อาชญากรรม

สืบพระสมุทรเจดีย์ และ นปพ. ปะทะ เอ๋ ลาย พ่อค้ายาเสพติด ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของ สภ.พระสมุทรเจดีย์และ ปปส.ภาค.1 และหลบหนีมากบดานในชุมชนและยังลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในชุมชน สามารถยึดยาบ้าและยาไอช์เพียบ ผู้ต้องได้ยิงต่อสู้เพื่อเปิดทางหลบหนี ทางตำรวจที่จึงได้ยิงปืนป้องกันตัว ถูกผู้ต้องได้รับบาดเจ็บ เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 16 ก.พ.68 พ.ต.ท.ประยูร ปัตตุลี รอง ผกก.สภ.พระสมุทรเจดีย์ / พ.ต.ต.วีระพันธ์ บุญหนัก สว.สส.สภ.พระสมุทรเจดีย์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) ภ.จว.สมุทรปราการ ร่วมกว่า 20 นาย เข้าปิดล้อมชุมชนหลังโรงเรียนป้อมพระจุล หมู่ที่ 2 ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ หลังได้รับแจ้งว่ามีพ่อค้ายาเสพติดรายย่อยและยังเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของ สภ.พระสมุทรเจดีย์และ ปปส.ภาค.1 หลบหนีมากบดาลในชุมชนและยังลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในชุมชนอีกด้วย ในระหว่างเข้าปิดล้อมพบผู้ต้องหาคือ นาย อัศนัย สาระยาม หรือ เอ๋ ลาย อายุ 38 ปี […]

พระนครศรีอยุธยา-ตำรวจตามแกะรอยรวบตัว”ก๊อง มือค้อน”แค้นเพื่อนรุ่นพี่เอาเหล็กดัดไปขายไม่บอก พี่สาวขอโทษญาติคนตาย ไม่คิดว่าน้องจะทำ เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 16 กพ  เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา นำโดย พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย พ.ต.ท.มนต์ชัย เหลืองประเสริฐ รอง ผกก สส.สภ. พระนครศรีอยุธยา นำกำลังเข้าจับกุมตัวนายเฉลิมวงศ์ หรือก๊อง ผู้ต้องหาใช้ค้อนปอนทุบหัวนายพิชาติ พยายอด เสียชีวิตเมื่องเวลา 02.30 น.วันเดียวกัน แล้วหลบหนีไปกบดานอยู่บ้านพวก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ติดตามจนสามารถจับกุมตัวเอาไว้ได้ นำตัวมาสอบสวนที่สภ.พระนครศรีอยุธยา จากการสอบสวนเบื้องต้นนายก๊อง ยอมรับสารภาพว่าได้เป็นคนลงมือสังหารนายพิชาติ เพื่อนรุ่นพี่จริง เนื่องจากก่อนหน้านี้ทราบว่านายพิชาติ ได้นำเหล็กดัดไปขายของเก่า แล้วไม่บอก หลังจากดื่มสุราได้ที่จึงพยายามเคลียร์กับนายพิชาติ แต่นายพิชาติ ไม่คุยด้วย ทำให้นายก๊องโมโหและคงจะดื่มสุราแล้วมาเคลียร์กับผู้ตายไม่ได้ เลยบุกไปที่ห้องใช้เท้าถีบประตูเข้าไปใช้ค้อนปอนทุบศรีษะนายพิชาติ ที่กำลังนอนหลับอยู่จนเสียชีวิต น.ส.หนึ่งฤทัย  พี่สาวนายก๊อง  เปิดเผยว่า   ตนเองได้รับข้อความจากนายก๊อง  ว่าจะฆ่าคน แต่ตนเองไม่ได้คิดอะไร เพราะนายก๋องจะคุยเล่นในลักษณะนี้มาตลอด  ไม่คิดว่า จะลงมือทำจริง  ปกตินิสัยของนายก๊องเป็นคนอารมณ์ร้อน โดยเฉพาะเวลาดื่มสุรา ตนเองในฐานะพี่สาวขอโทษกับครอบครัวของนายพิชาติ

