นายหัวไทร

           มีคนถามมาว่า อะไรเป็นปัจจัยชัยชนะของ “บิ๊กโอ-ก้องเกียรติ์ เกตุสมบัติ” หรือ สจ.โอ ในการเลือกตั้งซ่อม เขต 8 นครศรีฯ หลังจาก “มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล” จากพรรคภูมิใจไทย โดนใบแดง ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง            ความจริงข้อหนึ่งที่ต้องยอมรับ คือ ไสว เลื่องสีนิล สามีของมุกดาวรรณ ที่มาลงสมัครแทน ได้คะแนนถึง 28,000 กว่าคะแนน ซึ่งมากกว่า คะแนนที่มุกดาวรรณ เคยได้ 23,000 กว่าคะแนน แต่คะแนนของบิ๊กโอกลับพุ่งขึ้นไปเกือบทะลุ 40,000 คะแนน คว้าชัยชนะไปแบบขาดลอย ม้วนเดียวจบ            บิ๊กโอในวัย 40 กว่าๆ ถือว่าเป็นช่วงวัยหนุ่มวัยทำงาน วัยวุฒิพร้อม

           บิ๊กโอคว้าชัยสนามเมืองคอน สะท้อนอนาคตก้าวกระโดดของพรรคกล้าธรรม สู่ความถดถอยของประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย            ผลการนับคะแนนเลือกตั้งซ่อมเขต 8 นครศรีฯ อย่างไม่เป็นทางการ แทนตำแหน่งว่าง หลังจาก “มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล” จากพรรคภูมิใจไทย โดนใบแดง            ผลการนับคะแนนครบทั้ง 233 หน่วยเลือกตั้งแล้ว ปรากฏว่า               เบอร์ 1 : 28,422 (ไสว)               เบอร์ 2 : 4,189 (ชินวรณ์) 

           ศึกชิงเก้าอี้ สส.เขต 8 นครศรีฯ เกิดจากศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งของ “มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล” สส.เขต 8 นครศรีฯ พรรคภูมิใจไทย ตามคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พูดง่ายๆ คือ ให้ใบแดงนั้นเอง            กกต. กำหนดให้เลือกตั้ง วันที่ 27 เมษายน 2568 มีผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง 6 คน จาก 6 พรรคการเมือง ประกอบด้วย            หมายเลข 1 : ไสว เลื่องสีนิล จากพรรคภูมิใจไทย สามีของมุกดาวรรณนั้นเอง         

           จับตาเขต 1 นครศรีฯ “ดร.รงค์“ ย้ายไปรวมไทยสร้างชาติ ”สส.หนึ่ง” โยกมาลงชน “ราชิต” ขอพัก “หมอผึ้ง” ผันมาเขต 2 เขต 1 นครศรีธรรมราช เป็นเขตเลือกตั้งหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับการเลือกตั้งปี 70 เพราะเป็นเขตเมือง ประชากรมีความรู้ ตื่นตัวทางการเมืองสูง น่าสนใจมากยิ่งขึ้นถ้า “ราชิต สุดพุ่ม“ สส.พรรคประชาธิปัตย์ เขตนี้ไม่ไปต่อตามที่เป็นข่าว เพราะมีปัญหาด้านสุขภาพในหวงเวลาที่อายุมากขึ้นตามลำดับ เขตเลือกตั้งที่ 1 ของนครศรีฯ ก็จะเหลือตัวเต็ง “ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ” อดีต สส.พลังประชารัฐ ในการเลือกตั้งปี 64 ตามด้วย “จรัญ ขุนอินทร์” จากพรรคภูมิใจไทย ที่คราวที่แล้วแพ้ให้กับผู้ว่าฯราชิต แต่ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าทำงานการเมืองในเขตนี้อยู่ ยังมี “แมน-ปกรณ์ อารีกุล“ จากพรรคประชาชน ถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่มุ่งมั่นทำงานการเมือง เลือกตั้งคราวที่แล้วแมนมีคะแนนมาอันดับสอง ถีบ ดร.รงค์

ไล่รูดมือถือผ่านเฟซบุ๊กไปเรื่อยๆ เจอคนน่าจะสนใจ สะดุดตรงใส่ชุดครุย คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง จึงเข้าใจว่าเป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกันกับผม เพราะผมเรียนจบคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง รุ่น 12 รับปริญญาปี 2529 ที่เจอเพราะเขาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลตำบลสิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ขึ้นป้ายระบุชื่อ “สัญชัย เจ๊ะดะระหมาน” เมื่อเข้าไปอ่านในเฟสบุ๊ค เขียนข้อความแนะนำตัวระบุว่า “ผมพร้อมขออาสา #พัฒนาท้องถิ่นของเรา #ประสานทุกภาคส่วน นำเสนอในสิ่งที่ถูกต้องและชอบธรรม มาสู่เทศบาลตำบลสิชล อันเป็นบ้านของพวกเราทุกๆ ท่านครับ ขอโอกาสเพื่อเข้าไปทำหน้าที่ในสภาเทศบาลฯ ในฐานะตัวแทนเป็นปากเป็นเสียงของทุกท่านครับ โปรดพิจารณาเลือก นายสัญชัย (เฉม) เจ๊ะดะระหมาน หมายเลข 17 เขต 1 เข้าไปทำหน้าที่\” ไม่รอช้าจึงส่งข้อความเข้าไปทักทายผ่าน massenger ได้ข้อมูลมาว่า สัญชัย หรือ เฉม ก็เป็นนักศึกษากิจกรรมทางการเมืองในรามคำแหง สังกัดพรรคเทอดราม ซึ่งแตกตัวออกมาจากพรรคกระแสธรรม ต้องทำความเข้าใจกันนิดหนึ่งว่า พรรคการเมืองที่เอ่ยชื่อถึงเป็นพรรคการเมืองของนักศึกษา เป็นการเมืองที่ช่วงชิงกันเข้าไปบริหารองค์การนักศึกษา (อศมร.) และสภานักศึกษา (ส.มร) การเมืองในมหาวิทยาลัยรามคำแหงในยุคนั้นแบ่งฝ่ายกันชัดเจนระหว่างฝ่ายซ้ายกับฝ่ายขวา พรรคเทอดรามที่สัญชัยสังกัดซึ่งแยกตัวมาจากพรรคกระแสธรรมนั้น ถือเป็นพรรคฝ่ายขวา

