สิ่งแวดล้อม

ค่าPM2.5 ในอากาศเมืองแพร่หนาแน่นส่งผลต่อสุขภาพ มีผู้ป่วยทางเดินหายใจเพิ่ม หมดปัญญาพ่อเมืองออกปากขอร้องหยุดเผาเถอะผู้คนเดือดร้อนไปทั่วแล้ว ค่าฝุ่นpm2.5 ในอากาศเมืองแพร่มีปริมาณหนาแน่นอยู่ในระดับอันตรายต่อสุขภาพติดต่อกันกว่าสัปดาห์แล้ว และยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงง่ายๆ เนื่องจากมีการจุดไฟเผาป่าอยู่เป็นประจำทั้ง 8 อำเภอในภาพเหตุไฟไหม้ป่าในตำบลนาพูน อำเภอวังชิ้น และที่ตำบลห้วยโรงอำเภอร้องกวาง หน่วยดับไฟป่าที่มาจากหน่วยงานท้องถิ่น และหน่วยงานป้องกันไฟป่าโดยตรงไม่สามารถดำเนินการได้เป็นส่วนใหญ่เนื่องจากภูมิประเทศเป็นป่าเขา ล่าสุดพบว่ามีผู้ป่วยจากพิษหมอกควันถูกส่งเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกล่มผู้ป่วยทางเดินหายใจอันเนื่องมาจากภูมิแพ้ และ โรคหอบหืด นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ยอมรับว่าหมอกควันจากการเผาป่ามีมากจนสร้างความเดือดร้อนไปทั่วไม่เพียงแต่จังหวัดแพร่แต่หมอกควันส่งผลกระทบกับคนในระดับภาคลามไปถึงระดับประเทศแล้ว จึงขอวิงวอนไปยังคนที่ต้องการจะเผาด้วยเหตุผลใดก็ตามกรุณาหยุดเผา เพื่อลดปัญหาให้กับคนส่วนใหญ่ บางคนเผาเพื่อหาของป่ามาขายสร้างรายได้เรื่องอาชีพสร้างรายได้เข้ามาคุยกันดีกว่าจังหวัดมีความพร้อมในการส่งเสริมอาชีพ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่ที่มีการเผา ส่วนใหญ่ร้อยละ 90 เป็นป่าไม้ในเขตป่าสงวนฯและป่าอนุรักษ์และยาก่อการเข้าดับไฟซึ่งมาตรการที่ทางจังหวัดประกาศควบคุมไม่รับความร่วมมือ /

วันที่ 27 มีนาคม 2568 สถานการณ์ฝุ่นควันในจังหวัดนครพนมยังคงสูงเข้าขั้นวิกฤตอย่างต่อเนื่อง ค่าดัชนีคุณภาพอากาศ PM2.5 (เกินค่ามาตรฐาน 37.5) ส่งผลให้ท้องฟ้าทั่วเมืองถูกปกคลุมด้วยหมอกควันหนาทึบ นักท่องเที่ยวและชาวบ้านต้องเผชิญกับอากาศที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพที่เกินค่ามาตรฐาน ล่าสุด หน่วยงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม โรงพยาบาลนครพนมและ กองสาธารณสุขเทศบาลเมืองนครพนม ได้ร่วมกันจัดหน่วยเคลื่อนที่ออกรณรงค์แนะนำวิธีการป้องกันตัวเองจากฝุ่นหมอกควันให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว พร้อมกับแจกหน้ากากอนามัย แต่ก็คงเพียงแก้ปัญหาได้เพียงปลายเหตุเท่านั้น สำหรับสภาพอากาศตั้งแต่ในช่วงเช้า วันที่ 27 มี.ค. 2568ที่ผ่านมา คุณภาพอากาศ PM2.5 วัดค่าได้ 99.4 มคก./ลบ.ซึ่งคาดว่าจะยังคงเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างเนื่องตลอดในช่วงเวลากลางวัน นางดวงทิพย์ ไชยญาติ อายุ 78ปี ผู้ประกอบการร้านจำหน่ายเครื่องเงินและผ้าไหม บริเวณใกล้ด่านถาวรท่าเทียบเรือนครพนม-เมืองท่าแขก กล่าวว่า ตนรู้สึกถึงความรุนแรงของกลิ่นควันฟุ้งกระจายค่อนข้างรุนแรง แม้ว่านอนก็รู้สึกแสบคอและจมูกมาก อย่างให้ทางการช่วยหาทางพูดคุยกับประเทศต้นทางของฝุ่นควันด้วย สอดคล้องกับ นายธานินทร์ ศักดาพิทักษ์ อายุ 74ปี อาชีพค้าขาย บริเวณด่านถาวรท่าเทียบเรือนครพนม-เมืองท่าแขก ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวด้วยเช่นกันว่า ในปีนี้รู้สึกได้ถึงความรุนแรงของปัญหาฝุ่นควันมากและเหมือนจะรุนแรงกว่าในปีที่ผ่านมา