ตรัง-ว่อนโซเชียล เพจตรังต้านโกงโพสต์ภาพหรา ปศจ.ตรังขนยาหมดอายุฉีดโคชาวบ้านรักษาปากเท้าเปื่อย ผู้ว่าควงปศจ. เต้นผาง ตั้งโต๊ะแถลงพัลวัน ปัดใช้ยาหมดอายุ ยันคุมโรคได้แล้ว ยอมรับต้องถอดบทเรียนโรคระบาด ปศจ.ต้องทำงานเชิงรุก รู้จักสื่อสาร ชี้ขัดแย้งในองค์กรมีทุกแห่ง แต่อย่าเล่นส่วนตัว ด้านปศจ. ยอมรับพร้อมรับการตรวจสอบจากป.ป.ช. ชี้เป็นเรื่องดีสังคมได้กระจ่างว่าโกงหรือจัดฉาก ยอมรับมีขัดแย้งในองค์กรแต่จะเร่งสร้างสามัคคี ป.ป.ช.ตรังเรียกสอบเอกสารจัดซื้อแล้ว
ชาวบ้านส่งหลักฐาน เป็นภาพถ่ายกล่อง และขวดยา ร้องเพจชมรมตรังต้านโกง ซึ่งเป็นเครือข่ายภาคประชาชนติดตามตรวจสอบการทุจริต และ ส่งเรื่องร้องเรียนมายังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติปประจำจังหวัดตรัง(ป.ป.ช.) ว่าในการเกิดโรคระบาดปากเท้าเปื่อยในพื้นที่ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง มีการนำยาฆ่าเชื้อหรือยาปฏิชีวะนะหมดอายุไปฉีดให้กับโคของชาวบ้าน จึงได้ส่งหลักฐานร้องต่อป.ป.ช. โดยเพจชมรมกลางต้านโกง ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพขวดบรรจุยาที่ระบุวันหมดอายุบนฉลาก 11-2023 (เดือนพ.ย.2023) และหมดอายุ ปี 2020 บนฉลากอย่างชัดเจน พร้อมภาพลังใส่ขวดยาจำนวนนับสิบขวด โดยโลก โซเชียลมีเดียต่างวิพากษ์วิจารณ์กันในวงกว้างว่าเกิดเหตุนำยาหมดอายุไปฉีดให้วัวของเกษตรกรจริงหรือไม่ โดยผู้ใช้ผู้ใช้เฟสบุ๊คหลายราย ตั้งข้อสังเกตถึงกระบวนการการจัดซื้อยา ว่าเป็นไปด้วยความโปร่งใสหรือไม่ และภาพดังกล่าวมีรายงานข่าวแจ้งว่าถ่ายขึ้นในพื้นที่อ.ห้วยยอด ในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2567 ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีโรคปากเท้าเปื่อยระบาดในพื้นที่ โดยเกษตรกรเป็นผู้ถ่ายเอาไว้เนื่องจากมีข้อกังวลว่ายาซึ่งหมดอายุแล้วดังกล่าวจะมีผลรักษาโรคปากเท้าเปื่อยได้จริงหรือเป็นอันตรายต่อวัวของเกษตรกรหรือไม่
ล่าสุด นายทรงกลด สว่างวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมด้วยนายสัตวแพทย์กฤษณ์ วีระวงศ์ ปศุสัตว์จังหวัดตรัง ได้เปิดศาลากลางจ.ตรังแถลงข่าวด่วนกรณีดังกล่าว โดยนายทรงกลด กล่าวว่า สถานการณ์ภาพรวมของโรคขณะนี้โดยเฉพาะในพื้นที่อ.ห้วยยอด ซึ่งพบการระบาดหนัก ขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว โดยการระดมทีมสัตว์แพทย์ ทีมเจ้าหน้าที่สัตวบาลจากทั่วทั้งจังหวัดตรังและจากกรมปศุสัตว์รวมประมาณ 60 คน ได้กระจายกำลังลงพื้นที่ โดยแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ส่วน คือ ทีมรักษาสัตว์ป่วย มอบหมายให้เป็นหน้าที่ของทีมสัตว์แพทย์ และเจ้าหน้าที่สัตวบาลในจ.ตรัง ทำหน้าที่ในการรักษาสัตว์ป่วย เนื่องจากเป็นทีมที่สัมผัสโรคอยู่แล้ว
นายทรงกลดกล่าวอีกว่า ส่วนเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคจากกรมปศุสัตว์ได้ลงพื้นที่ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ รวมทั้งดูแลสุขภาพสัตว์โดยรวมในพื้นที่ที่ยังไม่ติดเชื้อ ทั้งการฉีดวัคซีน เพื่อสร้างและกระตุ้นการภูมิคุ้มกันให้แก่สัตว์ ตรวจสุขภาพ ตรวจหาปรสิตทั้งภายในและภายนอก ฉีดยาบำรุง เพื่อเป็นการส่งเสริมสุขภาพโคและสร้างภูมิคุ้มกันให้โคได้แล้วประมาณ 6,000 ตัว ใน 7 ตำบลของอ.