อัมพร แสงแก้ว

จากกรณีที่สืบสวนภาค 8 ได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวสัญชาติออสเตรเลีย ว่า ถูกเพื่อนร่วมชาติ ร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเงินสด และ เงินคริปโตถึง 2 ครั้ง รวมมูลค่ากว่า 21 ล้านบาท แถมยังถูกติดตามข่มขู่ โดยคนก่อเหตุเป็นหัวหน้าแก๊งกลุ่มมาเฟียในออสเตรเลีย เกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัย โดยผู้เสียหายระบุว่า ครั้งแรกมีคนร้าย 4 คน นำโดยนายบิลลี่, ร่วมกันบุกไปที่บ้านพักวิลล่าแห่งหนึ่งในพื้นที่ สภ.ฉลอง จว.ภูเก็ต บังคับ ข่มขู่โดยใช้อาวุธปืน ให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชี นายบิลลี่ 2 ล้านบาท และเอาเงินสดไปเพิ่มเติมอีกเป็นเงินร่วม 10.5 ล้านบาท และข่มขู่ไม่ให้แจ้งความ จนเมื่อปลายเดือน มกราคม 2568 ผู้เสียหายได้พักอยู่ที่เกาะสมุย นายบิลลี่ ส่งคนไทยกลุ่มหนึ่งไปติดตามผู้เสียหาย และบังคับให้โอนเหรียญบิตคอย จำนวน 2.8 เหรียญไปให้นายบิลลี่ อีก รวม 2 ครั้งคิดเป็นค่าเสียหายประมาณ 21 ล้านบาท กระทั่งวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา ตอนนี้ตำรวจสืบสวนภาค 8

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 พ.ต.ท.ปกรณ์ หมื่นสีเขียว สวป.สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุวัยรุ่นยกพวกทำร้ายร่างกายเจ้าของอู่ซ่อมรถจักรยานยนต์ บริเวณซอยเขาน้อย ใกล้ทางรถไฟ ม.13 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จึงนำกำลังสายตรวจเข้าตรวจสอบทันที ที่เกิดเหตุพบ นายวรเมธ นิลเขตร อายุ 27 ปี เจ้าของอู่ซ่อมรถ อยู่ในสภาพบาดเจ็บที่ศีรษะและมีรอยฟกช้ำตามร่างกาย โดยบริเวณอู่มีร่องรอยการต่อสู้ ข้าวของและเครื่องมือช่างกระจัดกระจายเสียหาย ขณะที่กลุ่มผู้ก่อเหตุได้หลบหนีไปก่อนตำรวจมาถึง นายวรเมธ เล่าว่า เหตุเริ่มจากช่วงค่ำวันที่ 12 พ.ค. มีวัยรุ่น 2 คนเข็นรถจักรยานยนต์มาที่อู่ แต่ขณะนั้นปิดให้บริการแล้ว จึงให้จอดรถไว้ก่อนเพื่อจะเช็กอาการในวันถัดไป ต่อมาในช่วงเช้า เจ้าของรถโทรมาสอบถามเรื่องการซ่อม ตนจึงชี้แจงว่ายังไม่เปิดอู่ เจ้าของรถจึงมาเข็นรถออกไปซ่อมที่อู่ข้างเคียง เมื่อเจ้าตัวขอคิดค่าจอดรถ 100 บาท กลับถูกปฏิเสธ พร้อมมีปากเสียงกัน เหตุการณ์บานปลายเมื่ออีกฝ่ายข่มขู่ว่า “เดี๋ยวมึงเจอกู” ก่อนที่เวลาต่อมาจะมีกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 10 คน รวมถึงเจ้าของรถดังกล่าว บุกเข้ามาในอู่และร่วมกันรุมทำร้ายร่างกายตนจนได้รับบาดเจ็บ

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 9 พฤษภาคม 2568 นายพัชรพัชร์ ศรีธัญญนนท์ นายอำเภอบางละมุง ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า มีผู้ประกอบการโรงแรมลักลอบจัดปาร์ตี้ส่งเสียงดังสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน จึงสั่งการให้นายณฐาภพ ยมจินดา ปลัดอำเภอบางละมุง ร่วมกับ พ.ต.ท.จำลอง จินพละ สวป.สภ.หนองปรือ, นายกิตติศักดิ์ มนต์แก้ว ปลัดเทศบาลตำบลโป่ง และเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานรวมกว่า 50 นาย เข้าตรวจสอบที่ “พัทยาแมนชั่น” เลขที่ 70/2 ม.6 ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จากการเฝ้าสังเกตการณ์พบว่ามีการลักลอบจัดปาร์ตี้ริมสระน้ำ โดยมีนักท่องเที่ยวชาวอินเดียกว่า 200 คน ร่วมสนุกด้วยการเล่นน้ำ ดื่มแอลกอฮอล์ และเปิดเพลงเสียงดังสนั่น เจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมสถานการณ์อย่างไม่ให้ตั้งตัว สร้างความแตกตื่นแก่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเอกสารการขออนุญาตของผู้ประกอบการโรงแรม รวมถึงกลุ่มไกด์ทัวร์ที่นำพานักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการ พร้อมย้ำเตือนให้ดำเนินการทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย สำหรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเสียงดังในพื้นที่ใกล้เคียง ทางอำเภอบางละมุงได้ให้ความสำคัญและเร่งดำเนินการตรวจสอบทันที พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับเสียงอย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืนจะมีโทษตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

เมื่อเวลา 00.16 น.วันที่ 30 เมษายน 2568 ร.ต.อ.เชาวลิตร สุวรรณมณี รอง สวป. สภ.เมืองพัทยา รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกาย เหตุเกิดที่ร้านจำหน่ายกัญชา ค็อกเทล ใกล้เคียงซอยเลียบชายหาดพัทยา 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา รวมถึงเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยารีบไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุMR.M (นามสมมุติ) อายุ 53 ปี สัญชาติฮังการี ได้รับบาดเจ็บถูกทำร้าย ได้รับบาดเจ็บที่ใบหูข้างซ้าย มีบาดแผลฉีกขาดเลือดไหล เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯให้การช่วบเหลือ ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนเคลื่อนย้ายส่งโรงพยาบาล ส่วนผู้ก่อเหตุได้หลบหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว ขณะเดียวกันพนักงานของร้านกัญชา ค็อกเทล ต่างพากันยืนต่อว่าพฤติกรรมของผู้บาดเจ็บ ทั้งนำบิลค่าเครื่องดื่ม มาแสดงให้เจ้าหน้าที่เป็นหลักฐานมูลค่า 1,570 บาท โดยพนักงานให้ข้อมูลว่าก่อนเกิดเหตุ ผู้บาดเจ็บเข้ามาสั่งเครื่องดื่ม และกัญชา ทั้งดื่มทั้งสูบ ก่อนจะเดินไปเรียกสาวประเภทสองที่ริมชายหาด มานั่งดื่มเอ็นเตอร์เทนเป็นเพื่อนคลายเหงา เมื่อถึงเวลาปิดร้านกลับไม่มีเงินจ่ายบิลและจ่ายค่าเสียเวลาของสาวประเภทสอง ทำให้เกิดมีปากเสียงกัน สาวประเภทสองจึงเรียกกลุ่มเพื่อนมาช่วยเคลีย จนบานปลายถึงขั้นลงมือทำร้ายร่างกายกัน หากไม่ช่วยกันห้ามน่าจะได้รับบาดเจ็บเยอะกว่านี้ เบื้องต้น MR.M หลังรักษาตัวเสร็จ