บันทึกความทรงจำกับ Boston Marathon 2025

           ปิดฉากการวิ่งฟูลมาราธอนด้วยน้ำตา

\"\"

           เป็นไงมาไงนั้น เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังครับ

           ผมเริ่มวิ่งฟูลมาราธอนครั้งแรก ที่โตเกียว มาราธอนปี 2016 หลังจากที่ไปลองวิ่งมินิ และฮาฟล์ มาได้ 2-3 งาน

           ต้องบอกว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่ชอบกีฬาวิ่งมากที่สุด เพราะรู้สึกว่ามันน่าเบื่อ แต่พออายุมากขึ้น จะหาทั้งเวลา และหาก๊วน ไปตีเทนนิส แบด ปิงปอง พร้อมๆ กันก็ยากขึ้นเรื่อยๆ สังเกตจากน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ทำลายสถิติไปเรื่อยๆ ด้วย \"😳\"

           10 ปีก่อน สำหรับผมการวิ่งไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นการบังคับตัวเองให้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ คุมน้ำหนักได้ ที่สำคัญคือ จะกินอะไรก็ได้ \"😉\" รู้สึกอ้วนเมื่อไหร่ ก็ออกไปวิ่งซัก 2 สัปดาห์ น้ำหนักลดลงไป 2 กิโลได้สบายๆ (ปัจจุบันนี้ ต้องวิ่งเป็นเดือน น้ำหนักถึงลดได้ \"😂\")

           ที่ผมชอบที่สุด เมื่อวิ่งไปซักพัก เหมือนได้นั่งสมาธิ อะไรก็ตามที่ยังติดค้างอยู่ในหัว คำตอบมันเด้งออกมาเอง เฮ้ย! ทำแบบนี้ก็ได้นี่หน่า ไอเดียบันเจิดมาก บางทีมากจนต้องหยุด เอามือถือขึ้นจด เพราะมีหลายครั้ง วิ่งเสร็จ อ้าว \"🤔\" ลืมหมดแล้ว \"😂\" เวลาวิ่งผมจะไม่ใส่หูฟัง เป็นเวลาอยู่กับตัวเองที่ดีที่สุด

           ตัดภาพกลับมาที่โตเกียว มาราธอน 2016 ซ้อมกับตารางครูดิน ไม่ได้มีโค้ชเป็นเรื่องเป็นราว ประสบการณ์ยางแตก เริ่มเป็นตะคริวตั้งแต่โลที่ 21 หวิดโดนรถเก็บกวาดคนวิ่งช้าออกจากงาน แต่รอดมาได้แบบรั้งท้าย จบไปด้วยเวลา 6.30 ชั่วโมง ครั้งนั้นทำให้รู้จักคำว่า “ซ้อมยังไง วิ่งอย่างนั้น” จำได้เลยว่า อากาศวันนั้นดีมาก ตอนซ้อมวิ่งเพซประมาณ 6.30 วิ่งจริง 5 ปลายๆ ถึง 6 ต้นๆ ผ่านมา 20 กิโล คิดในใจ สุดยอดไปเลย อากาศดีแบบนี้ มีลุ้น sub 4 เลยนะ ฝันไปไกล พอถึง 21 โลเท่านั้นแหละ หนังชีวิตก็มา ตะคริวจากต้นขา ก็เริ่มเจ็บไปที่น่อง จากขาซ้าย ก็ลามไปขาขวา ยืดเหยียดก็ช่วยได้นิดหน่อย วิ่งต่อก็กลับมาเป็นอีก เป็นหนักเข้าก็เลยเดินมันซะเลยละกัน \"🥲\" และก็เดินมันจบจบงาน