พระนครศรีอยุธยา-โหดจัด ตีสองกว่ายังหลับไม่ลงหากไม่ได้เคลียร์ปัญหา เพื่อนรุ่นน้องเก็บกดเมาได้ที่ตีนถีบประตูพัง ค้อนทุบหัวรุ่นพี่ขณะหลับ เวลา 02.30 น.วันที่ 16 กพ เวลา 02.30 น.  เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.พระนครศรีอยุธยาได้รับแจ้งจากนางลลิตา  พยายอด  อายุ 36 ปี  บ้านพักอยู่ที่ตำบลสวนพริก  อำเภอพระนครศรีอยุธยา ว่านายพิชาติ  พยายอด  อายุ 42 ปี  ถูกนายเฉลิมวงศ์  มีมูล  หรือ  ก๋อง  อายุ 25 ปี  เพื่อนสนิทชาวอำเภอเสนา  จังหวัดอยุธยา  เมาเหล้าใช้เท้าถีบประตูบ้าน  ใช้ค้อนปอนด์  ทุบหัวขณะนอนหลับ เสียชีวิตอยู่ในบ้าน หลังจากรับแจ้งแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ  พบเป็นบ้าน 2 ชั้น ประตูเปิดอ้า  ภายในบ้าน  พบลูกสาวกับลูกชายผู้ตายยืนร้องไห้อยู่หน้าบ้าน  ภายในบ้านพบร่างนายพิชาติ  นอนคว่ำหน้าเสียชีวิต  ใกล้กันนั้น มีค้อนปอนด์ขนาดน้ำหนักประมาณ 1-2 กิโลกรัม เปื้อนเลือดตกอยู่ 1 อัน 

พบศพหนุ่มกองถ่ายดับปริศนาคารถ ขณะที่ทางตำรวจเปิดกล้องวงจรปิด สุดท้ายพบสาเหตุ เวลา 20.00 น.วันที่ 15 ก.พ.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบรี พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิ ป่อเต็กตึ๊ง เดินทางเข้าตรวจสอบ หลังจากได้รับแจ้งพบศพชายเสียชีวิตภายในรถกระบะ เหตุเกิดลานจอดรถใกล้แยกสามัคคี ถนนติวานนท์ ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี จากนั้นจึงประสานแพทย์เวรจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ร่วมตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบรถกระบะอีซูซุ สีเทา หมายเลขทะเบียน ฒฎ 1897 กทม.จอดติดเครื่องยนต์ ภายในรถด้านเบาะคนนั่งคู่คนขับพบศพนายไพทูรย์ พยัคฆ์มะเริง อายุ 47 ปีสภาพศพผู้ตายปรับเบาะเอนนอนอยู่แพทย์ได้นำศพออกมาชันสูตรเบื้องต้นไม่พบ บาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้าย สอบถามนาย เอ (นามสมุตติ) ให้ข้อมูลว่า เห็นรถกระบะขับเข้ามาจอดที่ลานจอดรถตั้งแต่ช่วงบ่าย ไม่เห็นมีคนลงจากรถ จนกระทั่งเวลา 19.30 น.เห็นว่ารถติดเครื่องและเปิดไฟฉุกเฉินไว้ผิดสังเกต ตนได้ไปดูกล้องวงจรเปิด จนมาทราบว่าผู้ตายขับมาแล้วเป็นลมวูบไปขณะจอดติดไฟแดงแยกสามัคคี ก่อนจะมีพลเมืองดีหลายคนเข้าไปช่วยเหลือขับรถมาจอดพักไว้ ต่อมาตำรวจสืบสวนได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดทางเข้าลานจอดที่เกิดเหตุพบรถกระบะผู้ตายขับเข้าไปจอด เวลา13.22 น.และเวลา 13.23 น. ผู้ชายสวมเสื้อแขนยาวสีดำ สวมหมวกกันน็อกสีดำ เดินสวนออกมาจากลานจอดรถ ขณะเดียวกันได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดใกล้แยกไฟแดงสามัคคี พบว่าเวลา 13.16 น.ผู้ตายขับรถมาจากในซอยสามัคคีขณะจอดติดสัญญาไฟแดง

