สายชล โอชะขจร

ราชบุรี   เมื่อช่วงเช้ามืดของวันนี้(6 พ.ค.68) เรืออากาศโท ณรงค์เดช  แก้วอุ้ย  นายอำเภอบ้านคา    จ.ราชบุรี พร้อมด้วยจ่าสิบเอก มนตรี  โภคานิตย์  ปลัดฝ่ายความมั่นคง อ.บ้านคา    ร.ต.เริงชัย  เรืองโรจน์   ผู้บังคับหมวดลาดตระเวณ หน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ  นายนัฐยุทธ  ร่มโพธิ์รีย์  กำนัน  ต.บ้านคา  และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ได้ร่วมกันเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 120 ม.11 ต.บ้านคา  หลังมีสายข่าวให้ข้อมูลว่าที่บ้านหลังนี้เป็นแหล่งจำหน่ายยาเสพติดและเป็นการตรวจสอบพื้นที่ตามนายแดนด้วย จากการตรวจค้นพบนายก้อง  สีสุกดี  อายุ 45 ปี กำลังนอนหลับอยู่ภายในบ้าน จึงได้ขอตรวจค้นพบยาบ้าและยาไอซ์ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าข้างที่นอน  เจ้าหน้าที่จึงได้นำออกตรวจสอบพบยาบ้าจำนวน 177 เม็ดและยาไอซ์จำนวน 2.30 กรัม ซึ่งนายก้อง ก็ยอมรับว่ายาเสพติดที่พบทั้งหมดนั้นเป็นของตนเอง  ซึ่งซื้อเอาไว้เสพก่อนจะออกไปทำไร่สับปะรดและไปทำงานที่อู่ซ่อมรถใกล้ๆบ้าน แต่อ้างว่าไม่ได้ขายแค่ซื้อไว้เสพกับพรรคพวกเท่านั้น   แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากพบถุงพลาสติกใสสำหรับแบ่งขายจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดพบว่าเป็นสีม่วง จึงนำตัวมาสอบสวนขยายผล และดำเนินคดีในข้อหามียาเสพติดไว้ครอบครองเพื่อจำหน่าย และเสพยาเสพติด นอกจากนี้ยังได้ไปตรวจค้นที่อู่ซ่อมรถชื่ออู่เถื่อน ตั้งอยู่เลขที่ 104  ม.11  ต.บ้านคา  พบผู้เสพอีก

ราชบุรี   ในวันนี้( 3 พ.ค.68 ) พ.ต.อ.เชิดชัย  ป้อชำนิ  ผกก.สภ.ทุ่งหลวง อ.ปากท่อ  จ.ราชบุรี  ได้นำตัวนายอรัญ (นามสมมุติ)  อายุ 41 ปี ชาวบ้านในต.ทุ่งหลวง  อ.ปากท่อ  มาสอบปากคำหลังตกเป็นผู้ต้องหาจี้ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธมีดและใช้ยานพาหนะเหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 2 พ.ค.68 ที่ผ่านมาบริเวณถนนสายทุ่งหลวง – บ้านเขากูบ  หมู่ 1 ต.อ่างหิน  อ.ปากท่อ ได้ทรัพย์สินไปเป็นกระเป๋าสะพายแบบผ้าภายในกระเป๋ามีเงินสด 1,200 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง  และบัตรประชาชนของผู้เสียหาย ซึ่งนางจำลอง  (นามสมมุติ) อายุ 66 ปี  ผู้เสียหายซึ่งเดินทางมาชี้ตัวผู้ก่อเหตุก็บอกว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 2 พ.ค. ขี่รถพ่วงข้างจะไปตัดผม ซึ่งขณะที่ขี่รถไปก็เห็นว่ามีรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นผู้ชาย สวมหมวกกันน็อคขี่ตามมา บางครั้งก็ตามห่างในช่วงที่มีคน  แต่ช่วงที่ไม่มีคนก็จะขี่มาใกล้ แต่ก็คิดในใจว่าทำไมไม่แซงไป จนมาถึงทางแยกคนร้ายก็ขี่มาปาดหน้าแล้วจับแฮนด์รถไว้และบอกว่าอย่าหนี ถ้าหนีจะแทงเพราะคนร้ายถือมีดด้วย  แล้วก็บอกว่าให้ส่งกระเป๋าให้ตอนแรกคนร้ายจะตัดสายกระเป๋าด้วยความกลัวจึงยกกระเป๋าให้ไปและขอโทรศัพท์คือแต่คนร้ายบอกว่าไม่ให้  ตอนนั้นตกใจมากเพราะเห็นมีดยาว  พอคนร้ายได้กระเป๋าก็ขี่รถกลับไปทางเก่า  โชคดีที่คนร้ายไม่ได้ทำร้ายแต่คนร้ายก็พูดเพราะใช้คำว่าป้าครับไม่ได้พูดคำหยาบอะไร 