           หลังโตเกียว มาราธอน ถึงเริ่มรู้จัก World Marathon Majors เออ เจ๋งดีนะ มี 6 งานทั่วโลก 3 งานอยู่อเมริกา บอสตัน ชิคาโก นิวยอร์ค อีก 3 งานนอก อเมริกา ลอนดอน เบอร์ลิน โตเกียว อ้อ ได้ไปวิ่ง + ไปเที่ยวด้วย วิ่งครบ แต่ละงานจะได้ดาวมา 1 ดวง เก็บครบ 6 ดวง จะได้ ได้เหรียญวงๆ เหมือนพอนเดอร์ริง ยังกะการตามหาดราก้อนบอล ได้ครบก็เป็น ซูเปอร์ไซย่า เออ เท่ดีเหมือนกัน แถมได้มาแล้ว 1 ดาว \"⭐️\" ด้วย วิ่งซัก 3 ปี ปีละ 2 งาน ก็จบเกมส์ เอ้าลุยยยยย ไปแก้มือกันดีกว่า

           ก็ไล่เก็บดาวมาเรื่อยๆ ซ้อมเป็นระบบมากขึ้น เริ่มมีโค้ช มีตารางซ้อมส่วนตัว จบนิวยอร์ค มาราธอน 2017 (5.58 ชั่วโมง) ปีเดียวกับพี่ทอมมี่ Tommy Pothikamjorn ในตำนานและหยุดเก็บดาวไปหนึ่งปีคือ 2018 ไปเรียนที่ Stanford ปีนั้นก็เลยได้วิ่ง San Francisco Half Marathon ข้ามสะพาน Golden Gate \"😎\"

           ปี 2019 กลับมาวิ่งใหม่ที่ Berlin Marathon ประทับใจมากนอกจากจะได้ New PB ที่สนามนี้คือ Sub 5 เป็นครั้งแรก (4.58 ชั่วโมง) คือคุณพ่อ และน้องสาวไปวิ่งพร้อมกัน สนามเดียวกัน!!! เพราะสมัคร Family Lottery ไป เลยได้วิ่งพร้อมกัน 3 คน!!! คุณพ่อบอกว่าอยากลองวิ่งดู เพราะตอนไปเชียร์ที่นิวยอร์คสนุกมากๆ ตอนนั้นคุณพ่ออายุ 64 ย่าง 65 แล้ว และวิ่งจบ 5 ชั่วโมงกว่าๆด้วย และน้องสาวก็เริ่มเข้าวงการเก็บดาวมาจนถึงปัจจุบัน \"🤩\"

           จำได้ว่าช่วงปี 2019 ตอนไปนิวยอร์ค มาราธอน เค้าจะมี Backdrop ขึ้นชื่อของคนทั้งโลกที่จบ Six Stars วิ่งครบทั้ง 6 งาน แยกตามรายประเทศ ไปลองนับดูมีคนไทยไม่ถึง 20 คน เอาละ ไฟลุกเลยที่นี้ แต่ความฝันที่จะเก็บดาวแบบรวดเร็วเป็น Top 100 ก็พังทลายลงช่วงโควิด งานเข้าต้องปรับตัว ปรับองค์กร ทำให้ต้องหยุดวิ่ง กว่าจะกลับมาซ้อมได้ ก็ผ่านไป 3 ปี ได้ Lottery อีกที่ชิคาโก มาราธอน จริงๆได้มาตั้งแต่ปี 2020 แต่ติดโควิด พอ 2021 เค้ากลับมาวิ่ง เรายังไม่พร้อมก็เลยขอ Defer ไปอีกปี ที่สำคัญคือชวน ออมไปวิ่งด้วยสำเร็จ ตั้งใจจะไปวิ่งด้วยกัน ถ่ายรูปคู่ เล่นกับกล้องเต็มที่ สรุป 2 สัปดาห์ก่อนแข่ง ออมท้องศิฬา ^^ แต่เราก็ยังบินไปด้วยกัน และออมก็คิดว่าจะวิ่งได้ ลองไปวิ่ง 5K 1 วันก่อนงานก็ยังวิ่งได้ แต่ผมคิดว่าเสี่ยงไป ก็เลยตกลงกันว่าผมวิ่งคนเดียวละกัน