ไม่ทันข้ามวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับตัวหนุ่มชิงทองมารยาทดี ได้แล้ว พร้อมของกลางเงินสดที่ได้จากการขายทอง และรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ เจ้าตัวอ้างจะนำเงินไปใช้หนี้นอกระบบ อ่านข่าว ผู้การปากน้ำสั่งล่าตัวโจรมารยาทดียกมือไหว้ขอสร้อยทอง อ้างจะเอาไปให้แฟนวันวาเลนไทน์ จากกรณี ช่วงค่ำของ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 มีคนร้ายเป็นชายวัยกลางคน ซึ่งเจ้าตัวนั้นถอดรองเท้าไว้หน้าร้านแล้วยกมือไหว้เจ้าของร้านทองเพื่อชิงสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 1.5 บาท พร้อมโทรศัพท์มือถือของเจ้าของร้านไป นอกจากนั้นคนร้ายยังคว้าเร้าเตอร์ไวไฟของทางร้านซึ่งคาดว่าคนร้ายตั้งใจจะคว้าเอาเซิร์ฟเวอร์ของกล้องวงจรปิดแต่คว้าผิดเป็นเร้าเตอร์แทน ซึ่งภาพวงจรปิดนั้นจับภาพได้ชัดเจน จากการสอบถามทางด้าน พ.ต.อ.อดิเรก ทองแก้มแก้ว ผู้กำกับ สภ.บางแก้ว ซึ่งระบุว่า ขณะนี้ในส่วนของตำรวจภูธรบางแก้ว ตนเองได้สั่งการและระดมตำรวจทั้งฝ่ายสืบสวนและสายตรวจเร่งล่าตัวคนร้ายรายนี้แบบทุกมิติแล้ว ซึ่งความคืบหน้าตำรวจพอจะได้ข้อมูลของคนร้ายบ้างแล้วแต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดมากเกรงว่าคนร้ายจะไหวตัวหลบหนีมากไปกว่านี้ มั่นใจจะสามารถรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับได้ในเร็วนี้ ขอเวลาตำรวจเร่งทำงานก่อน ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 ทางเจ้าหน้าที่ได้จับตัวผู้ก่อเหตุรายนี้ได้แล้วเมื่อช่วง บ่ายที่ผ่านมา ทราบชื่อคือ นายชญานนท์ บุตรหง้า อายุ 26 ปี ชาวนครศรีธรรมราช มีอาชีพเป็นกุ๊กในร้านในอาหารแห่งหนึ่ง และทำอาชีพเสริมเป็นไรด์เดอร์ จากการสอบปากคำทราบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นหนี้นอกระบบจำนวน 20,000 บาท จึงทำการไปก่อเหตุชิงทองที่ร้านทองดังกล่าว ก่อนที่จะนำทองไปขายที่ร้านทองย่านสำโรง

ตูมแรก! อ.แว้ง ตามด้วย Second Bomb! อ.จะแนะ เจ็บรวด 17 ราย จยย.พ่วงข้างถังแก๊สหุงต้ม ตรงเป้าแจ้งเตือนล่วงหน้า!! หลัง ผกร.ลำเลียงวัตถุระเบิดเข้ามา เพื่อแสดงความมีตัวตนของ BRN. สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นถี่ยิบในพื้นที่ จ.นราธิวาส และสองเหตุล่าสุด ช่วงคืนที่ผ่านมา (14 ก.พ.68) ที่ อ.แว้ง รถ จยย.พ่วงข้างที่ประกอบระเบิดในถังแก็สหุงต้ม น้ำหนักประมาณ 30-40 กก.ตูมสนั่นริมกำแพงกองร้อย อส.อ.แว้งที่ 3 มีผู้บาดเจ็บ 13 ราย เป็น อส. 3 นาย ที่เหลือมีทั้งภรรยา ลูกชายและพี่สาวของ ดาบตำรวจ ประสงค์ สุวรรณชัยเลิศ รอง ผบ.ร้อย ตชด.446 อีก 7 รายเป็นเด็กชายวัย 8 ขวบและชาวบ้าน หลังจากชุด EOD.และ พฐ.ตรวจสอบแล้วเสร็จ พบซากป้ายทะเบียน 1