เมื่อวานตนได้มีโอกาสพาเพื่อนๆของลูกไปเที่ยวยังเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน พบว่าปัญหาฝุ่นควันไม่ได้มีเพียงไทยที่รับผลกระทบ ชาวลาวที่อยู่ทางเมืองท่าแขกก็ได้ผลกระทบจากปัญหานี้ด้วยเช่นกัน อยากให้ทางการไทย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมไปคุยกับเจ้าเมืองแขวงคำม่วนให้เร็วที่สุด เพื่อหาทางออกร่วมกันโดยเร็ว อย่างน้อยก็เป็นกระบอกเสียงสะท้อนปัญหาแทนพี่น้องชาวสปป.ลาวอีกทางหนึ่ง

แล้งส่งผลกระทบฝูงควายเกษตรกรต้องต้อนฝูงควายออกจากคอกไกลกว่าเดิมเพื่อหาหญ้าหรือตอซังข้าวกินในท้องทุ่งนา เสี่ยงเป็นโรคขาดสารอาหารเพราะควายเริ่มซูบผอมลง เวลา 09.30 น.วันที่ 27 มีนาคม 2568 ที่บ้านทุ่งกฐิน ตำบลทุ่งนาไทย อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี สถานการณ์แล้งนั้นมาเร็วจนเกษตรผู้เลี้ยงควายนั้นแทบตั้งตัวไม่ทัน ท้องทุ่งนามองไปทางไหนก็มีแต่ความแห้งแล้งผืนดินแตกระแหง ต้นไม้และหญ้าที่ขึ้นอยู่ในนาข้าวนั้นตายกันหมดโดนแดดเผา โดยในตอนนี้ชาวนาในหมู่บ้านดังกล่าวต้องหยุดทำนาหรือการเกษตรเนื่องจากน้ำนั้นไม่เพียงพอที่จะทำ โดยเกษตรกรส่วนใหญ่ของบ้านทุ่งกฐินแห่งนี้นอกจากจะทำนาแล้วยังเลี้ยงควายอีกกันเยอะมาก ซึ่งในตอนนี้ต้องต้อนฝูงควายออกจากคอกแล้วเดินไปหาพื้นที่นาข้าวที่ยังเขียวขจีหรือมีตอซังข้าวหรือหญ้าที่ขึ้นอยู่ในนาข้าว แต่ด้วยควายนั้นต้องกินอาหารทุกวันในตอนนี้พื้นที่นาข้าวก็แทบจะไม่เหลือซังตอข้าวหรือหญ้าแล้วซึ่งเหลือน้อยมากแล้ว และหากไม่มีอาหารก็จำต้องต้อนฝูงควายไปไกลกว่าเดิมเรื่อยๆเพราะเกรงว่าควายนั้นจะซูบผอมลงกว่าเดิมนั่นเอง ขณะเดียวกันที่บ้านโคกโค ตำบลทุ่งนาไทย อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี ก็เช่นกันฝูงควายกว่า 50 ตัวมีทั้งลูกควายที่เกิดใหม่หลายตัว ก็จำต้องต้อนฝูงควายเพื่อหาแหล่งอาหารที่อยู่ตามท้องทุ่งนาเช่นกันโดยแหล่งอาหารนั้นก็เหลือน้อยเต็มทีเพราะผู้ที่เลี้ยงควายนั้นต่างก็ต้องนำฝูงควายมากินหญ้าซึ่งก็เหมือนเป็นการแย่งแหล่งอาหารตามธรรมชาติกันอีกด้วย โดยผู้ที่เลี้ยงควายมาเจอกับสภาพแล้งแบบนี้สิ่งที่หลักเลี่ยงไม่ได้นั้นต้องเจอกับโรคควายขาดสารอาหารและจะผอมลงเรื่อยๆ ซึ่งเจ้าของควายก็ภาวนาขอให้ฝนตกลงมาบ้างเพื่อให้หญ้าตามท้องทุ่งขึ้นหรือแตกมาใหม่ แค่เดือนมีนาคมยังแล้งขนาดนี้ซึ่งในช่วงเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคม จะโดนผลกระทบมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน ผู้เลี้ยงควายหวั่นว่าหากฝนไม่ตกก็จำเป็นจะต้องหาฝางข้าวมากักตุนไว้อย่างน้อยก็ป้องกันควายอดอยากถึงแม้ว่าฝางข้าวนั้นจะเป็นอาหารของควายที่หาได้ง่ายแต่ก็ไม่เหมือนหญ้าซึ่งมีวิตามินหรือสารอาหารครบและมากกว่าฝางจะทำให้ควายนั้นอ้วนขึ้นหากขายก็ได้ราคาอีกด้วย