เอ่ยชื่อถึง “จิรชาติ ชายวงศ์” คนลาดสวาย ลำลูกกา ปทุมธานี คงจะรู้จักกันดี ยิ่งนาม “โอม ลาดสวาย” จะเป็นชื่อที่คุ้นหูมานาน ตั้งแต่สมัยมหาอุทกภัยปี 2554 กับเจ้าของโครงการ “ลาดสวายโมเดล” ในการคิดโครงการป้องกันน้ำท่วมลาดสวายในอนาคต โอม เคยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น กับการหาเสียงแบบง่ายๆ พาครอบครัวเดินขอคะแนนเสียงถึงทุกครัวเรือน แต่ โอม ลาดสวาย ก็ต้องพ่ายกับ money politic เขาหันหัวไปสู่การเมืองสนามใหญ่อย่างมุ่งมั่น เข้มแข็ง ตั้งใจรับใช้ชาติบ้านเมือง แม้จะมีกระแสตอบรับที่ดี แต่โอมก็ต้องแพ้กระแสเงินอยู่ดี ความมุ่งมั่นยังคงเหนียวแน่นในใจของโอม ลาดสวาย หลังพ่ายศึกเลือกตั้ง สส.ปี 66 โอมใช้เวลาคลุกอยู่กับลาดสวายด้วยเป้าหมายลงชิงนายกเทศมนตรีลาดสวาย โอมประกาศชัดว่า ไม่ส่งทีมงานลงสมัครชิงสมาชิกสภาเทศบาล ภายใต้หลักคิดแบ่งแยกอำนาจหน้าที่กันชัดเจนอยู่แล้ว จึงลงสมัครแค่นายกเทศมนตรี พร้อมประกาศเจตนารมย์ เป็นนักบริหารมืออาชีพที่พร้อมพัฒนาลาดสวาย “ไม่มีทีม สท. แล้วจะบริหารยังไง?”  ❝ ผมตั้งใจ ไม่ส่งทีม สท. ลงสมัคร เพราะผมต้องการให้ สภาเทศบาลทำหน้าที่ตรวจสอบนายกฯ อย่างเข้มข้นและเป็นอิสระจริง ๆ

           จับตา… อดีต ส.ส ปทุมธานี “เกียรติศักดิ์” ผันตัวเองลงสู้สนามการเมืองท้องถิ่นทีมบิ๊กแจ๊ส ชูนโยบายพัฒนาคุณภาพชีวิต ไร้รอยต่อกับ อบจ.ปทุมธานี กับเทศบาลลำสามแก้ว            ถ้าเอ่ยชื่อ ดร. ธีราทัต ส่องแสง น้อยคนที่จะรู้จัก เพราะเป็นชื่อใหม่ของ “เกียรติศักดิ์ ส่องแสง” อดีต สส.ปทุมธานี แต่ถ้าเอ่ยชื่อเกียรติศักดิ์ ใครๆ ในปทุมธานีย่อมรู้จัก โดยเฉพาะย่านลำลูกกา            อดีต ส.ส.ปทุมธานี ผู้แจ้งเกิดทางการเมืองได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ปทุมธานีหลังเกิดอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ปี 54 ลงลุยช่วยชาวบ้านจนได้รับความไว้วางใจไปทำหน้าที่ในสภาด้วยความเห็นความตั้งใจและเห็นการทำงานอย่างจริงจังของ ดร.ธีราทัต (เกียรติศักดิ์) ส่องแสง            มาวันนี้ ดร.ธีราทัต

           ใจเย็นๆ …. พรรคภูมิใจไทย ยังไม่ประชุม ยังไม่เคาะชื่อว่าจะเป็นใครลงสมัคร เขต 8 นครศรีฯ รอวันอังคารนะ            ไม่ทราบว่า มือดีจากไหนปล่อยข่าวว่า เคาะแล้ว… พรรคภูมิใจไทยส่ง \”ไสว เลื่องสีนิล\” ลงสมัครเขต 8 นครศรีธรรมราช            หมายถึงพรรคภูมิใจไทยได้ตัดสินใจแล้วว่าจะส่งสามีของ “มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล” ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อมแทน มุกดาวรรณ ที่เพิ่งโดนศาลฏีกาให้ใบแดง ตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี และให้จ่ายค่าจัดการเลือกตั้งอีก 8 ล้านกว่าบาท            เป็นข่าวที่ปล่อยออกมาเร็วมาก เพียงวันเดียวคล้อยหลังจากศาลตัดสิน มันเร็วเกินไปหรือเปล่า ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยแล้วหรือยัง