ทั่วทุกพื้นที่ของจังหวัดอุทัยธานีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรชาวนาต่างเร่งลงมือเพาะปลูกทำนากันอย่างคึกคัก ทั้งที่ไม่รู้ชะตากรรมว่าราคาข้าวจะขายได้เท่าไรกับการที่ต้องลงทุนจนถึงเก็บเกี่ยวสูงถึงไร่ละ 5 – 6 พันบาท หากขายได้ราคาในฤดูกาลที่ผ่านแค่ตันละ 5 – 6 พัน ต้องขาดทุนกันอย่างย่อยยับ ตัดพ้อถึงรัฐบาลไม่เหลียวดูแลต้นทุนการผลิตและราคา แต่นายกฯลงพื้นที่ด้วยตัวเองไปแก้ไขปัญหาต้นทุนการผลิตให้กับชาวสวนทุเรียน
เวันที่ 18 พฤษภาคม 2568 ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องทั่วทุกพื้นที่ของจังหวัดอุทัยธานี มาตั้งแต่เริ่มการฤดูการทำนาปี เกษตรกรชาวนาต่างออกมาเร่งไถนาเตรียมพื้นที่เพาะปลูกข้าวกันอย่างคึกคัก ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่พื้นที่ตำบลหนองกลางดง อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี พบว่าเกษตรกรชาวนาออกจากบ้านบรรทุกพันธุ์ข้าวออกจากบ้านเพื่อไปทำการหว่านเมล็ดพันธ์ข้าวลงในแปลงนาที่ได้ทำการไถนาเตรียมแปลงเอาไว้แล้วกันอย่างคึกคัก โดยเกษตรกรชาวนาส่วนใหญ่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าต้นทุนการทำนาสูงมากลงทุนการนานา จนถึงเก็บเกี่ยวมีต้นทุนสูงถึงไร่ละ 5 – 6 พันบาท หากเป็นนาเช่าต้นสูงกว่านั้น และยังไม่รู้ว่าเมื่อถึงฤดูการเก็บเกี่ยวราคาข้าวจะราคาตันลละเท่าไร หากราคาข้าวเป็นไปอย่างฤดูการทำนาที่ผ่านราคาร่วงลงมาเพลือแค่ตันละ 5 – 6 บาท ต้องขาดทุนกันอย่างย่อยยับ ต้องไปกูหนี้ยืมสินมาทำนาในครั้งนี้อีกด้วย
นายพเยาว์ โรจน์พันธ์ เกษตรกรชาวนารายหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลหนองกลางดง อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานีกล่าวถึงการทำนามีความลำบาก และต้องใช้ต้นทุนที่สูงมาก และเฏาตรชาวนาต้องรอดูชะตากรรมอย่างเดียว วอนขอให้รัฐบาลหันมาช่วยเกษตรกรชาวนาอย่างจริงจัง ทั้งต้นทุนการผลิต และราคาข้าวที่ตกต่ำอย่างหนัก แต่รัฐบาลกับไม่เหลียวแลและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง แต่กลับไปแก้ปัญหาให้กับชาวสวนทุเรียนก่อน โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ด้วยตัวเอง เพื่อไปแก้ไข้ปัญหาต้นทุนการผลิต และส่งเสริมและสนับสนุนชาวสวนทุเรียนมากกว่า เกษตรกรชาวนา ทั้งที่เกษตรกรชาวนา เป็นเกษตรกรที่มีจำนวนมากที่สุดในประเทศ จึงของวอนให้รัฐบาล และนายกรัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาให้อยู่รอด หากไม่อย่างนั้นเกษตรกรต้องเป็นหนี้อย่างไม่จบสิ้นอย่างแน่นอน