
สำนักข่าว UtusanTV มาเลเซีย ได้เขียนบทความ กรณี นายกรัฐมนตรี ดาโต๊ะ สรี อันวาร์ อิบราฮิม และนายกรัฐมนตรีไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้แสดงความมุ่งมั่นในการปกป้องชะตากรรมของชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งล่าสุดผู้นำทั้งสองได้มีการพบกันที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 17 เมษายน2568
การพบกันที่กรุงเทพฯ ในการเยือนประเทศไทยเพื่อการเจรจาคณะทำงาน (Working Visit) เป็นเวลา 2 วันของนายกอันวาร์ฯ หนึ่งในประเด็นที่ผู้นําทั้งสองได้ให้ความสนใจได้แก่ การก่อสร้างสะพานช้ามแม่น้ำสุไหงโกลก – Rantau Panjang ตามที่ตกลงกันไว้ซึ่งคาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จในปี 2570
สิ่งที่น่าสนใจคือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ขอความร่วมมือจากมาเลเซียในการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงการสร้างอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลและเมืองยางพารา สอดคล้องกับความฝันและเป้าหมายที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยจากสนามรบไปสู่สนามธุรกิจ
การขอความร่วมมือของนายกรัฐมนตรีไทยแสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการยุติความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างสมบูรณ์ และในขณะเดียวกันก็จะช่วยสร้างสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจให้กับประชาชนในพื้นที่
นายกรัฐมนตรีไทย นางสาวแพทองธารขอให้มาเลเซียนำข้อมติเกี่ยวกับจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาหารือกับไทยก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุม OIC
ขณะที่แนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติ (BRN) ยังคงก่อการร้ายรวมถึงการโจมตีด้วยระเบิดครั้งล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาหลังแฟลตตำรวจโคกเคียน อำเภอ เมือง จังหวัดนราธิวาส ซึ่งทำให้มีผู้บาดเจ็บ ๑๐ คน รวมถึงนักเรียนท่องจำคัมภีร์กุรอานและการลอบยิงรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรสะบ้าย้อยฯ ขณะขับมารับพระ และสามเณร จำนวน 6 รูป เพื่อนิมนต์ไปบิณฑบาตในเขตเทศบาลสะบ้าย้อยฯ เป็นเหตุให้สามเณรเสียชีวิต จำนวน 1 รูป และบาดเจ็บ จำนวน 1 รูป
การกระทำดังกล่าว เป็นการแสดงถึงความไม่จริงใจในการพูดคุยสันติภาพ ซึ่ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แสดงความจริงใจไม่เพียงแต่ยุติ “ความบ้าคลั่ง” ของกลุ่ม BRN แต่ยังปกป้องชะตากรรมของชาวไทยมุสลิมโดยรวมด้วย
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการยิงชาวไทยพุทธ ไม่ใช่ความประสงค์ของพี่น้องมุสลิมส่วนใหญ่ในพื้นที่ แต่เป็นการกระทำอันโหดร้ายและไร้มนุษยธรรมของ BRN โดยเฉพาะการสังหารเด็กที่ไม่มีทางสู้ การสังหารพลเมืองบริสุทธิ์จะบั่นทอนสถานะของBRN จะดับฝันการยกระดับในเวทีระหว่างประเทศ และไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่อย่างแน่นอน
เพื่ออนาคตของชาวไทยมุสลิม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พร้อมจะดำเนินการพูดคุยสันติภาพต่อไป

แต่คําถามคือ BRN จะชื่นชมความมุ่งมั่น ความจริงจัง และความจริงใจของนายกรัฐมนตรีไทยหรือไม่ หากพวกเขาต่อสู้เพื่ออนาคตของชาวไทยมุสลิม จริง ๆ แล้ว พวกเขาย่อมจะยินดีกับความปรารถนาของรัฐบาลไทยอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หากกลุ่ม BRN ยังคงดำเนินการก่อการร้ายและสังหารผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยต่อไป พวกเขาต้องเข้าใจว่า มันจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ กับกลุ่ม BRN
ด้วยทัศนคติที่เปิดกว้างที่แสดงโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร มันจะดึงดูดความสนใจของชาวไทยมุสลิมให้สนับสนุนเขาอย่างไม่ต้องสงสัย สิ่งที่นายกรัฐมนตรีไทยต้องการทำจะเป็นประโยชน์ต่อชีวิตของพวกเขาอย่างมาก
