เพราะแค้นส่วนตัวของผู้นํา BRN ชีวิตของชาวไทยมุสลิมใน จชต.จึงตกอยู่ในความเสี่ยง !

\"\"

สำนักข่าว UtusanTV มาเลเซีย ได้เขียนบทความหลังจากพบว่าการต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์ของพวกเขาไม่เพียงแต่ถูกเพิกเฉยโดยรัฐบาลไทย แต่ยังถูกปฏิเสธโดยชาวไทยมุสลิมส่วนใหญ่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย กลุ่ม BRN ก็เริ่มใช้มาตรการที่รุนแรงด้วยการสังหารชาวไทยพุทธ 

นับตั้งแต่ต้นเดือนนี้จนถึงวันที่ 4 พฤษภาคม เหตุการณ์ความรุนแรงและการสังหารครั้งแล้วครั้งเล่าได้ดำเนินการโดยกลุ่ม BRN เป็นเรื่องน่าเศร้าที่สุดเมื่อหญิงชราวัย 76 ปีนางสง่า แสงย้อย ยายแก่ตาบอดทั้งสองข้าง ถูกยิงเสียชีวิตโดยกลุ่ม BRN ในพื้นที่อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 

น่าสลดใจอย่างยิ่ง ศพของ นางสง่า แสงย้อย อยู่ในสภาพกอดไม้เท้าของเขาซึ่งเป็นดวงตาของหญิงชรา และมีผู้บาดเจ็บ นายทัศไนย์  ตั้งคง อายุ 42 ปี ลูกชายของเขาก็ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสในเหตุการณ์เมื่อเวลา 15.25 .  

พฤติกรรมที่โหดร้ายและป่าเถื่อนของกลุ่ม BRN ไม่ได้จบลงเพียงแค่นั้น เมื่อประมาณสามชั่วโมงต่อมา กลุ่ม BRN ได้ทำการโจมตีครอบครัวชาวไทยพุทธที่กําลังดูโทรทัศน์ที่บ้านของพวกเขาเมื่อเวลาประมาณ 19.30 . ในพื้นที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส 

เป็นเรื่องน่าเศร้ามาก เมื่อในเหตุการณ์มีผู้เสียชีวิต 3 คน รวมถึงเด็กหญิงอายุ 9 ขวบซึ่งเป็นคนพิการ (ใบ้) ในขณะที่อีกสองคนได้รับบาดเจ็บ 

เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ในเขตอำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี ชางบ้านเสียชีวิตถูกยิงในบ้านของเขา และก่อนหน้านี้ในวันเดียวกันมีการโจมตีด้วยระเบิดโดยกลุ่ม BRN ซึ่งสังหารตำรวจคนหนึ่งที่กําลังติดตั้งกล้องวงจรปิดในหมู่บ้านที่อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส อีกสองคนได้รับบาดเจ็บ 

นอกจากนั้นในวันเดียวกัน กลุ่ม BRN ได้ขว้างระเบิดไปป์บอมบ์สามลูกใส่บ้านชาวไทยพุทธที่อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี แต่ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต 

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นการโจมตีต่อชาวไทยพุทธ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า กลุ่ม BRN ได้เริ่มใช้กลยุทธ์ที่อันตราย เพื่อบรรลุความฝันที่บิดเบือน ซึ่งการกระทำของพวกเขาในการสังหารชาวไทยมุสลิมโดยเฉพาะผู้ที่ทำงานร่วมกับรัฐบาลไทยไม่ได้ผลใด  

\"\"

พวกเขาทำเช่นนั้นเพื่อข่มขู่ชาวไทยมุสลิมให้สนับสนุนอุดมการณ์ของพวกเขา แต่ความพยายามของพวกเขาล้มเหลวเนื่องจากชาวไทยมุสลิมรู้สึกสบายใจมากขึ้นกับรัฐบาลไทยในการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยเพื่ออนาคตที่ดีขี้นของพวกเขา 

ความจริงใจของรัฐบาลไทยที่นําโดย นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในการต่อสู้เพื่อชะตากรรมของชาวไทยมุสลิม ทำให้ชุมชนเหล่านั้นสบายใจ ที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทยมากกว่าที่จะสนับสนุนการต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์ของ BRN 

สถานการณ์เช่นนี้ให้ BRN ใช้วิธีการอย่างรุนแรงด้วยการสังหารชาวไทยพุทธ ที่ต้องการให้ชาวไทยพุทธจะเป็นศัตรูกับชาวไทยมุสลิมเนื่องจาก BRN เป็นกลุ่มก่อการร้ายอิสลาม ในท้ายที่สุดพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยจะยังคงปั่นป่วนเพียงเพราะความรู้สึกที่แก้แค้นซึ่งกันและกัน 

