หมูขึ้นราคารับตรุษจีนกิโลละ 10 บาท แถมไก่ไทยขึ้นมากิโลกรัมละ 20 บาท เนื่องจากอากาศหนาวไก่นั้นตายกันเป็นระนาวแต่ความต้องการบริโภคนั้นมีเยอะ
เวลา 07.00 น.วันที่ 23 มกราคม 2568 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจตลาดเทศบาล 2 อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานีหลังพบว่าราคาเนื้อหมูนั้นเริ่มขยับขึ้นแล้ว โดยนางสาวอุบลรัตน์ กาญจอุทัย แม่ค้าเจ้าของเขียงหมูเปิดเผยว่าตอนนี้รคาคาหมูเป็นหน้าฟาร์มขยับขึ้นก่อนตรุษจีนแล้วทางเราก็จำเป็นจะต้องขึ้นหรือขยับราคาตามกันไปหากไม่ขึ้นก็ต้องแบต้นทุนหรือไม่ได้กำไรเลยตอนนี้ราคาหมูเนื้อแดง จากเดิมกิโลกรัมละ 150 บาท ตอนนี้ขึ้นมา 160 บาท ส่วนเนื้อหมูสันในจากเดิมราคา 170 บาท ขึ้นมาเป็น180 บาท สันนอกจากเดิมกิโลกรัมละ 150 ขึ้นมาเป็นกิโลกรัมบะ 160 บาทหมู 3 ชั้น จากเดิมกิโลกรัมละ 190 ตอนนี้ กิโลกรัมละ 200 บาท ส่วนซี่โครงจากราคาเดิมกิโลกรัมละ 190 บาท ก็ขึ้นมาเป็ฯกิโลกรัมละ 200 บาท ซึ่งบรรดาแผงหมูที่อยู่ใลตลาดบอกว่าลูกค้าที่มาซื้อก็บ่นกันระนาวว่าขึ้นครั้งละ 10 บาทกันเลยทีเดียวแต่ก็อธิบายเหตุผลของการขึ้นไปว่าทางเขียงนั้นไม่ได้ขึ้นเองเนื่องจากราคาหมู่ป็นก่อนเชือดหน้าฟาร์มขึ้นมาแบบนั้นก็ต้องขยับตามหากไม่ขึ้นก็ต้องแบบต้นทุนไว้หรือขายขาดทุนแน่นอน และแน่นอนเป็นไปตามที่คาดไว้พอหลังจากที่กมูขึ้นราคาตลาดนั้นก็แทบจะไม่มีคนเดินเลยเพราะหนีไปซื้อหมูของร้านขายติดแอร์หรือร้านที่ทันสมัยกว่า (เช่นของซีพี) ซึ่งราคาก็ถูกเพราะเลี้ยงเองส่งมาขายเองคนจึงหนีไปกันหมดตลาดนั้นแทบจะเงียบเหงา และในช่วงตรุษจีนนั้นคาดว่าราคาน่าจะแพงขึ้นไปอีกกิโลกรัมละ 40-50 บาท อย่างแน่นอน
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้ไปยังแผงขายไก่ไทยพบว่าตอนนี้ขึ้นราคาเช่นกัน จากกิโลกรัมละ 180 บาท มาในตอนนี้ขึ้นมาเป็นกิโลกรัมละ 200 บาท ทั้งนี้แม่ค่าบอกว่าสาเหตุที่ไก่ไทยราคาสูงขึ้นเนื่องจากอาหาศที่หนาวเย็นไก่พันธ์ไทยที่เลี้ยงไว้เพื่อขายนั้นตายกันเยอะมากในตอนนี้แต่ความต้องการบริโภคนั้นยังคงเท่าเดิมเพราไก่ไทยนั้นเหมาะสำหรับนำไปทำต้มตำและแกงแบบไทยๆ ซึ่งรสชาติของไก่ไทยนั้นจะเหนียวอร่อย และไก่นั้นน้อยลงความต้องการเยอะกว่าราคาจึงขึ้นนั่นเอง ซึ่งบรรดาผู้ที่มาซื้อของนั้นก็บางตาลงในช่วงเช้าและคาดว่าตลอดทั้งวันอีกด้วยต้องรอให้ถึงวันตรุษจีนจะคึกคักอีกครั้งเพราะต้องมาซื้อหมู ไก่ไปไหว้ตามประเพณีกันนั่นเองถึงแม้จะแพงก็จำเป็นจะต้องซื้อเพื่อสิบต่อการไหว้บรรพบุรุษกันนั่นเอง