป็นกลาง อาจก่อให้เกิดการทุจริตการเลือกตั้งในครั้งนี้ได้จึงได้นำเอกสารประกอบการร้องเรียนพร้อมทั้งหลักฐานเป็นภาพถ่ายมีการลงชื่อผู้ร้องเรียนซึ่งเป็นผู้สมัครในเขตเลือกตั้งที่ 1 อำเภอวังชิ้นจำนวน 3 คน คือนายสาคร ไชยบัวแก้ว เบอร์ 1 ผู้สมัครอิสระ ร้อยตำรวจเอกสุวิชา อุ่นกาศ เบอร์ 3 ผู้สมัครอิสระ และนายเจษฎา ทิปัญญา