ศรัณย์ วิชัย

จากเหตุการณ์เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบร่างของดีเจเตเต้ที่บนเขาในพื้นที่บ้านนานางหรอก หมู่ 3 ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น กระทั่งเมื่อเวลา 20.00 น. วันเดียวกันทางทนายรณรงค์ แก้วเพชร พร้อมด้วยพ่อและญาติของดีเจเตเต้ เดินทางเข้าขอบคุณเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี ที่ดำเนินการอย่างรวดเร็ว และได้แจ้งความเพิ่มเติมในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และปิดบังซ่อนเร้นอำพรางสาเหตุการตาย ด้านพ่อของดีเจเตเต้ เปิดใจว่า มาที่นี่เพื่อตามหาลูกชายที่ถูกอุ้มหายไป และต้องการหลักฐานยืนยันว่าลูกยังมีชีวิตหรือไม่ ซึ่งวันนี้ได้เห็นร่างลูกชายเป็นครั้งสุดท้าย และขอขอบคุณตำรวจที่ใช้เวลาเพียง 5-6 วันในการติดตามจนทราบความจริง ขั้นตอนต่อไป จะดำเนินการชันสูตรศพ และนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านหนองกระทุ่ม ก่อนจะส่งลูกชายไปสู่ภพภูมิที่ดีต่อไป.

วันที่ 18 พฤษภาคม 2568 พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตำรวจชุดสืบสวนเมืองกาญจนบุรี และชุดสืบสวนจาก สภ.ลาดหญ้า ร่วมกับอาสาสมัครมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ เดินทางเข้าตรวจสอบจุดพบศพ “ดีเจเตเต้” กลางป่าลึกในพื้นที่หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรีการเข้าถึงพื้นที่ต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อวิ่งฝ่าป่าเป็นเวลานานกว่า 20 นาที จากนั้นต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 5 นาที จึงพบศพดีเจเตเต้ในสภาพนอนตะแคง ถูกมัดมือไพล่หลังด้วยเชือกเปลสีเขียว สภาพศพเริ่มบวมอืด มีหนอนชอนไช ส่งกลิ่นเหม็นทั่วบริเวณ เบื้องต้นพบบาดแผลคล้ายถูกยิงบริเวณกระหม่อม 2 นัด เจ้าหน้าที่จึงนำศพส่งสถาบันนิติเวชเพื่อชันสูตรอย่างละเอียดต่อไปจากการสอบถามชาวบ้านผู้พบศพคนแรก เปิดเผยว่าเมื่อ 3 วันก่อนตนเดินเข้าป่าเพื่อหาเห็ดและของป่า แต่เนื่องจากฝนตกหนักและท้องฟ้ามืดครึ้ม ทำให้ตนหลงทางและเดินมาถึงบริเวณจุดพบศพ ก่อนจะสังเกตเห็นขาของศพยื่นออกมาจากชายป่า ด้วยความตกใจจึงรีบกลับบ้านต่อมาเมื่อกลับถึงบ้าน ภาพขาศพยังคงติดตาอยู่ตลอดทั้งคืน จึงเล่าเรื่องให้ญาติฟัง และญาติก็จำได้ว่ามีข่าวการหายตัวไปของดีเจเตเต้ ด้วยความสงสัย จึงตัดสินใจกลับไปยังจุดเดิมอีกครั้ง และพบว่าเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายตรงกับที่ดีเจเตเต้ใส่ในคืนก่อนหายตัวไป จึงมั่นใจว่าเป็นศพของดีเจเตเต้ และรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลาดหญ้าให้เข้ามาตรวจสอบทันทีทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างสอบสวนและติดตามตัวผู้ก่อเหตุเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ สนธิกำลังตำรวจและฝ่ายปกครอง สกัดจับขบวนการลักลอบขนแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมาย จำนวน 26 คน อัดแน่นในรถกระบะตู้ทึบ หวังตบตาเจ้าหน้าที่นำส่งเข้าทำงานในจังหวัดชลบุรี (14 พ.ค.68) ที่บริเวณจุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ภายหลังได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายผ่านเส้นทางดังกล่าวพล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผู้บัญชาการกองพลหารราบที่ 9 ในฐานะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ ได้สั่งการให้ พ.อ.พรรณศักย์ เพรียวพานิช ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 29 ในฐานะ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า นำกำลังพลร่วมกับ ร้อย ตชด.135 และ สภ.ทองผาภูมิ ตั้งจุดตรวจ กระทั่งเวลา 07.30 น. เจ้าหน้าที่พบรถกระบะตู้ทึบลักษณะต้องสงสัย จึงเรียกตรวจ พบชายอายุ 47 ปี เป็นผู้ขับขี่ และหญิง อายุ 37 ปี โดยสารมาด้วยจากการตรวจสอบท้ายกระบะ พบแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา จำนวน 26 คน อัดกันอยู่ในตู้ทึบ โดยไม่สามารถแสดงเอกสารประจำตัวได้ สอบสวนเบื้องต้นคนขับให้การว่า

กองกำลังสุรสีห์ โดย ฉก.ลาดหญ้า สนธิกำลังหลายหน่วยงาน จับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายชาวเมียนมา 22 คน ขณะรอเรือเพื่อลักลอบเข้าสู่พื้นที่ตอนใน สารภาพเดินทางจากพญาตองซู หวังไปทำงานที่กาญจนบุรีและสมุทรสาคร เสียค่านายหน้าหัวละ 1.5-2 หมื่นบาท เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผู้บัญชาการกองพลหารราบที่ 9 ในฐานะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติการจับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย บริเวณบ้านดงสัก หมู่ 2 ตำบลวังกะ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี โดยเป็นการบูรณาการร่วมกับฝ่ายปกครอง ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 134 สภ.สังขละบุรี และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ภายหลังได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ เจ้าหน้าที่จึงได้สนธิกำลังลาดตระเวนเฝ้าตรวจ กระทั่งเวลา 20.00 น. พบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยจำนวน 22 คน บริเวณริมน้ำชายป่าบ้านดงสัก เมื่อเข้าตรวจสอบพบว่าเป็นบุคคลลักษณะคล้ายต่างด้าว และไม่สามารถแสดงเอกสารประจำตัวได้ จึงได้ควบคุมตัวทั้งหมดมาตรวจสอบสัมภาระ ก่อนนำส่ง สภ.สังขละบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย จากการสอบสวนเบื้องต้น แรงงานต่างด้าวกลุ่มดังกล่าวให้การว่า เดินทางมาจากอำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมา โดยนั่งรถจักรยานยนต์จากบ้านบ่อญี่ปุ่น

วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวในพื้นที่ว่าจะมีการลักลอบขนแรงงานผิดกฎหมายเข้าพื้นที่ตอนใน จึงสั่งการให้ พ.อ.พรรณศักย์ เพรียวพานิช ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 29 และ พ.อ.ปิยะเณศร์ ภัทรศาศวัตวงษ์ รอง ผบ.หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า สนธิกำลังร่วมกับ ตชด.134, สภ.สังขละบุรี และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ออกลาดตระเวนและซุ่มเฝ้าตรวจบริเวณบ้านบ่อญี่ปุ่น ม.9 ต.หนองลู จนกระทั่งเวลาประมาณ 01.00 น. เจ้าหน้าที่ตรวจพบกลุ่มบุคคลจำนวนมากกำลังเดินเท้าเข้าพื้นที่ต้องสงสัย จึงเข้าตรวจสอบและสามารถควบคุมตัวแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายชาวเมียนมาได้ทั้งหมด 71 คน โดยไม่สามารถแสดงเอกสารแสดงตนอย่างถูกต้อง จึงส่งตัวให้ สภ.สังขละบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย จากการสอบสวนเบื้องต้น แรงงานทั้งหมดระบุว่าเดินทางมาจาก อ.พญาตองซู ประเทศเมียนมา โดยจ่ายเงินให้ขบวนการลักลอบเข้าเมืองระหว่าง 15,000 – 25,000 บาท ต่อคน เพื่อเข้ามาทำงานในพื้นที่ตอนในของประเทศไทย ขบวนการดังกล่าวใช้รถจักรยานยนต์ลำเลียงแรงงานจากบ้านบ่อญี่ปุ่น ก่อนให้เดินเท้าผ่านเส้นทางธรรมชาติ หลีกเลี่ยงจุดตรวจ แต่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เสียก่อน.