           ข้ามมาปี 2023 เหลืออีกแค่ 2 งาน คือ ลอนดอน และ บอสตัน ผมก็จะจบโรงเรียน Six Stars แปลงร่างเป็นซูเปอร์ไซย่าได้แล้ว ก็เลยต้องเริ่มเข้าวงการ Charity เพราะ ลอนดอน มาราธอน ปล่อย Lottery น้อยมาก และคนสมัครเยอะมาก ได้ยินว่าปีผมนี่ก็ต้องมี 4 แสนคนสมัคร ได้วิ่งจริงแค่ 4 หมื่นคน ส่วนปีนี้ได้ยินว่าสมัคร 7 แสนคน แต่ได้วิ่งจริงเท่าเดิม! ทางออกมีไม่มาก ก็บริจาคเงินให้องค์กรการกุศล หรือไม่ก็ซื้อทัวร์ ผมตัดสินใจบริจาค แม้รวมๆแล้วจะแพงกว่าซื้อทัวร์แต่ก็รู้สึกอิ่มใจ เอาล่ะ เราได้ bib ของลอนดอนมาครองแล้ว ตอนนั้น กำหนดคลอดของออมคือ กลางเดือนพฤษภาคม ลอนดอน มาราธอนเป็นสัปดาห์ที่ 3 ของเมษายน ห่างกันเกือบ 4 สัปดาห์ ปรึกษาสูติแพทย์แล้วบอกว่าไปวิ่งได้เลยยังไม่คลอดหรอก หึๆ \"😏\"

           ผมบินไปลอนดอนตั้งแต่วันพุธ เพื่อปรับตัว + ไปทำงานด้วย เหมือนทุกทริป รอแข่งวันอาทิตย์ รอบนี้ ออมไม่ได้มาด้วยเพราะอายุครรภ์เยอะแล้ว ผมเลยชวนพ่อกับแม่มาด้วย เหตุการณ์ปกติดี โทรคุยกับออมทุกวัน จนประมาณวันศุกร์บ่ายที่ลอนดอน เวลาประมาณ 3 ทุ่มที่ไทย ออมก็โทรมาบอกว่า เหมือนน้ำเดินนะ จะไปโรงพยาบาลเลย ผมตัดสินใจกดตั๋วกลับทันที ยกเลิกประชุมตอนบ่ายที่เหลือทั้งหมด โทรหาพ่อกับแม่ บอกว่าให้เค้าเที่ยวต่อไปก่อน เพิ่งมาได้ 2 วันเอง สรุปว่า ศิฬาคลอด วันที่ผมกลับไปถึงพอดี ทิ้ง bib ลอนดอน มาราธอนปี 2023 ไว้ เดี๋ยวปีถัดไปมาเอาคืน (ฮา) และผมก็พาศิฬากับออมมาลอนดอน มาราธอน 2024 เรียบร้อยในปีที่ผ่านมา

           ตัดภาพอีกครั้งมา 2025 บอสตัน มาราธอน ครั้งที่ 129 งานวิ่งที่เก่าแก่ที่สุดในโลก จัดครั้งแรก ปี 1897 ได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งขันวิ่งมาราธอนครั้งแรกในโลกในกีฬาโอลิมปิคปี 1896

           ความโหดของ บอสตัน มาราธอนคือ นอกจากสนามจะมีเนินมากมาย รวมไปถึงเนินในตำนานอย่าง เนินใจสลาย หรือ Heartbreak Hill แล้ว งานนี้ไม่มี Lottery คือจะได้มาวิ่ง ส่วนใหญ่ต้องเป็น Qualified Runners คือวิ่งไวมากๆ ถ้าเป็นผู้ชาย อายุประมาณ 30 ปี ถ้าผลการวิ่งในอดีตเกิน 3.15 ชั่วโมงก็ไม่ต้องสมัครให้เสียเวลาคณะกรรมการคัดเลือก \"🤣\" รอบนี้ผมโชคดี ได้ไปทานข้าวกับคุณเชษฐ์ แห่ง วิ่งรอบโลก: LET\’S RUN the WORLD เลย ได้สถิติมาเพิ่มว่า

           นักวิ่งทุกปี มีทั้งหมด 30,000 คน ไม่มากไปกว่านี้ และเพิ่มไม่ได้ เนื่องจากความปลอดภัย จุดปล่อยตัวที่เมือง Hopkinton นั้นเป็นเมืองเล็กๆ ถนนไม่ใหญ่มาก ถ้าคนเยอะไปจะอันตราย

           25,000 คน เป็น Qualified Runners 3,800 คนเป็นโควต้าขององค์กรการกุศล มูลนิธิและองค์กรไม่แสวงหากำไรต่างๆ อีกเป็นร้อยแห่ง ซึ่งทุกปี เค้าจะมาคัดเลือกว่า องค์กรไหนจะได้อยู่ในรายชื่อ Official Charity Partners ของงาน บอสตัน มาราธอนบ้าง คิดดูว่า ถ้ามี 100 แห่ง แต่ละแห่ง น่าจะ bib ไปคนละอย่างมากก็ไม่เกิน 30-40 ใบ

           ผมพยายาม สมัครไป เพื่อช่วยเค้าระดมทุน เลือกองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์และโรงพยาบาล องค์กรเหล่านี้ เค้าจะให้เรากรอกใบสมัคร อธิบาย เขียนเรียงความสั้นๆว่า ทำไมถึงอยากช่วยเค้าระดมทุน บางที่ให้เขียนด้วยว่า มีแผนช่วยเค้าระดมทุนอย่างไร จงอธิบาย และบางที่โหดกว่านั้นคือ ต้องเขียนด้วยว่า จะระดมทุนได้เท่าไหร่ ถ้าไม่ได้ตามนั้น เค้าก็ยังจะตัดเงินบัตรเครดิตเราตามจำนวนขั้นต่ำ ที่แต่ละองค์กรตั้งไว้ ผมดูจากสถิติ ส่วนใหญ่ปีนี้ ขั้นต่ำต้องระดมทุนให้ได้ $7,000-$12,000 ผมกรอกใบสมัครไปประมาณ 10 แห่ง คิดว่าน่าจะช่วยเค้าระดมทุนได้ซัก $10,000 ใส่ไปกลางๆ สรุปผม ได้รับการตอบรับมาเพียง 1 แห่ง เป็น Waitlist ด้วย เค้าโทรมาสัมภาษณ์ แล้วก็บอกว่า bib หมดแล้ว แต่ถ้าเค้าได้ bib มาเพิ่มแล้วเค้าจะโทรหา ผมอีเมล์ไปตาม 2-3 รอบ เค้าก็บอกว่า เสียใจด้วย เค้าไม่ได้ bib มาเพิ่มเลยปีนี้

           ถ้าให้ผมแนะนำ วิธีที่ง่ายที่สุด คือซื้อทัวร์ครับ ถ้าซื้อในประเทศไม่ได้ลองไปซื้อของต่างประเทศ ทัวร์ทั้งโลกที่พาคุณไป บอสตัน มาราธอนได้มีทั้งหมด 45 เจ้า ในไทยมีเจ้าเดียว แต่ละเจ้าได้โควต้า ประมาณ 20 ไม่เกิน 30 ใบ รวมกันแล้วไม่เกิน 1,200 ใบ ก็เป็นอันครบ 30,000 คน (25,000 + 3,800 + 1,200 = 30,000)

           เกริ่นมานาน มาเข้า Race Note กันดีกว่า ผมเล่ามาทั้งหมด กับ 5 มาราธอนที่ผ่านมา ถ้าใครได้อ่าน Race Note ครั้งก่อนๆของผม จะรู้ว่าผมมีปัญหาใหญ่ 1 อย่างที่ไม่เคยแก้ได้เลย ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่วิ่งมาราธอนครั้งแรก เป็นปัญหาที่กวนใจ เจ็บใจ ทุกครั้งที่ไปวิ่ง มันคือ “ตะคริว” ครับ

           ไม่ว่าผมจะซ้อมมากแค่ไหน เวท เทรนนิ่งดีแค่ไหน เติมเกลือแร่ ทานเกลือเม็ดยังไง ทุกครั้ง “ตะคริว” จะมาเยี่ยมผมด้วยความรักและคิดถึง ตอนประมาณ 30 กิโลบ้าง 35 กิโลบ้าง