สระแก้ว – เจ้าหน้าที่ ตม.สระแก้ว บูรณาการร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง ตามแผนสกัดกั้นคนไทยและคนต่างด้าวเดินทางเข้า-ออกประเทศช่องทางผิดกฏหมายฯ ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ จับหนุ่มชาวนครราชสีมาหลบหนีหมายจับศาลจังหวัดระยอง เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 15 ก.พ.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.สระแก้ว และหน่วยงานความมั่นคงหลายหน่วย ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.จว.สระแก้ว พ.ต.ท.อมรศักดิ์ แสงวรรณ รอง ผกก.ตม.จว.สระแก้ว และ ว่าที่ พ.ต.ท.พฤกษ์ โชติพฤกษ์ชูกุล สว.ตม.จ.สระแก้ว สั่งการให้ชุดสืบสวน (ชป.2) ตม.สระแก้ว บูรณาการร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง เพื่อขับเคลื่อนแผนป้องกันสกัดกั้นคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และคนต่างด้าวถูกหลอกลวง หรือประกอบธุรกิจผิดกฎหมายและอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัว นายอนุชาติ สุวรรณธรรม อายุ 38 ปี สัญชาติไทย ที่อยู่ 164 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้ที่บริเวณแยกหลังคาแดง ตลาดโรงเกลือ ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

เมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 นายนายพัชรพัชร์ศรีธัญญนนท์ นายอำเภอ ได้รับร้องเรียนจากประชาชน หลังพบว่ากลุ่มผู้ประกอบการบุหรี่ไฟฟ้าตั้งแผงลอยขายริมถนนอย่างโจ๋งครึ่มจึงได้มีคำสั่งหให้นายณฐาภพ ยมจินดา ปลัดอำเภอ หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง และ นายธฤต จันทร์จรูญ ปลัดอำเภอ นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความั่นคง พร้อมสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อ.บางละมุง เจ้าหน้าที่ ราชสีห์พิทักษ์ราษฎร์ ออกตรวจตามที่มีการร้องเรียนโดยประสารไปยังเจ้าหน้าตำรวจพัทยาเพื่อขอกำลัง เข้าสนับสนุนในการเข้าตรวจสอบครั้งนี้ จุดที่ 1 บริเวณซอยร้อยหลังถนนพัทยา-นาเกลือพบว่ามีการตั้งแผงลอยวางบุหรี่ไฟฟ้าจำหน่ายเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมเป็นผู้ต้องหา 2 รายทราบชื่อนายดุลยวัต สุดคง อายุ 22 ปี และนายพิพัฒน์ แสนคำ อายุ 21 ปี จุดที่ 2 บริเวณชอย 6 ถนนเลียบชาดหาพบว่า ตั้งขายบุหรี่ไฟฟ้าในลักษณะเดียวกันก่อนแสดงตัวจับกุมเป็นผู้ต้องหา 1รายน.ส.ณัฐธิดา ทรัพย์เจริญ อายุ 28 ปี จุดที่ 3 บริเวณปากซอย 7 ถนนเลียบชายหาดตั้งแผงลอยขายริมทางชึ่งจุดนี้มีนักท่องเที่ยว เดินสวนกันไปมาเป็นจำนวนมากโดยจุดดังกล่าวห่างจากโรงพักเมืองพัทยาเพียง

เมื่อเวลา 03.36 น. วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองพัทยา ได้ควบคุมตัวนายแจ็ค (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี หลังก่อเหตุพยายาม โจรกรรมรถจักรยานยนต์ของชาวบ้าน เหตุเกิดภายใน ซอยพระตำหนัก 4 เมืองพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี แต่ พลเมืองดี เห็นเข้าจึง ควบคุมตัว ไว้ แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมารับตัว ซึ่ง ผู้ก่อเหตุให้การยอมรับว่าก่อเหตุจริง ทั้งยังยอมรับอีกว่า ตนเองได้ขี่จักรยานออกตระเวนขโมยรถ และได้โจรกรรมรถจักรยานยนต์ สำเร็จไปแล้ว 2 คัน แล้วนำไปจอดซุกซ่อนไว้ตามที่ต่าง ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน จึงได้พาตัวไปเอารถของกลางที่ถูกโจรกรรมไปมาไว้เป็นหลักฐาน เมื่อไปถึงบริเวณ ซอยพระตำหนัก 4 ใกล้หาดยินยอม ก็พบรถ จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 110 ไอสีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และ รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อเวฟ 100 สีเทาดำ หมายเลขทะเบียน