ผู้สื่อข่าวปัตตานีรายงานว่า เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา วันที่ 2 พค. เวลาประมาณ03.00 น. กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 โดย พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภาค 9 ได้เปิดปฏิบัติการเชิงรุกพร้อมกันในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่อง
โดยมีเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 ฝ่าย ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ได้นำกำลังกว่าร้อยนาย ของแต่ละจังหวัด เข้าปิดล้อมกระชับพื้นที่ เเละจำกัดเสรีของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงและกลุ่มแนวร่วม ตามที่ได้กำหนดพื้นที่เป้าหมายไว้ กว่า 10 เป้าหมาย นำโดย พล.ต.ต.ชุมพลศักดิ์สุรีย์มงคล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วย พ.อ.สฐิรพงษ์ อาจหาญ ผู้บังคับกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ต.อ.เอกชัย วิเชียร รอง ผบก.สส.จชต. พร้อมด้วย ผบ.นปพ.ร่วมทั้ง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายปิดล้อมตรวจค้นในเชิงรุก ตามอำนาจ พรก.ฉุกเฉิน เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายใน 3 จังหวัดทั้ง ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ซึ่งในการปฏิบัติการณ์ครั้งนี้ ได้เชิญผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา และเครือญาติของบุคคลต้องสงสัย เข้ามีส่วนร่วมในกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทุกขั้นตอน ซึ่งจากการตรวจค้นดังกล่าวพบบุคคลต้องสงสัย จำนวน 7 ราย และสิ่งของต้องสงสัย ที่คาดว่าอาจเชื่อมโยงกับการก่อเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามผลการขยายผลทั้งวัตถุพยานและผลการซักถามของบุคคลต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวมาก่อนหน้านี้ จึงได้เชิญตัวทั้ง 7 รายมาดำเนินการเข้าสู่กระบวนการซักถามขยายผล ณ ศูนย์ซักถามของแต่ละหน่วยในพื้นที่ 3 จังหวัด โดยในพื้นที่ จ.ปัตตานี สามารถควบคุมตัวได้ 2 คน ทราบชื่อ 1.นายอัยมัลฮากิม (ขอสงวนนามสกุล) ควบคุมตัวได้ในพื้นที่ อ.หนองจิก 2.นายสาปิอิง (ขอสงวนนามสกุล) ควบคุมตัวได้ที่ อ.เมือง
ขณะที่ จ.ยะลา สามารถควบคุมตัว 2 คน ทราบชื่อ 1.นายฟัรฮาน (ขอสงวนนามสกุล) ควบคุมตัวได้ในพื้นที่ อ.เมือง 2. นายฮานาฟี (ขอสงวนนามสกุล) ควบคุมตัวได้ที่ อ.บันนังสตา
ส่วนที่ จ.นราธิวาส ควบคุมตัวได้ 3 คน ประกอบด้วย 1.นายโมฮำหมัดยูฮัน (ขอขอออสงวนนามสกุล) 2.นายอาลียัส (ขอสงวนนามสกุล) 3.นายอานาฟี (ขอสงวนนามสกุล) ทั้งสามคนควบคุมตัวได้ในพื้นที่ อ.เมือง
โดยผลการปฏิบัติเข้าตรวจค้นทั้ง 3 จังหวัดไม่พบสิ่งผิดกฏหมายแต่อย่างใด และได้ตรวจยึดสิ่งของเครื่องแต่งกาย รถจักรยานยนตร์ และโทรศัพท์มือถือ ไว้ตรวจสอบว่าจะมีการเชื่อมโยงเหตุความไม่สงบหรือคดีอื่น ๆหรือไม่
ซึ่งในการปฏิบัติเชิงรุกครั้งนี้ สืบเนื่องจากการขยายผลจากผู้ต้องสงสัยที่ได้ถูกคุมตัวก่อนหน้านี้และข้อมูลจากสายข่าวซึ่งได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่รัฐ จนทำให้สามารถนำไปขยายผลสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเพิ่มเติมได้อีก 7 รายในครั้งนี้ ซึ่งการปฏิบัติในการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยทั้งหมด เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนขอยืนยันว่าจะให้ความมั่นใจแก่ญาติ และประชาชนว่า จะดำเนินการทุกขั้นตอนภายใต้หลักสิทธิมนุษยชนสากล ด้วยความยุติธรรม โปร่งใส อย่างเคร่งครัด และสามารถตรวจสอบได้
ขณะที่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน หากพบบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายตรง แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. 1341 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งขอเรียนให้ทราบว่า ผู้ให้การสนับสนุนผู้กระทำผิดด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่นการนำพาซ่อนเร้น การให้การสนับสนุนที่พักพิง หรือการสนับสนุนเสบียงอาหาร จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และขอให้พี่น้องประชาชนกรุณาตรวจสอบ และโปรดใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองข้อมูลข่าวสาร อย่าหลงเชื่อ ไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลต่อ ในข้อมูลที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบ หรือยืนยันจากหน่วยงานที่เป็นทางการ ในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งอาจตกเป็นเครื่องมือของผู้ที่หวังสร้างความแตกแยกในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้