ปัตตานี- ผู้ว่ามอบเงินเยี่ยวยา 5 แสนครอบครัว อส. เหยื่อโจรใต้ ขณะ ผบ.ทพ.44 ให้กำลังใจชาวบ้าน ด้านเมีย อส.เผยไม่รู้จะดำเนินชีวิตต่อไปยังไง (มีคลิป)

\"\"

\"\"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ได้เดินทางไปเยี่ยมและให้กำลังใจครอบครัวของเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน (อส.) ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธสงครามกราดยิง ขณะกำลังวิ่งออกกำลังกายภายในหมู่บ้านระเวง ตำบลดอนทราย อำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานีจากเหตุการณ์ดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่ อส. เสียชีวิต 2 นาย และได้รับบาดเจ็บอีก 3นายโดยคนร้ายจำนวน 4 คน ขี่รถจักรยานยนต์ 2 คัน ใช้อาวุธสงครามยิงถล่มเจ้าหน้าที่ขณะออกกำลังกาย เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดได้เดินทางไปยังบ้านของ อส..มะรอซาลี โต๊ะเส้ง ที่หมู่ 5 ตำบลไทรทอง อำเภอไม้แก่น และบ้านของ อส..ซูไฮมี อาบู ที่หมู่ 3 ตำบลดอนทรายพร้อมมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ครอบครัวละ 500,000 บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

\"\"

ขณะที่บ้านของ อส..มะรอซาลี โต๊ะเส้ง ผู้เสียชีวิต ผู้สื่อข่าวได้พบกับนางซาลีนา โต๊ะเส้ง อายุ 43 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิต ซึ่งปัจจุบันทำงานเป็นลูกจ้างของโรงพยาบาลไม้แก่น และต้องเลี้ยงดูบุตรทั้งสามคน ลูกชายอายุ 7 ปี, ลูกชาย 5 ปี และลูกสาว 4 ปีเพียงลำพัง หลังสามีผู้เป็นเสาหลักของครอบครัวจากไป เธอกล่าวว่า ครอบครัวยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังไม่รู้จะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร

นางซาลีนา โต๊ะเส้ง อายุ 43 ปี ภรรยาของ อส.มะรอซาลี เปิดเผยสีหน้าซึมว่า สามีเป็นคนเงียบๆ จะไม่พูด มักคอยดูแลสั่งสอนลูกเสมอ เพราะเป็นคนรักลูกมาก ถ้าลูกทุกคนเป็นไข้ไม่สบาย สามีก็จรีบไปซื้อยามารักษาลูก และสามีจะไม่มีการตีลูก แต่จะให้คำแนะนำกับลูกแทน

สามีเป็นเสาหลักสำคัญของครอบครัว เพราะทั้งตน และลูกๆ ก็จะมีแม่ยายที่สามีต้องค่อยหาเลี้ยงชีพด้วย เมื่อสามีจากไปแล้วตนและลูกก็ต้องพยายามใช้ชีวิตให้ได้ ส่วนสภาพจิตใจ ยิ่งนานวันก็ยิงคิดถึงสามีอยู่เสมอ เพราะเราจะไม่เห็นหน้าเขาอีกต่อไปแล้วส่วนสภาพจิตใจลูกตนยังไม่กล้าถาม มีเพียงลูกคนโตที่บอกว่า มามี พ่อเสียแล้วคือจะไม่กลับมาหาแล้วใช่ไม ตนก็บอกกับลูกว่าใช่ เพราะปกติแล้วพ่อจะเป็นคนที่อาบน้ำแต่งตัวให้ลูกไปโรงเรียน เมื่อพ่อไม่อยู่ลูกก็จะมีอาการซึมๆ

\"\"

ส่วนบ้านของ อส..ซูไฮมี อาบู เจ้าหน้าที่ อส.อีกคนที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวโดยพบกับนางมารีซา มะสาและ อายุ 32 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิต ซึ่งต้องดูแลลูกสามคน ลูกชายอายุ 6 ปี, ลูกสาว 4 ปี และลูกสาว 1 ปี 7 เดือน ทั้งนี้ เธอเป็นแม่บ้าน ไม่มีรายได้ และยอมรับว่ารู้สึกกังวลอย่างมาก เพราะไม่มีงานทำ และไม่รู้จะพึ่งใคร จึงวิงวอนขอความช่วยเหลือให้มีโอกาสได้ทำงานเพื่อหาเลี้ยงลูกต่อไป

นางมารีซา มะสาและ ภรรยาของ อส.ซูไฮมี เปิดเผยว่า สามีถือเป็นเสาหลักครอบครัวจะเป้นคนดูแลทุกอย่างภายในบ้าน เมื่อสามีไม่อยู่แล้ว ตอนนี้ตนยังไม่ได้คิดว่าจะดำเนินไปยังไง โดยปกติสามีเป็นคนหาเงิน ส่วนตนทำงานบ้าน แต่เมื่อสามีไม่อยู่ตนก็ต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงลูกต่อ แต่ตอนนี้ตนไม่มีงาน ก็อยากทำงานมากเพื่อหาเงินมาเลี้ยงลูกก็วิงวอนช่วยหางานให้ตนเพื่อดำเนินชีวิตต่อไปกับลูกอีก 3 คน

\"\"

พันเอก ณัฐวุฒิ ศรีสังข์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและเยี่ยมให้กำลังใจชาวบ้าน พร้อมมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากขณะเกิดเหตุมีชาวบ้านจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้สูงอายุ อยู่ในบริเวณนั้น และได้ยินเสียงปืนอย่างชัดเจน ทำให้หลายคนยังคงตกใจและอยู่ในอาการหวาดผวา เพื่อดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่ทางหน่วยงานได้ส่งเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เข้าตรวจร่างกายเบื้องต้น พบว่าบางรายยังมีอาการความดันโลหิตสูงจากความเครียดหลังเกิดเหตุ

\"\"

สำหรับความคืบหน้าทางคดี เจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆแล้ว ทั้งกล้องวงจรปิด ปลอกระสุนปืน พยานแวดล้อม เพื่อหาสิ่งเชื่อมโยงกับกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ เบื้องต้นพอทราบกลุ่มแล้วว่าเป็นฝีมือของใคร แต่หน่วยความมั่งคงยังไม่กล้าให้ข้อมูล เกรงว่าจะมีผลต่อรูปคดี เชื่อว่าคนก่อเหตุเป็นกลุ่มคนร้ายนอกพื้นที่โดยมีคนในพื้นที่ค่อยชี้เป้า ซึ่งตอนนี้ยังสืบหาอยู่ว่าคือใคร และจะเร่งสืบสวนสอบสวนโดยเร็วที่สุดเพื่อหาคนก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป..