นครนายก – บุกบ้านทวงหนี้ไม่เจอตัว กับทำร้ายพ่อ และเมียลูกหนี้แทน

ที่นครนายก เมื่อเวลา 20.00 น. (18 ก.พ. 68) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งมีเหตุชายบุกบ้านทำร้ายร่างกายคนในบ้านได้รับบาดเจ็บหลายราย

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ สภ.บ้านนา พบกับ นายวสันต์ สมจิตร์ อายุ 57 ปี และ น.ส.สุนารี สมจิตร์ อายุ 29 ปี ผู้เสียหาย เพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น.ส.สุนารีฯ เล่าว่า ช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. นายชูวิทย์ บุญประเสริฐ หรือนายสี่ ได้บุกเข้ามาในบ้านเลขที่ 138/1 ม.2 ต.เขาเพิ่ม อ.บ้านนา จ.นครนายก พร้อมกับพวกอีก 2 คน เพื่อตามหาแฟนของตน เพื่อทวงหนี้ที่ทางแฟนตนไปกู้รายวันมา โดยให้นายสี่เป็นผู้ค้ำประกันให้ ซึ่งแฟนของตน และนายสี่เป็นญาติกัน ซึ่งตนเองก็ได้บอกกับนายสี่ไปว่าแฟนของตนไม่อยู่บ้านไปต่างจังหวัด เดี๋ยวแฟนกลับมาแล้วจะบอกให้ แต่นายสี่นั้นได้โวยวายขึ้นมา และได้ด่าต่างๆนาๆ ตนจึงได้เริ่มมีปากเสียงกับไป จากนั้นนายสี่ก็ได้เดินเข้ามาทำร้ายตน

จากนั้นพ่อ คือนายวสันกับเพื่อน ๆ ของพ่อที่กำลังนั่งกินสังสรรกันอยู่ในบ้านก็ได้ลุกขึ้นมาพยายามให้แยกย้ายออกจากกัน แต่นายสี่ก็ไม่ยอมจบ ยังพยายามที่จะทำร้ายตน และพ่อต่อ จากนั้น นายชาญวิทย์ สุขสมบูรณ์ หรือต้น เป็นพี่ของนายสี่ ก็ได้เดินเข้ามาเพิ่มอีกคน แล้วก็โวยวายขึ้นมาเหมือนกันจากนั้นนายต้นก็ได้เข้ามาทำร้ายคนในบ้านร่วมกับนายสี่ด้วย ระหว่างที่คนอื่น ๆ กำลังชุลมุนกันอยู่ นายสี่ก็ได้กระชากหัวตนมาต่อยและเตะอีกจำนวนหลายครั้ง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางมาถึง ก็ได้สั่งให้แยกย้ายกัน และให้ผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความที่ สภ.บ้านนา ทางตนและพ่อได้รับบาดเจ็บ จึงได้เดินทางไป รพ.บ้านนา เพื่อรักษาอาการเบื้องต้นก่อนจากนั้นจึงได้เดินทางมาแจ้งความที่ สภ.บ้านนา

ซึ่งตน และครอบครัวยังมีความหวาดกลัว นายต้น และนายสี่ เนื่องจากว่า ทั้ง 2 คนได้ประกาศว่าไม่กลัวใคร ตำรวจก็ไม่กล้ว ซึ่งตนเองก็พึ่งไปประกันตัวนายต้นจากคดีบุหรี่ไฟฟ้ามาได้วันเดียว เนื่องจากก็เป็นญาติๆกันกับทางแฟนของตน แต่พอประกันตัวออกมาได้เพียงวันเดียว ก็ได้มาก่อเหตุบุกรุกทำร้ายตนและพ่อภายในบ้าน ซึ่งตนได้แจ้งดำเนินคดีไว้ 2 ข้อหา คือ 1. ทำร้ายร่างกาย 2.บุกรุก และได้ยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่าจะดำเนินคดีกับนายต้น และนายสี่ให้ถึงที่สุด ถึงแม้จะเป็นญาติกัน เนื่องจากสิ่งที่ทั้ง 2 คน กระทำนั้นได้รุนแรงมากเกินไป

ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ลงบันทึกประจำวันไว้เบื้องต้นก่อน และจะเรียกทั้ง 2 ฝ่ายมาสอบปากคำเพื่อดำเนินคดีต่อไป.