ร้อยเอ็ด…ผู้ว่าฯร้อยเอ็ด ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการน้ำประปาดื่มได้ของเทศบาลตำบลอาจสามารถ ย้ำชัด!! น้ำสะอาด ปลอดภัย ดื่มได้ 100% วันนี้( 26 มีนาคม 2568 ) เวลา 16.00 น. นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการน้ำประปาดื่มได้เพื่อประชาชน ของเทศบาลตำบลอาจสามารถ อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศ สะท้อนถึงมาตรฐานการผลิตน้ำสะอาดที่ได้คุณภาพระดับสูง โดยมีนายอินศร อุ่นใจ ท้องถิ่นจังหวัดร้อยเอ็ด, นายเทพพร จำปานวน นายกเทศมนตรีตำบลอาจสามารถ พร้อมคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่เทศบาล ร่วมให้การต้อนรับและนำเสนอแนวทางการดำเนินงานของโครงการ โดย นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ กล่าวว่า โครงการน้ำประปาดื่มได้ของเทศบาลตำบลอาจสามารถ ถือเป็นต้นแบบที่ดีเยี่ยมในการพัฒนาแหล่งน้ำประปาสำหรับประชาชน มีการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการน้ำประปาแบบครบวงจร ตั้งแต่โรงผลิตน้ำประปาไปจนถึงบ้านเรือนของผู้ใช้น้ำ ผ่านระบบคอมพิวเตอร์และแอปพลิเคชันที่สามารถตรวจสอบและควบคุมข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ และมีมาตรวัดน้ำอัจฉริยะ ทำให้มั่นใจได้ว่าน้ำที่ผลิตออกมาสามารถดื่มได้อย่างปลอดภัย 100% พร้อมทั้งยังเป็นต้นแบบให้หน่วยงานอื่นนำไปประยุกต์ใช้ อีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการนี้ คือ ระบบเก็บรายได้จากค่าน้ำประปาแบบอัตโนมัติ ประชาชนสามารถชำระค่าน้ำประปาผ่าน QR Code ได้ทันที สอดรับกับนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของท้องถิ่น และช่วยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการจ่ายค่าน้ำได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศสามารถเข้าถึงน้ำสะอาดที่ปลอดภัยและมีมาตรฐานสูงสุดได้อย่างยั่งยืน

“องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) 181 แห่ง จังหวัดอุดรธานี พร้อมใจกัน สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี และเติมสีสันแห่งความร่มรื่นให้กับบ้านเมือง สร้างอัตตลักษณ์ของเมืองที่โดดเด่น เป็นภาพสะท้อนพลังความร่วมมือ”ในวันท้องถิ่นไทย 18 มีนาคมที่ผ่านมา “ร่วมใจปลูกต้นเหลืองปรีดียาธร สร้างเมืองสีเขียว”ท้องถิ่นทำได้ ทำจริง พร้อมลงมือทำ แนวคิดสำคัญการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดอุดรธานี “ราชันย์ ชุ้นหิ้ว” ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เพื่อสนับสนุนท้องถิ่นในพื้นที่ร่วมมือกันบริหารจัดการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภายใต้กิจกรรม “ปลูกต้นเหลืองปรีดียาธรจำนวน 543 ต้น ณ พื้นที่ชุ่มน้ำหนองแค”เพิ่มพื้นที่สีเขียว ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ จัดให้มีพื้นที่สาธารณะสำหรับกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชน ชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ใช้สิทธิและมีส่วนร่วมในการดำเนินการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพ ให้เกิดประโยชน์ อย่างสมดุลและยั่งยืน โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนและชุมชนในท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมดำเนินการ การจัดกิจกรรมในวันท้องถิ่นไทย นาย “ราชันย์ ชุ้นหิ้ว” ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นำทีมเครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) 181 แห่ง พร้อมด้วยภาคประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันปลูกต้นเหลืองปรีดียาธรจำนวน 543 ต้น ณ พื้นที่ชุ่มน้ำหนองแด ซึ่งเป็นจุดสำคัญของ มหกรรมพืชสวนโลก อุดรธานี