หากรัฐบาลไทยเป็นนักล่าอาณานิคม พวกเขาจะไม่ทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน และจะไม่ให้มาเลเซียมีส่วนร่วมในกระบวนการนี้เลย เช่น การเป็นผู้อํานวยความสะดวกตามข้อกล่าวหาของผู้นํา BRN ในมาเลเซีย
ในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยที่มีประชากรกว่า 71.7 ล้านคน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นผู้นำประเทศที่ที่มีความรับผิดชอบในการปกป้องประชาชนทุกคนไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนและไม่คำนึงถึงเชื้อชาติหรือศาสนา
ด้วยเหตุผลดังกล่าว แม้จะเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ และเข้าใจถึงความตั้งใจของนายกรัฐมนตรีหลายคนก่อนหน้านี้รวมถึง นายทักษิณ ชินวัตร บิดาของเขาที่ยังไม่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย แต่ก็ไม่มีคําว่าสิ้นหวังในพจนานุกรมของรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร
ดังนั้นในการพบกันระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร กับ ดาโต๊ะ สรี อันวาร์ ตามที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีไทยกล่าว ผู้นําทั้งสองเห็นพ้องที่จะยุติความรุนแรงและส่งเสริมการหารือเพื่อยุติความขัดแย้ง
ในการพบกันดังกล่าว อันวาร์รับปากและให้คํามั่นว่าจะไม่อนุญาตให้ผู้ก่อการร้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยใช้มาเลเซียเป็นที่หลบซ่อนและพร้อมที่จะให้ความร่วมมือตามกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย
ผู้เขียนยังคงสงสัยว่าด้วยความมุ่งมั่นทั้งหมดที่แสดงออกโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และ ดาโต๊ะ สรี อันวาร์ นั้นจะสามารถ “ทำให้ผู้นํา BRN อ่อนใจลง” ให้กลับไปที่โต๊ะเจรจาได้หรือไม่ และยอมยุติความรุนแรงทั้งหมดตลอดกระบวนการพูดคุยสันติภาพอย่างตรงไปตรงมา

BRN ไม่ควรโอ้อวดต่อไปว่าพวกเขามีความได้เปรียบทางยุทธวิธีในแง่ของปฏิบัติการทางทหาร เพื่อบรรลุความฝันที่บิดเบือนในการปลดปล่อยจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย
สิ่งที่พวกเขาควรทำ คือเลือกผู้นําที่เหมาะสมเพื่อเข้าร่วมการพูดคุยสันติภาพ ไม่ใช่ผู้นําที่ไม่มีอำนาจใด ๆ และแย่กว่านั้นมานานหลายทศวรรษที่ผู้นำเหล่านั้นไม่ได้กลับบ้านเกิดของตัวเอง แต่ใช้ชีวิตอย่างหรูหราในต่างประเทศ แต่ส่งเสียงกึกก้องว่าต้องการปกป้องชะตากรรมของชาวไทยมุสลิม
ถ้าคุณต้องการปกป้องชาวไทยมุสลิม ถ้าคุณต่อสู้เพื่อสันติภาพของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยจริงๆ จงหยุดการก่อการร้าย ตอบรับความพยายามของรัฐบาลไทยในการทำให้พื้นที่ดังกล่าวเจริญรุ่งเรืองเพื่ออนาคตของประชาชน
หากพวกเขายังดื้อรั้น ยังต้องการก่อการร้าย ก็ถึงเวลาแล้วที่ BRN จะถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิง เพราะกลุ่มนี้ไม่ใช่นักรบ แต่พวกเขาเป็นผู้ทำลายอนาคตของชาวไทยมุสลิม
เนื่องจากสิ่งที่โดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตรพยายามดำเนินการนั้น ล้วนแต่เพื่อประโยชน์ของจังหวัดดังกล่าว โดยไม่มีวาระซ่อนเร้นใด ๆ BRN ไม่ใช่รัฐบาลของประเทศไทย ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทําไมพวกเขาจึงดำเนินการต่าง ๆ แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่ามันจะขัดขวางกระบวนการพูดคุยสันติภาพ
ดังนั้นประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จึงต้องให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการนําความเจริญรุ่งเรืองมาสู่อนาคตของพวกเขา และต้องลุกขึ้นต่อต้าน BRN ที่ยุยงปลุกปั่นการก่อการร้าย ด้วยความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยและความร่วมมือของมาเลเซีย จึงมั่นใจได้ว่าพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยจะมีความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรืองแทนที่จะกลายเป็นสนามสำหรับผู้นํา BRN ในการบรรลุความต้องการส่วนตัวและการต่อสู้ที่ผิดศีลธรรมของพวกเขา …