สิ่งแวดล้อม

สตูลรีฟกาเดี้ยนพร้อมพันธมิตรดิ่งทะเลปฏิบัติการกู้ซากอวนปกป้องปะการังอ่อน หลังจากกลุ่ม Reef Guardian Thailand ได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวที่ไปดำน้ำแบบสกูบ้า ที่บริเวณกองหินขาว ในพื้นที่อ.ละงู จ.สตูล ซึ่งบริเวณดังกล่าวถือเป็นพื้นที่ปะการังที่มีความหลากหลายมากที่สุดในจ.สตูล ทั้งปะการัง 7 สี ปะการังอ่อนฯลฯ โดยนักท่องเที่ยวได้แจ้งว่าพบอวนจำนวนมากปกคลุมปะการังอ่อน มีความยาวถึง 150 เมตร ทำให้ปะการังได้รับความเสียหาย หลังรับแจ้งกลุ่มรีฟการ์เดี้ยนจึงได้ทำการลงสำรวจพบว่ามีจริง จึงได้วางแผนร่วมกับ 4 หน่วยงาน คือ อช.เภตรา ,กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง, ศูนย์ศึกษาและวิจัยอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 3 (ตรัง) และ บริษัทหาดทิพย์ จำกัด ในการออกปฏิบัติการกู้ซากอวนเพื่อช่วยเหลือปะการังดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ที่ลงปฏิบัติการประมาณ 50 คนได้ดำดิ่งลงสู่ใต้ท้องทะเลความลึก 6-8 เมตร พบซากอวนขนาดใหญ่คลุมตัวอ่อนปะการังยาว 150 เมตร กว้าง 8 เมตร จึงได้ช่วยกันกู้ซากอวนขึ้นมา ซึ่งซากอวนดังกล่าวลักษณะคล้ายกับการเข้าไปทำประมงในพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากกองหินขาวเป็นแหล่งปะการังสวยงาม จึงเป็นแหล่งปลาที่ชุกชุมด้วย ปลาหายากก็จะมารวมกันอยู่จุดนี้ เพราะลักษณะอวนนั้นเป็นอวนขนาดใหญ่ทั้งผืน นายอดินันท์ ณพัทลุง ประธานรีฟการ์เดี้ยนไทยแลนด์ บอกว่า ซากอวนที่กู้ขึ้นมาได้นั้นน้ำหนัก

พระนครศรีอยุธยา-กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ระดมสมองประชุมเชิงปฎิบัติการขับเคลื่อนแผนงานและมาตรการด้านการเปลี่ยนแปลงสถาพภูมิอากาศพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผศ.ดร.กิติชัย รัตนะ ผู้เชียวชาญด้านนโยบายภาควิชาอนุรักษ์วิทยา คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ร่วมกับเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา องค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สมาคมเครือข่าย ทสม. อยุธยา โดยความร่วมมือทางวิชาการของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสถาบันพัฒนาลุ่มน้ำ จัดประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนงานและมาตรการด้านการเปลี่ยนแปลงสถาพภูมิอากาศพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระหว่างวันที่ 21-24 พฤษภาคม 2568 ที่ โรงแรม เดอะ คาวาลิ คาซ่า รีสอร์ท จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งการประชุมครั้งนี้ ถือเป็นพื้นที่นำร่องต้นแบบในการทำงานอย่างมีส่วนร่วมด้วยการบูรณาการภารกิจเพื่อบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนโดยใช้พื้นที่เป็นฐาน (Area-based Management) และสร้างภูมิคุ้มกันของกลุ่มล่อแหลมเปราะบางเพื่อเตรียมความพร้อมตั้งรับปรับตัวกับความเสี่ยงและผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ในการประชุมครั้งนี้ยังบรรลุผลในการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของจังหวัดควบคู่ไปด้วย ซึ่งมุ่งเน้นการขับเคลื่อนกลยุทธ์และแผนงานรองรับ 3 ด้าน กลยุทธ์ที่ 1 การเสริมสร้างศักยภาพเครือข่ายอาสามัครในระดับพื้นที่ให้เข้มแข็งและเข้าถึงองค์ความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลยุทธ์ที่ 2 การส่งเสริม ริเริ่ม และพัฒนากิจกรรมที่ยืนยันถึงการปฏิบัติจริงด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่สอดคล้องกับบริบทภูมิสังคมของพื้นที่และกลยุทธ์ที่ 3 พัฒนาระบบและกลไกการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแบบบูรณาการเชิงรุก อนึ่ง ความสำเร็จในการสนับสนุนองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญในการสร้างกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมในการประชุมครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งจาก ผศ.ดร. กิติชัย

เพชรบูรณ์-ฝนถล่มวิเชียรบุรี น้ำท่วมฉับพลัน ถนนจมน้ำหลายจุด วันที่ 21 พฤษภาคม กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(กอปภ.) จ.เพชรบูรณ์ รายงานว่า เวลา 17.30 น. เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังรอการระบายหลายจุดในเขตเทศบาลเมืองวิเชียรบุรี โดยเฉพาะบริเวณถนนสายน้ำร้อน–ซับตะแบก บริเวณรอยต่อหมู่ที่ 10 บ้านวังน้ำเย็น และหมู่ที่ 12 บ้านคลองยาง ตำบลน้ำร้อน มีระดับน้ำท่วมขังส่งผลกระทบต่อการสัญจรของประชาชน ทางอำเภอวิเชียรบุรีร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำร้อน ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนแล้ว…

           ศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ – VMARC โพสต์แจ้งและเชิญชวนช่วยเหลือเต่าบาดเจ็บในฤดูฝน            เนื่องด้วยช่วงนี้เข้าสู่ฤดูฝนแล้ว อาจจะมีน้องเต่าออกมาเดินตามบนท้องถนน แล้วเกิดอุบัติเหตุเสี่ยงต่อการถูกรถทับ รถเหยียบ หรือได้รับการบาดเจ็บ ท่านใดที่พบเห็นน้องเต่าบาดเจ็บ อยากจะช่วยเหลือรักษา สามารถทักหรือโทรหรือนำเต่ามาส่งได้ที่ศูนย์ฯ เพื่อรับการดูแลและรักษา  📍 เวลาทำการ : วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 09:00 – 16:00 น.📞 โทรสอบถาม : 02-251-8887📱 หรือแอดไลน์ : @VMARC            ช่วยกันเป็นอีกหนึ่งแรง ที่ทำให้ชีวิตเล็ก ๆ ปลอดภัยจากอันตรายบนท้องถนน ที่มา : ศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ – VMARC

พังงา-ตกใจ หินบนภูเขาใกล้สถานปฏิบัติธรรมในเมืองพังงาถล่ม คาดฝนตกหนักต่อเนื่องหินปูนผุถล่มลงมา เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2568  นายทรงยศ นาคฤทธิ์ นายกอบต.ถ้ำน้ำผุด อ.เมืองพังงา เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 14.45 น.วันนี้ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าเกิดหินบนภูเขาด้านหลังสถานปฏิบัติธรรมโพธิธรรมสถาน ต.ถ้ำน้ำผุด อ.เมืองพังงาถล่มลงมาเสียงดังสนั่น จึงรีบนำเจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่ตรวจสอบ พบรอยแนวหินบนภูเขาทอย ด้านหลังสถานปฏิบัติธรรมโพธิธรรมสถาน พังถล่มลงมาเป็นทางยาวกว่า 100 เมตร กว้างประมาณ 20 เมตร เป็นรอยสีแดงมองเห็นได้ตั้งแต่ระยะไกลจากถนนเลี่ยงเมืองพังงา พบว่าจุดที่แนวหินเริ่มถล่มอยู่สูงจากพื้นดินกว่า 100 เมตร ซึ่งถล่มใส่ต้นไม้บนภูเขาล้มหักโค่นลงมาด้านล่างเป็นทางยาวจนมองหินชั้นหินปูนที่ผุพังและดินสีแดงบนภูเขา และมากองรวมกันอยู่ที่เชิงเขา ไม่ถึงเสนาสนะในสถานปฏิบัติธรรม และไม่มีใครได้รับอันตราย คาดว่าเกิดจากในพื้นที่มีฝนตกหนัก ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา สันนิษฐานว่าปริมาณน้ำสะสมอยู่ในชั้นดินและชั้นหินปูนที่ผุพังบนภูเขา จนรับไม่ไหวถล่มลงมา ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อ2ปีที่แล้วก็เกิดหินบนภูเขาถล่มลงมาแล้วครั้งหนึ่ง เบื้องต้นทาง อบต.ได้ทำการกั้นเป็นพื้นที่อันตรายไม่ให้ประชาชนเข้าไป  และจะประสานให้ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพังงา เข้าตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

           กฟผ. เดินหน้าพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำต่อเนื่องที่เขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี ขนาดกำลังผลิต 50 เมกะวัตต์ (MWac) เริ่มเปิดขายซองประกวดราคาแล้ววันนี้ – 20 มิถุนายน 2568 พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเข้ามามีส่วนร่วมสร้างพลังงานสะอาดเพื่ออนาคต            นายทิเดช เอี่ยมสาย รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ. เดินหน้าพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ชุดที่ 1 จ.กาญจนบุรี ขนาดกำลังผลิต 50 เมกะวัตต์ (MWac) ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งอยู่บนทุ่นลอยน้ำในอ่างเก็บน้ำของเขื่อน โดยโครงการฯ นี้ เป็นส่วนหนึ่งในแผนดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี ค.ศ. 2065 ผ่านกลไกการสนับสนุนการชดเชยและหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างเป็นรูปธรรม

           เกินกว่าครึ่งศตวรรษ ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) องค์กรหลักของชาติด้านการผลิตและระบบส่งไฟฟ้า ได้วางรากฐานความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ ทั้งในมิติของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งพัฒนาพลังงานไฟฟ้าให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของโลกและการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยหลักของความสมดุล ควบคู่ไปกับการดูแลชุมชน สิ่งแวดล้อม และสร้างความมั่นคงทางไฟฟ้าอย่างยั่งยืน            นับตั้งแต่กำลังผลิตเริ่มต้นเพียง 908 เมกะวัตต์ เมื่อครั้งก่อตั้งในวันที่ 1 พฤษภาคม 2512 จวบจนปัจจุบันกว่า 56 ปี ประเทศไทยมีกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 52,017 เมกะวัตต์ โดยเป็นโรงไฟฟ้าของ กฟผ. 16,261 เมกะวัตต์ คิดเป็นร้อยละ 31.26 มีสายส่งไฟฟ้าทั่วประเทศความยาวรวมถึง 40,041 วงจร-กิโลเมตร จนกลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย โดย กฟผ. มองหาจุดสมดุลระหว่างการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลและพลังงานหมุนเวียนที่เหมาะสมกับประเทศไทย อีกทั้งแหล่งเชื้อเพลิง และนวัตกรรมพลังงานที่จะมาช่วยเสริมความมั่นคงทางพลังงานของประเทศให้ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น สร้างความมั่นคงทางพลังงาน เร่งเครื่องพลังงานสะอาด – นวัตกรรมพลังงาน