ความคืบหน้า กรณีนางบุญล้อม หรือ “ยายแหล่” อายุ 68 ปี เจ้าของร้านลาบก้อยยายแหล่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1หมายเลข 807779 งวดวันที่ 17 ม.ค.2568 รับเงินรางวับ 6 ล้านบาท โดยอ้างว่าลอตเตอรี่ใบนี้ ร.ต.อ.ฐิติพัฒน์ หรือ “ผู้กองเข้ม” อายุ 65 ปี ลูกค้าที่รู้จักกันแบ่งให้ 1 ใบ เพื่อใช้หนี้ค่าลาบก้อย 120 บาท โดยได้นำลอตเตอรี่ใบดังกล่าวไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่สภ.ธาตุพนม และนำมาขึ้นเงินรางวัลที่ร้านทองแห่งหนึ่ง อ.ธาตุพนม
ต่อมา “ผู้กองเข้ม” ก็ได้นำสลากอีกใบที่ถูกรางวัลที่ 1 เช่นกันมาขึ้นเงินที่ร้านทองเดียวกัน ก่อนจะแจ้งความกับ สภ.ธาตุพนม ว่าถูก “ยายแหล่” ยักยอกหวยรางวัลที่ 1 ไป โดยระบุว่า “ลอตเอตรี่ที่ให้ไม่ได้จ่ายแทนหนี้ค่าลาบก้อย แค่ฝากไว้เท่านั้น
ล่าสุด วันที่ 22 ม.ค.2568 นายสุทธิรักษ์ บันลือ อายุ 37 ปี ฉายา “เซียนต้องมวยตู้ เปิดเผยว่า ผู้กองเข้มเป็นคนอันธยาศรัยดี ตอนยังไม่ถูกหวย 6 ล้าน เคยเจอกันกับตนตามงานต่างๆ เช่นงานที่มีมวย งานมหรสพและงานศพโดยเคยเล่นไฮโลเล่นไพ่ด้วยกัน แต่เล่นเสียหมดทุกครั้ง จนถึงขั้นเคยเอาพระเครื่องโทรศัพท์มาจำนำ เอารถยนต์เก๋งมาขายให้ราคาถูก จึงตัดความรำคาญช่วยเหลือกันไป อาศัยนั่งรถกลับมาด้วยบางทีก็ขอยืมเงิน 200-300 บาทเอาไว้ติดกระเป๋า ทุกวันนี้ไม่ได้ติดหนี้เพราะใช้หมดแล้ว
ส่วนเหตุการณ์วันที่ 21 ม.ค.68 บังเอิญขับรถ จยย.มาพบผู้กองเข้มใกล้ร้านทอง จึงมาไลฟ์สดผู้กองเข้มชี้แจงกับสื่อที่มากันเยอะตนเห็นผู้กองเข้มนั่งอยู่ในรถฟอร์จูนเนอร์ จึงกวักมือเรียกทักทายว่าถูกรางวัลที่ 1 ดีใจด้วย ขณะพูดคุยมีการ์ดชุดคุ้มกันผู้กองเข้มซึ่งตนรู้ว่าเป็นตำรวจเก่า เลยคุยกันไม่รู้เรื่อง ผู้กองเข้มเลยบอกว่าเดี๋ยวค่อยคุยกันจะไปคุยธุระอื่นให้เสร็จก่อน ตนเลยถามผู้กองรวยแล้วจะเอาไงดี ผู้กองบอกโอเค ซึ่งไม่ได้มีเรื่องราวทะเลาะกันเพราะเหตุจะมาทวงหนี้แต่อย่างใด
น.ส.ตุ๊กติ๊ก อายุ 30 ปี หลานยายแหล่ กล่าวว่า ตนเป็นคนที่กระโดดดีใจกอดกันกับญาติในร้านลาบที่ยายแหล่ถูกหวย 6 ล้านวันที่ 17 ม.ค.68 ส่วนวันที่ 18 ม.ค.68 ช่วงเช้าตรู่ที่ผู้กองเข้มและเพื่อนคือผู้หมวดยักษ์มาคุยกับยายแหล่ที่ร้านลาบ เสียดายที่ร้านไม่มีกล้องวงจรปิด ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าผู้กองมาขอแบ่งเงิน 2 ล้านกับยายแหล่ ตนมองว่าขอแบ่ง 2 ล้านบาทจะเยอะเกินไปมั้ย ความจริงยายแหล่จะแบ่งให้เท่าไหร่ก็แล้วแต่น้ำใจ หลังวันที่ 18 ม.ค.68 ยายแหล่ก็ไม่อยู่ที่ร้านลาบแล้ว ยายและหลานอีกคนพกโทรศัพท์อยู่แต่ไม่ได้ติดต่อมา อาจจะปิดเครื่องเพราะเรื้องยังวุ่นวาย อยู่