ราชบุรี   จากกรณีที่เกิดเหตุยิงสนั่นในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อำเภอโพธาราม  จ.ราชบุรี ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย  โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 30 เม.ย.68 ที่ผ่านมา  และทาง พล.ต.ต.วชิรพงษ์   อมราพิทักษ์   ผบก.ภ.จ.ราชบุรี   ได้มาประชุมติดตามเร่งรัดคดีทำให้ล่าสุดพนักงานสอบสวน สภ.โพธาราม ได้รวบรวมพยานหลักฐาน และขอศาลออกหมายจับ ตามหมายศาลจังหวัดราชบุรี  ที่ จ.235/2568 ลงวันที่ 30 เมษายน 2568 ไปติดตามจับกุมนายธนกฤตหรือไมค์  (นามสมมุติ)  ซึ่งเป็นมือยิงในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน”   พร้อมกับจัดกำลังชุดสืบสวนกดดันไล่ล่าคนร้าย ล่าสุดช่วงบ่ายวันนี้ผู้ก่อเหตุได้ติดต่อเข้ามามอบตัวที่ สภ.โพธาราม   เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลว่า นายธนกฤตนั้นให้การรับสารภาพว่ากลุ่มของตนเองกับผู้บาดเจ็บนั้นเคยมีปัญหากันมาก่อนแล้ว  และเมื่อมาพบกันในร้านอีกครั้งก็เกิดการกระทบกระทั่งกันอีก  จึงได้มีการก่อเหตุขึ้นก่อนจะหลบหนี  ก่อนจะติดต่อมาเข้ามอบตัวหลังจากนั้นได้ทำการสอบสวนผู้ต้องหา กว่า 1 ชั่วโมง ก่อนนำตัวไปค้นหา อาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุที่บ้านพบอาวุธปืน ขนาด .380 มม. จำนวน 1

ราชบุรี   จากกรณีที่เกิดยิงกันสนั่นในร้านอาหารชื่อ สลัม  ซึ่งตั้งอยู่ม.9 ต.บ้านเลือก  อ.โพธาราม  จ.ราชบุรี ทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวน 4 ราย เป็นชาย 3  หญิง 1  อาการไม่สาหัส เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 30  เม.ย.68  ที่ผ่านมา คืบหน้าล่าสุดในวันนี้ (30 เม.ย.68)  พล.ต.ตวชิรพงษ์  อมราพิทักษ์  ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ราชบุรี ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนที่สภ.โพธาราม ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะเร่งรัดติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย คือ นายกิตติ์ชนิน  คงอยู่ อายุ 32 ปี  น.ส0อนงค์  เพชรนิล  อายุ 28 ปี  นายมานัส  ฉิมเงิน  อายุ 48 ปี และนายเฉลิมพงศ์  พุ่มพวง  อายุ 27 ปี   รวมทั้งเตรียมเสนอให้ฝ่ายปกครองได้สั่งปิดร้านอาหารดังกล่าวด้วย โดย พล.ต.ตวชิรพงษ์  อมราพิทักษ์ 