นครพนม – 26 มีนาคม 2568 สถานการณ์หมอกควันในจังหวัดนครพนมเข้าขั้นวิกฤต! ค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) พุ่งสูงถึง 280 ในช่วงเช้าวันนี้ (07.00 น.) ส่งผลให้ท้องฟ้าทั่วเมืองถูกปกคลุมด้วยหมอกควันหนาทึบ ประชาชนต้องเผชิญกับอากาศที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างหนัก ค่าฝุ่นละออง PM2.5 วัดได้ 154.8 มคก./ลบ.ม. เกินค่ามาตรฐานอย่างมาก กรมควบคุมมลพิษรายงานว่า มลพิษทางอากาศเกิดจากก๊าซอันตราย 6 ชนิด โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ที่มีขนาดเล็กกว่าเส้นผมถึง 30 เท่า สามารถแทรกซึมเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและกระแสเลือดได้ง่าย ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงน่าเป็นห่วง คาดการณ์ว่าในช่วง 7 วันข้างหน้า คุณภาพอากาศยังคงอยู่ในระดับ \”เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ\” โดยในจังหวัดนครพนมเอง พบว่าตั้งแต่ต้นปี 2568 มีวันที่ค่า PM2.5 เกินมาตรฐานแล้วถึง 42 วัน สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครพนม ร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ ได้ออกคำแนะนำด้านสุขภาพแก่ประชาชน โดยขอความร่วมมือให้งดกิจกรรมกลางแจ้ง หากจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ควรสวมหน้ากากป้องกันฝุ่น PM2.5

ร้อยเอ็ด…จังหวัดร้อยเอ็ดจัดงานรณรงค์หยุดเผาอ้อย หวังลดมลพิษ เพิ่มมูลค่าทางการเกษตร วันที่ 25 มีนาคม 2568 เวลา 10.00 น. นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานงานรณรงค์หยุดเผาในพื้นที่ปลูกอ้อยโรงงานด้วยการจัดการเศษวัสดุเพื่อเพิ่มมูลค่า ภายใต้แนวคิด \”หยุดเผา เปลี่ยนเถ้าถ่าน ให้เป็นรายได้\” โดยมี นายมงคล ยี่รัมย์ เกษตรจังหวัดร้อยเอ็ด, พันจ่าโท คนึง พูลพิพิธ นายอำเภอโพนทอง พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ภาคีเครือข่าย และพี่น้องเกษตรกร เข้าร่วม ณ แปลงอ้อยบ้านนาอุดม อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การสาธิตการอัดใบอ้อยเพื่อลดการเผา และการจัดแสดงนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร มีหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และเครือข่ายเกษตรกรร่วมให้ข้อมูลและสนับสนุนการดำเนินงาน โดยมุ่งหวังให้เกษตรกรตระหนักถึงแนวทางการทำเกษตรแบบยั่งยืน ลดปัญหาฝุ่นละออง เพิ่มโอกาสสร้างรายได้จากเศษวัสดุเหลือใช้ และมีแนวทางรณรงค์ไม่เผา มีรายได้เพิ่ม จาการที่จะมีเครือข่ายที่มีอุกรณ์เข้าไปอัดตอซังข้าวและอัดต่อซังอ้อยให้เกษตรกร ทั้งนี้ การเผาในพื้นที่เกษตรส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพอากาศ สุขภาพประชาชน และความอุดมสมบูรณ์ของดิน จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนในการหาทางแก้ไข พร้อมปรับเปลี่ยนแนวทางการทำเกษตร สู่ระบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่จะจะช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต

ชัยภูมิ – ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรทอง มีพื้นที่ป่าได้รับความเสียหายแล้วอีกจำนวนมากนับหลายร้อยไร่ ทำค่า PM 2.5  ส่งผลกระทบหนักต่อสุขภาพประชาชนในพื้นที่อีกจำนนวนมากแล้ว จนท.นับหลายร้อยนายเร่งระดมเข้าพื้นที่สกัดไฟป่าบนสันเขาพังเหยที่มีความสูงชันมากของรอยต่อ 2 อำเภอ ที่ยังเป็นปัญหายากต่อการเขาถึงพื้นที่เพื่อดับไฟป่าครั้งนี้ได้ ( 25 มี.ค.68 ) ขณะที่ จ.ชัยภูมิ สถานการณ์ค่า PM 2.5 เริ่มกลับมาพุ่งสูงหนักและมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนในพื้นที่แล้วมาต่อเนื่องในช่วงหน้าแล้งปีนี้ หลังในตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเหตุไฟไหม้ป่าเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค.68 ที่ผ่านมา ในเขตพื้นที่เทือกเขาภูแลนคา ในเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ และในพื้นที่บนเทือกเขาภูผาแดง ต.บ้านแก้ง อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ใน 2 จุดใหญ่ มีพื้นที่ป่าถูกไฟป่าไหม้ลุกลามเสียหายแล้วกว่า 800 ไร่ ที่ทางเจ้าหน้านับหลายร้อยนายพากันระดมกำลังช่วยกันดับไฟป่ามาต่อเนื่องตลอดทั้งวันทั้งคืนจนแทบไม่ได้หลับได้นอนมาต่อเนื่องกว่า 3 แล้ว จนล่าสุดสามารถควบคุมไฟป่าทั้ง 2 จุดดังกล่าวให้สงบลงได้แล้วเมื่อช่วงวานนี้ที่ 24 มี.ค.68 ที่ผ่านมา และทางพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูแลนคาที่มีพื้นที่ป่าได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก จึงได้มีการได้ออกประกาศปิดป่าในเขตอุทยานฯ เพื่อห้ามประชาชนเข้าไปในพื้นที่เก็บหาของป่าในอุทยานแห่งชาติภูแลนคาแล้วจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี  จัดการประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี ครั้งที่1/2568 และทบทวนแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาศูนย์ฯสิรินาถราชินี(พ.ศ.2566-2570) (วันที่ 24 มีนาคม 2568)  กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยกองอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) และศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี  จัดการประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี ครั้งที่1/2568 ณ เรือนโปรงขาว ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลน สิรินาถราชินี ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมี นางดาวรุ่ง ใจจริง ผอ.กองอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน ประธานคณะกรรมการบริหาร  เป็นประธานในการประชุม  อาจารย์ที่ปรึกษาจาก ทช.ศาสตราจารย์ ดร.ดุสิต เวชกิจ ที่ปรึกษา นายรัฐกรณ์ ขุนแก้ว  ผอ.การส่วนส่งเสริมและพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลน นายระวิพันธ์ แผ้วพาลชน ผจก.ฝ่ายสถาบันปลูกป่าและระบบนิเวศ ปตท. นางสรญา   ประทุมวงษ์ ผจก.สถาบันปลูกป่าและระบบนิเวศ ปตท. เจ้าหน้าที่ ทช.ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ และปตท. นายคมสัน หงภัทรคีรี ผจก.ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินีโดยมีวาระต่างๆทั้งเรื่อง อธิบดี ทช.อนุมัติโครงการบริหารจัดการและพัฒนาศูนย์ฯสิรินาถราชินี