ฉะเชิงเทรา – หนาหูสนามแข่งเลือกตั้งนายกเล็กแถบย่านบางปะกงทุ่ม 5 หลักทุบสถิติทำลายการออกกระสุนหมัดเด็ดที่หนักหน่วงที่สุดในประเทศไทย เผยงัด 10 ล้านแลก 1 K.X เพื่อรักษาตระกูลแชมป์เก่าให้ได้นั่งหัวโต๊ะในสภา ขณะคู่แข่งหว่านพลังงานออกมาโต้บ้างแค่เพียง 2 บั้งแต่กลับได้แต้มไล่ตามหลังเฉียดฉิวแบบหายใจรดต้นคอ ด้วยตัวเลขแทบน่าใจหายในหลักสิบเกือบแซงชนะว่าที่นายกคนมือโต
วันที่ 12 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงผลการแข่งขันกันทางการเมืองในสนามเลือกตั้งที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดแบบแลกกันด้วยศักดิ์ศรี ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ที่สนามขนาดเล็กระดับเทศบาลตำบลในพื้นที่ อ.บางปะกง แห่งหนึ่งว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้สร้างกระแสความฮือฮา ทำเอาชาวบ้านตาโตจนทำให้เกิดการตื่นตัวของผู้คน และยังเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากแบบฉบับกระชับเฉพาะพื้นที่ ให้เกิดการจับจ่ายไหลเวียนกันอย่างสนุกมืออย่างเฉียบพลัน
หลังมีกระแสข่าวอื้ออึงออกมาอย่างหนาหูว่า มีสนามเลือกตั้งนายกเล็กแห่งหนึ่ง ได้มีการยิงกระสุนปืนใหญ่ขนาด 10,000 เหรียญ ลงสู่พื้นที่เพื่อเอาชนะคู่แข่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ และเป็นศึกศักดิ์ศรีในการรักษาเก้าอี้แชมป์ให้ยังคงอยู่ในวงศ์ตระกูลหรือเครือญาติของแชมป์เก่าหลายสมัยต่อไป ซึ่งถือเป็นการทำลายสถิติในวงการใช้กระสุนขนาดใหญ่ที่สุดในสนามเลือกตั้งทุกระดับของประเทศไทย ทั้งที่เป็นการเลือกตั้งในสนามการเมืองขนาดเล็ก ที่มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งแค่เพียงประมาณ 1,600 กว่าคนเท่านั้น
ขณะที่พื้นที่แห่งนี้ยังไม่ใช่เป็นชุมชนหรือเมืองเศรษฐกิจสำคัญแต่อย่างใด แต่กลับมีการทุ่มเทพลังแห่งทรัพยากรกันเป็นจำนวนมากถึงหลัก 10 ล้านเม็ด เพื่อรักษาเก้าอี้นายกเอาไว้ในวงศ์เครือญาติของอดีตผู้บริหารคนเก่าให้ได้ หลังจากที่ได้เคยลาออกไปลงเล่นการเมืองในระดับอื่นที่สูงขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งการแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์กล้าได้หว่านออกไปผ่านทางสมาชิกผู้สมัครในทีมสู่ท้องทุ่งนาและบ่อปลา บ่อกุ้ง โดยที่ไม่ผ่านมือของตัวแทนหรือหัวขบวนในแต่ละหมู่บ้าน
ส่วนผลการเลือกตั้งที่ปรากฏออกมาหลังวันกาคะแนน ปรากฏว่านักการเมืองมือโตได้รับชัยชนะเหนือคู่แข่งไปเพียงแค่ประมาณครึ่งร้อยคะแนน โดยที่อีกฝ่ายนั้นได้งัดพลังงานที่ด้อยกว่าออกมาเพียง 2,000 เมล็ดต่อ 1 X เป็นการโต้กลับ และจากกระแสเมล็ดกล้าที่ถูกหว่านสะพัดลงไปในพื้นที่ดังกล่าว ได้ทำให้ผู้คนในสังคมคนแปดริ้ว ต่างอยากที่จะย้ายสำมะโนครัวเข้าไปพักอาศัย หรือเป็นประชากรอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวแห่งนี้กันเป็นจำนวนมาก เพื่อรอรับการกระตุ้นเศรษฐกิจในลักษณะนี้ในครั้งต่อๆ ไป โดยผลแห่งการหว่านเมล็ดพืชชนิดนี้ ได้ทำให้มีจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากถึงกว่าร้อยละ 90 อีกด้วย
และนอกจากการใช้กลยุทธในการหว่านพืชแล้วต้องหวังผลแล้วนั้น ยังมีอีกหลากหลายวิธีการที่จะบีบเค้นเอาคะแนนจากชาวบ้านด้วย เช่น การหมายหัวเตรียมไล่ที่อยู่อาศัยและทำกินของประชากรที่มีสถานะเป็นเพียงผู้เช่าให้ออกไปจากพื้นที่ หากไม่ยินยอมออกเสียงลงบัตรให้แก่หมายเลขผู้สมัครของตนหรือผู้ที่ต้องการให้กาคะแนน ขณะที่สถานะแท้จริงของคนส่วนใหญ่ในตำบลแห่งนี้ล้วนต่างแทบจะเป็นเพียงผู้เช่าที่ดินเกือบทั้งสิ้น