ราชบุรี  ในวันนี้( 28 เม.ย.68 ) พ.ต.ต.คชา อ่อนเหลา สารวัตรเวรสภ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ได้รับเเจ้งเหตุคนถูกอาวุธปืนยิงเสียชีวิต ที่บ้านเลขที่ 104 ม.5 ต.ยางหัก อ.ปากท่อ จึงรายงานให้ พ.ต.อ.พศพงศ์  มณฑา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอ.ปากท่อ ได้รับทราบก่อนจะเดินทางไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิประชานุกูล จุดปากท่อ ในที่เกิดเหตุพบศพเป็นชาย 1 ราย สวมเสื้อยืดสีฟ้า กางเกงขายาวสีเทา  และรองเท้าบูท นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่ที่บริเวณข้างบ้าน ที่ศีรษะมีร่องรอยถูกอาวุธปืนเป็นแผลฉกรรจ์  ซึ่งทราบชื่อต่อมาคือนายณัทร  เพชรมณี อายุ 72 ปี   อยู่บ้านเลขที่ 43/4  ต.หลุมดิน อ.เมือง จ.ราชบุรี ใกล้กันพบ นายบุญมี ฉลวยศรีเมือง อายุ 79 ปี  เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่พร้อมกับอาวุธปืนลูกซองยาว 1กระบอก และลูกกระสุนอีกจำนวนหลายนัดใส่อยู่ในซองเก็บกระสุน พบปลอกกระสุนตกอยู่ในที่เกิดเหตุจำนวน 1 ปลอก  เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะนำตัวนายบุญมี 

ราชบุรี    จากกรณีที่นายเอกรินทร์  ดีรื่น  อดีตสารวัตรกำนันต.บ้านไร่ถูกยิงดับหลังไปร่วมงานบวช เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกของวันนี้(27 เม.ย.68)ที่บริเวณปากซอย 6 ม.3  ต.บ้านไร่  อ.ดำเนินสะดวก  จ.ราชบุรี และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหนึ่งรายเป็นชายถูกนำส่งโรงพยาบาลดำเนินสะดวก ความคืบหน้าล่าสุดในวันนี้ พ.ต.อพัลลภ  สุริยกุล ณ อยุธยา  ผบก.ภ.จ.ราชบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูภณ  ทัพเจริญ ผกก.สภ.ดำเนินสะดวก  ได้นำอาวุธปืนและพยานที่อยู่ในเหตุการณ์มาร่วมแถลงข่าว โยได้ไปทำการสอบปากคำนายเม่น  หรือนายธนวุฒิ  เทือนปาน อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่ร่วมก่อเหตุยิงสารวัตรกำนัน  และไปตรวจค้นอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ และได้นำอาวุธปืนจำนวน 2 กระบอก คือขนาด 11 มม. ของนายเม่น  และขนาด .357 ของผู้ตายมาส่งไปตรวจสอบหาร่องรอยการยิง ส่วนปมเหตุนั้นเบื้องต้นทราบว่าน่าจะมาจากเรื่องที่ผู้ตายกับนายเม่นเคยมีปัญหาทะเลาะวิวาทกันมาก่อน  แต่เรื่องดังกล่าวทราบว่ามีการเคลียใจกันไปแล้ว  และเมื่อคืนมาเจอกันที่งานบวชก็มีการมองหน้ากันอีก ก่อนจะออกมาเจอกันที่บริเวณปากซอยเข้าบ้านงานบวช และเกิดโต้เถียงกันจนบานปลายกลายเป็นชกต่อยกันและสารวัตรกำนันได้ชักอาวุธปืน .357 ออกมายิงนายเม่นจำนวน 2 นัดกระสุนเข้าที่บริเวณข้างชายโครง  จากนั้นนายเม่นก็ได้ด้ชักอาวุธปืนขนาด 11 มม.ออกมายิงแต่ปืนขัดลำกล้องซึ่งช่วงจังหวะนั้นผู้ตายได้เกิดล้มลงเพราะบริเวณที่ยืนนั้นเป็นท่อน้ำที่มีตะแกรงเหล็กปิดไว้ทำให้นายเม่นเข้าไปแย่งปืนมาได้ และใช้ปืนของผู้ตายจ่อยิงทันที