           แต่ครั้งนี้ มันไม่มา!!! ผมไม่มีตะคริวเลยตลอด 42 กิโล เพิ่งได้ลิ้มรสชาติ การวิ่งแบบไม่มีตะคริวมันเป็นอย่างนี้นี่เอง สิ่งเดียวที่ผมทำต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมาคือ “การกิน” สารอาหารและโภชนาการนี่แหละคือคำตอบ

           ประมาณ 3 เดือนล่วงหน้า ผมรู้สึกว่าโปรตีนผมไม่พอ คนเราต้องการโปรตีนประมาณ 1.5-2.0 กรัม/กก. อย่างผมหนัก 85 วันนึงต้องทานอย่างน้อย 127.5 -170 กรัม ตีเฉลี่ยๆกลมๆก็ 150 กรัม ฃต่อวัน ผมพยายามทานให้ได้ตามนี้ตลอด ขาดไปก็เสริมด้วยนมโปรตีนสำเร็จรูป ที่เหลือก็บอดี้เวท สัปดาห์ละ 2 วัน ซ้อมวิ่งสัปดาห์ละ 4 วันตามตาราง WIND Training ของ หมอแป๊ป Phattarapon Atimetin และโค้ชวิน Vince Da Prince บระเจ้า! ผมรู้สึกปลดล้อค เพราะสนามนี้ทุกคนบอกว่า ไม่มีทางที่จะได้ New PB

           สูตรของผม สำหรับ บอสตัน คือ

           1) ก่อนวิ่ง กิน ถ่าย อุ่น
ผมตื่นตั้งแต่ประมาณตีห้าครึ่ง ทานกล้วย โปรตีนเชค ตั้งใจให้ถ่าย จะได้ไม่ต้องวิ่งหาห้องน้ำตอนวิ่งอยู่ รถบัสมารับประมาณ 7 โมงก็ดื่มน้ำผลไม้ นิดหน่อย 8 โมงกว่า จากดาวทาวน์บอสตัน ถึง Hopkinton สถานที่ปล่อยตัว กินขนมปังกับผลไม้ไปอีก 1 ชุด ก่อนปล่อยตัวประมาณ ชั่วโมงครึ่ง รอบนี้ออมเตรียม Poncho คลุมตัวมาให้ด้วย อุ่นตลอดจนถึงปล่อยตัว

           2) ซ้อมยังไง วิ่งอย่างงั้น
ผมซ้อมมาเพซประมาณ 6.30-6.45 ถ้าวิ่ง 6.00 ผมจะเริ่มเจ็บ เหมือนมันคือลิมิตของผม เราต้องรู้ลิมิตตัวเอง

           3) ดาวน์ฮิล อัพฮิล ความเร็วคงที่ ไม่เร่ง ไม่ผ่อน
เริ่มออกตัวจาก เมือง Hopkinton ก็เป็นการไหลลงเขามาเรื่อย ผมพยายามคุมเพซตลอด ช่วงไหนไหลไป 6.15 ก็ชะลอ ช่วงไหนชะลอเยอะไปที่ 7.00 ก็เร่งกลับมา มีหยุดเข้าห้องน้ำ 1 รอบช่วงโลที่ 20 ถือว่าได้พักขาด้วย ประมาณ 1-2 นาที

           4) ทานเจลทุก 30 นาที
หน้าซองเจลจะเขียนว่าให้ทานทุก 45 นาที ผมไปอ่าน Article ของ Elite ท่านหนึ่งที่โตเกียว มาราธอน เค้าบอกว่า ทานทุก 30 นาที ไม่ต้องรอให้หมดแล้วค่อยเติม มันไม่ทัน รอบนี้ตอนซ้อม ผมก็เลย ซ้อมทานทุก 30 นาทีไปเลย