วันนั้นทราบว่ามีคนมาไกล่เกลี่ยอยากได้เงิน 2 ล้านจากยายแหล่ เหลือให้ยายแหล่ 4 ล้านบาท วันนั้นมียายสำลี เฮียตุ่ยลูกชายยายแหล่ หมวดยักษ์ ผู้กองเข้ม นั่งคุยด้วยกัน 4 คน แต่หลังจากนั่งคุยกันนานก็ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไรกันบ้าง ก่อนแยกย้ายกันไป อย่างไรก็ตามหลังปิดร้านลาบก้อยยายแหล่มานาน 3-4 วันแล้ว โดยในวันพรุ่งนี้ 23 ม.ค.68 ร้านลาบก็จะกลับมาเปิดค้าขายอาหารและเครื่องดื่มตามปกติ ขอให้มาอุดหนุนด้วย
ด้านเฮียตุ่ย อายุ 30 ปี ลูกชายยายแหล่ กล่าวว่า ตนเปิดร้านเริงระยำขายยำใกล้กับร้านลายก้อยยายแหล่ ส่วนเรื่องที่มีผู้กองเข้มมาพูดคุยขอเงินยายแหล่จาก 3 ล้านบาท แต่เหลือ 2 ล้านบาท ยืนยันว่าไม่ได้มาคุยที่นี่เพราะตนอยู่ในเหตุการณ์วันที่ 18 ม.ค.68 ด้วย จากนั้นช่วงดึกวันเดียวกันตนเป็นผู้ขับรถไปส่งยายแหล่ที่บ้านโคกสว่าง หลังจากนั้นติดต่อยายแหล่ไม่ได้อีกเลย ยายแหล่พกโทรศัพท์แต่โทรไม่ติด รู้ในภายหลังแค่ว่าลูกสาว 1 ใน 2 คนทำงานที่สำนักงานสรรพสามิต อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว มารับยายแหล่ไป ส่วนจะไปจริงหรือไม่ตนไม่รู้
ส่วนที่มีญาติบอกว่ายายแหล่ไปอิตาลีนั้น มันเป็นคำโจ๊กที่มีความหมายว่า ไปหลบไปลี้ ส่วนมีกระแสข่าวว่าตำรวจออกหมายเรียกให้ยายแหล่มาพบ ก็เป็นเรื่องของตำรวจคงไม่มีอะไรฝากถึงยายแหล่ เดี๋ยวยายก็รู้ข่าวเองเพราะมันไว ยอมรับว่าวันที่ 18 ม.ค.68 ผู้กองเข้มมาคุยกับยายแหล่ที่ร้านลาบจริง แต่ไม่ได้มาตกลงเรื่องเงิน 2 ล้านตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ ผู้กองเข้มไม่ได้มาทวงอะไรเกี่ยวกับลอตเตอรี่ เลย
ผู้กองใช้คำแทนตนมาคุยกับยายแหล่ว่าพ่อจะขอบวช 3 เดือน และจะแจกไข่แก้บน 499 แผง จะถวายเงิน 5 แสนบูรณะวัด แม่จะมีใจช่วยพ่อเท่าไหร่ ยายแหล่ตอบไปว่าตั้งใจนานแล้วถ้าถูกจะตั้งกองกฐิน 1 ล้าน ประจวบเหมาะกับหงานจะบวชด้วยยายจึงบอกว่าจะช่วยงานบุญผู้กองเข้ม 5 หมื่น และจะไปร่วมงานบวชด้วย ส่วนจะบวชวันไหนผู้กองเข้มไม่ได้บอก ยายแหล่นัดผู้กองเข้มช่วงเย็นๆนัดมาเอาเงิน 5 หมื่น แต่ผู้กองเข้มไม่มา ขอยันยันตามภาพถ่ายที่ปรากฏไม่ได้พูดถึงว่าจะขอแบ่งเงิน 2 ล้าน จากเงินรางวัลแต่อย่างใด