ห้วยยอด อีกทั้ง สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดตรัง ได้ประชาสัมพันธ์แจ้งขอความร่วมมือฟาร์มสุกรในพื้นที่เสี่ยงของอำเภอห้วยยอด ให้เพิ่มมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพ เพื่อป้องกันการเกิดโรคในสุกร และเปิดโอกาสให้กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคพรีเมี่ยมเข้าหารือแก้ไขปัญหาการเคลื่อนย้ายโคออกจากพื้นที่เสี่ยง โดยมีทางออกร่วมกันว่าจะเคลื่อนย้ายโคได้ราวปลายเดือนมกราคม 2568 เป็นต้นไป นอกจากนี้ในประเด็นการเยียวยาความเสียหายของเกษตรกรที่สูญเสียวัวจากโรคระบาด ตอนจะหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงระเบียบที่รองรับ หากมีข้อติดขัดก็พร้อมจะเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และถ้ามีความจำเป็นก็จะนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณา
นายทรงกลด กล่าวว่า ส่วนกรณีชาวบ้านร้องเรียนเพจชมรมตรังต้านโกง และป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง พร้อมหลักฐานเรื่องพบมีการนำยาฆ่าเชื้อหมดอายุไปฉีดให้แก่โค เพื่อรักษาอาการปากเท้าเปื่อยนั้น ยืนยันว่าในส่วนของวัคซีน ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของกระบวนการการตรวจสอบ ส่วนเรื่องที่มีการเปิดเผยข้อมูลเรื่องการใช้งบเช่าบ้านของปศุสัตว์จ.ตรัง ทั้งที่มีบ้านพักราชการอยู่แล้ว รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลเวลาเข้าทำงานที่สำนักงานในแต่ละวัน รวมถึงการให้เจ้าหน้าที่นำเอกสารงานไปเซ็นที่บ้าน ขอให้ว่ากันไปตามหลักการ ไม่อยากให้มีการนำเรื่องส่วนตัวออกมาเล่นงานกัน
“ยืนยันว่าในส่วนของวัคซีนไม่หมดอายุ แต่จำเป็นต้องฉีด 2 ครั้ง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่สัตว์ โดยฉีดเข็มแรกจากนั้นอีก 1 เดือน ต้องฉีดเข็มที่ 2 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน แต่ส่วนเรื่องที่ร้องเรื่องยาหมดอายุ ผมก็จะทำการตรวจสอบ ยอมรับว่าปัญหาที่เกิดในขณะนี้ทั้งเรื่องการรับมือกับโรคระบาด การควบคุมป้องกันพื้นที่ รวมทั้งปัญหาขัดแย้งภายในขององค์กร ซึ่งเป็นธรรมดาของก่อนแม่จะจ้างควายปกครองก็มีความขัดแย้งกันเอง แต่ขอให้คำนึงด้วยว่าผู้ใต้บังคับบัญชา นำข้อมูลไว้เผื่อแรกตรงนั้นในสื่อสาธารณะพ่อจะส่งผลกระทบต่อระบบราชการ แต่ก็ถือเป็นบทเรียน ปศุสัตว์จ.ตรังก็ต้องทำงานในเชิงรุก หากในพื้นที่ติดขัดขาดแคลน ก็ต้องร้องขอจากหน่วยงานปศุสัตว์ในพื้นที่ใกล้เคียง”ผู้ว่าฯตรังกล่าว
ด้านนายสัตวแพทย์กฤษณ์ วีระวงศ์ ปศุสัตว์จังหวัดตรัง กล่าวว่า ยอมรับว่าการทำงานที่ผ่านมาการทำงานของปศุสัตว์จังหวัดยังขาดการสื่อสารต่อสาธารณะ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อการแก้ปัญหา ส่วนที่มองว่ามีสาเหตุมาจากความขัดแย้งภายในองค์กรก็ต้องยอมรับ และเรื่องที่ป.ป.ช. จะเข้ามาขอตรวจสอบข้อมูลการจะซื้อยาเราก็พร้อมให้ความร่วมมือ และเป็นเรื่องที่ดีที่จะทำให้สังคมเกิดความกระจ่างว่ามีการโกงหรือจัดฉากกันหรือไม่ ส่วนกรณี ปรากฏคลิปเสียงในโลกโซเชี่ยลว่าตนแนะนำให้เกษตรกรเคลื่อนย้ายสัตว์แบบผิดกฎหมายนั้น คชิปเสียงดังกล่าวเกิดจากการสื่อสารที่ผิดพลาด และในคลิปดังกล่าวนั้น ตัดมาเพียงช่วงสั่นๆไม่จบ เพราะท้ายที่สุดตนได้แจ้งต่อเกษตรกรว่าขอเวลาควบคุมสถานการณ์การระบาดจะสามารถเคลื่อนย้ายสัตว์ได้ปลายเดือนมกราคมนี้
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ป.ป.ช.ตรัง ได้รับข้อมูลการร้องเรียนเรื่องการจัดซื้อยารักษาส่อหมดอายุมาฉีกรักษาวัว โดยได้ทำหนังสือเรียกข้อมูลการจัดซื้อและเบิกจ่ายยาทั้งหมดในแต่ละปีงบประมาณ รวมทั้งส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่หาข้อมูลแล้ว โดยพบว่าพื้นที่เกิดเหตุที่มีการร้องเรียนคือพื้นที่อ.ห้วยยอด จ.ตรัง