           5)ดื่มน้ำ สลับกับเครื่องดื่มเกลือแร่ตั้งแต่โลที่ 7 ถึง 35
ต้องชม ทีมจัดงานว่า สุดยอดจริงๆ ไม่มีที่ติ อะไรเลย ตั้งแต่มารับ bib ผมมารับวันเสาร์ มีแค่ 1 คิวก่อนหน้า รอไม่ถึง 1 นาที
ตอนปล่อยตัวเป็น Wave ผมอยู่ Wave 2 ก็รอไม่นาน
ตอนวิ่ง ระบบแจกน้ำ มีคู่กับเกลือแร่ทุกครั้ง แจกมันทุก 2 กิโลเลยก็ว่าได้ จนกิโลหลังๆ ผมหยุดดื่มน้ำไปเพราะรู้สึกดื่มเยอะไปละ
มาทราบตอนหลังว่า ทีมงานของ BAA – Boston Athelete Association มีกันแค่ 38 คน ปรบมือซิครับ!!! ทำได้ยังไง ต้องมีประสิทธิภาพขนาดไหน จริงๆเราควรจัดไปดูงานเค้าเลย 55 และเค้าสามารถหาอาสาสมัคร (Volunteer) มาช่วยงานได้อีก 9,500 คน!!! เป็นงานที่คนทั้งเมืองมาร่วมด้วยช่วยกันมากๆ ไม่รวมกองเชียร์อีกตลอดทาง

           6) สเปรย์เย็น
ผมกลัวตะคริวมาก ทุกครั้งจะเตรียมสเปรย์เย็นมาด้วย รอบนี้ พอถึงกิโลที่ 28 ผมเริ่มรู้สึกตึงๆ เลยฉีดกันไว้ทั้งสองขาจนเกือบหมดขวด และโยนทิ้งไปตอนโล 38
เป็นเหตุผลว่า ทำไมในรูปถ่ายผมถึงมีสายรัดพุงอยู่ 2 อัน อันนึงเก็บเจลและมือถือ อีกอันก็สเปรย์และเจลสำรอง
หลังจากผ่านกิโลที่ 30 มา เริ่มเข้าเนินใจสลาย ผมก็ยังคุมเพซเหมือนเดิม ใครอยากแซงก็แซงไป ตลอดทางก็จะมีคนมาทักผม แล้วก็พูดว่า Congratulations เพราะผมติดป้ายไว้ด้านหลังว่า บอสตัน มาราธอน คือ ดาวดวงสุดท้ายของผมแล้วนะ ถ้าเข้าเส้นชัยก่อน ห้าโมงครึ่งสำเร็จ ผมก็จะได้เป็น Six-Star Finisher ตามที่ตั้งใจไว้

           เมื่อถึงโลที่ 40 ผมรู้แล้วว่า รอบนี้ตะคริวอาจไม่มาจริงๆ ถ้ายังประคองร่างและความเร็วแบบนี้ไปได้ ไม่ใช่แค่จบ แต่จะกลายเป็น Personal Best ของตัวเองด้วย ผมก็ยัง พูดกับตัวเองตลอดว่า “ซ้อมยังไง วิ่งอย่างงั้น” ประมาณ 1 กิโลเมตรสุดท้าย ก่อนเข้า Boylston Street ซึ่งเป็นถนนยาวและช่วงกลางๆ ก็คือเส้นชัย ผมเริ่มรวมรวมสมาธิและพลังฮึดสุดท้าย เมื่อเลี้ยวตัดเข้ามาเห็นเส้นชัย ผมใส่ทั้งหมดที่มี และน้ำตามันไหลออกมาเองตอนเข้าเส้นชัย กดหยุดนาฬิกา ที่ 4.47 ชั่วโมง ทำลายสถิติ เวลาที่ดีที่สุดของตัวเองเกือบ 10 นาที ที่ชิคาโก มาราธอน ปี 2022 ไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วนะ ตะคริวเพื่อนรัก นายทำให้เรารู้ว่า “ซ้อม เวท อาหาร” ต้องมาพร้อมกัน ขาดอันใดอันหนึ่งไม่ได้ ความรักก็เช่นกัน \"❤️\"

           อยากให้โพสต์นี้เป็นกำลังใจให้กับทุกคน ที่กำลัง “พยายาม” อยู่

           คุณพยายามทำอะไรมา 10 ปีคุณก็อาจจะรู้สึกว่านาน เหนื่อย ท้อแท้ คิดอยากล้มเลิก

           ลองมองมันใหม่ ว่ามันเป็นการเดินทาง การเรียนรู้ มีความสุขกับทุกอย่างที่เข้ามา เพราะตอนที่วิ่ง ผมไม่ได้ตั้งใจว่าจะทำสถิติใหม่เลย ทุกคนบอกผมว่าสนามนี้มันยาก ผมคิดเพียงอย่างเดียวว่า ผมจะวิ่งให้สนามนี้มีความสุขที่สุดให้ได้ เอ็นจอยกับทุกโมเม้นที่เกิดขึ้น

           ท้ายสุด ผมอยากขอบคุณ สปอนเซอร์หลักของบอสตัน มาราธอน คือ Bank of America ที่ให้โอกาสกับผม ดูแลนักวิ่งทุกคน แบบประทับใจตั้งแต่ก่อนแข่งจนถึงวินาทีสุดท้าย

           ก่อนแข่ง 1 วันมีงานเลี้ยงต้อนรับ ชวนโหลดคาร์บ วันแข่ง พาไปส่งถึงจุดปล่อยตัว มีเต้นท์ที่ควบคุมอุณหภูมิ พร้อมอาหาร เครื่องดื่ม ห้องน้ำไม่ต้องแย่งกับใคร และกิจกรรมพิเศษเช่น เพนท์แขน ขา โดย Artist \"🧑‍🎨\" ผมเขียนชื่อตัวเอง และประเทศไทย \"🇹🇭\" ที่ขาทั้ง 2 ข้าง ใกล้เวลาแข่งเดินไปจุดปล่อยตัวไม่เกิน 1 นาที แถมยังให้มาปล่อยตัวในเวฟ 2 ซึ่งปกติ เป็นของกลุ่มที่วิ่งต่ำกว่า 3 ชั่วโมงแน่ๆ วิ่งจบปุ๊บ มีช่างภาพส่วนตัวมาถ่ายรูป และเอาเหรียญมาให้เลยไม่ต้องไปต่อคิว เสร็จแล้วพาเข้าห้องรับรองที่ Boston Public Library อื้อหือ เค้าจัดได้ถึงจริงๆ กราบขอบพระคุณ Bank of America อีกครั้ง และผมจะเป็นลูกค้าที่ดีตลอดไปฮะ \"🥹\"

           ขอบคุณ ครอบครัว ออม ศิฬา ฝน คุณพ่อ คุณแม่ ที่เข้าใจและสนับสนุน การวิ่งมันใช้เวลาซ้อมเยอะ สัปดาห์นึงไม่ต่ำกว่า 4-6 ชั่วโมง ช่วงพีค อาจเลยไปถึง 7-8 ชั่วโมง ไม่รวมการเตรียมตัว เดินทางจากบ้านไปสนามซ้อม ขอบคุณโค้ช ครูดิน โค้ชวิน โค้ชเดี่ยว หมอแป๊ป พี่บูน Boon Pithon Vithayasricharoen พี่ป้อม Siwat Pom Chawareewong ที่ช่วยมาลากผม เป็นเพื่อนซ้อม เพื่อนวิ่ง แก๊งค์ CEO Runners แฟรงค์ Frank Pumipuntu หมอเอก หมอต๊ะ เพื่อนๆในบ้านครูเท่ง และอีกหลายๆ คน

           หลังจากนี้ผมอาจไม่ได้วิ่งฟูลมาราธอนแบบนี้แล้ว เพราะคิดว่า ร่างกายผม ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อวิ่งมาราธอนยาวๆ แต่รับรองว่ายังได้เจอกัน ตามสวนลุมอยู่แน่ๆ และถ้ามีอะไรสนุกๆ ก็ฝากชวนไปเล่นด้วยครับ

หมอคิด-ศุภชัย ปาจริยานนท์
Six-Star Finisher 2025

ที่มา : Supachai Parchariyanon