อย่าลืมว่ามีเหตุการณ์การฆาตกรรมต่อชาวไทยมุสลิมหลายครั้งในอดีต ที่สามารถกระตุ้นความรู้สึกไม่พอใจ เช่น เหตุการณ์ที่สมาชิก อส.ถูกยิงเสียชีวิตที่ตลาดเดือนรอมฎอน เมื่อวันที่ 28 มีนาคมปีที่แล้ว และการโจมตีด้วยระเบิดที่อำเภอบันนังสตา ทำให้ครูหญิงเสียชีวิตและมีผู้บาดเจ็บ 34 คน 

แต่จนถึงตอนนี้เรายังไม่ได้ยินจากสมาชิกในครอบครัวของเหยื่อที่เกี่ยวข้องที่ต้องการแก้แค้น เพราะพวกเขารู้ว่ามันไม่เป็นประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นการกระทำของกลุ่ม BRN 

แต่ความขัดแย้ง ความรุนแรง และการสังหารในจังหวัดนี้กล่าวกันว่า เกิดจากความแค้นส่วนตัวของผู้นําอาวุโสของ BRN ที่ลูกชายถูกยิงเสียชีวิตจากการปะทะกับกองกําลังความมั่นคงเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้วในปัตตานี 

นับตั้งแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน 2548 ผู้นําดังกล่าว กล่าวกันว่ามีความไม่พอใจและแก้แค้นต่อรัฐบาลไทยอย่างมาก โดยเฉพาะ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ผู้นําดังกล่าวถือว่า นายทักษิณฯ ต้องรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตลูกชายของเขา 

เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ BRN ใช้ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย พวกเขาไม่มีความตั้งใจที่จะพัฒนาหรือนำความเจริญเพื่ออนาคตของชาวไทยมุสลิม แต่กําลังกลับใช้ชาวไทยมุสลิมเพื่อลุกขี้นต่อสู้และแก้แค้นให้แก่ผู้นำ BRN 

\"\"

\"\"

เป็นเรื่องน่าเสียดายหากผู้คนฆ่ากันเองในขณะที่ผู้นํา BRN ซึ่งเป็นผู้บงการหลักเป็นเพียงผู้ชมและรู้สึกค่อนข้างพอใจกับอาชญากรรมที่เขาก่อขึ้น 

อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ บุคลากรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นชาวไทยมุสลิมหรือชาวไทยพุทธ ก็ยังมีเหตุผล พวกเขาไม่หลงกลที่จะถูกกับดักเพื่อกระทำการก่อร้ายตามความต้องการของกลุ่ม BRN พวกเขาต้องการความสงบสุขและต้องการใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสงบสุข 

ดังนั้นทั้งรัฐบาลไทยและรัฐบาลมาเลเซียที่เป็นผู้อํานวยความสะดวกควรระมัดระวังกลยุทธ์ล่าสุดของ BRN เพราะเป็นอันตรายมาก ทั้งสองฝ่ายไม่ควรรับข้อเรียกร้องใด ของกลุ่ม BRN และต้องจัดให้มีเงื่อนไขที่เข้มงวดหากต้องการดำเนินการตามกระบวนการพูดคุยสันติสุข 

ควรดำเนินการอย่างเข้มงวดกับผู้นํา BRN ไม่ว่าพวกเขาจะหลบซ่อนอยู่ที่ไหน การแสดงโดยนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย Datuk Seri Anwar Ibrahim ที่เข้มแข็ง ที่ยืนยันว่าประเทศมาเลเซียไม่ประณี ประนอมหรือปกป้องผู้ที่ก่อการร้าย เป็นการตัดสินใจถูกต้องและกล้าหาญ 

จุดยืนของอันวาร์ ที่แสดงออกระหว่างการพบปะกับ นางสาวแพทองธาร ที่กรุงเทพฯเมื่อเร็ว นี้ ควรเป็นสัญญาณให้ผู้นํา BRN ทราบว่า มาเลเซียไม่ใช่เขตปลอดภัยสำหรับพวกเขาในการลี้ภัย นอก จากนั้น ยังพิสูจน์ให้เห็นว่ามาเลเซียเกลียดการก่อการร้ายและจะไม่สมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มก่อการร้าย 

สรุปได้ว่ากลุ่ม BRN กําลังพยายามยั่วยุและปลุกเร้าความรู้สึกไม่พอใจระหว่างประชากรทางศาสนาที่แตกต่างกันในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยหากสถานการณ์ยังคงดำเนินต่อไปกระบวนการพูดคุยสันติสุขที่ต้องการดำเนินการก็ไร้ประโยชน์ 

ยิ่งแย่และเลวร้ายกว่านั้น เมื่อมีผู้นํา BRN ที่ต้องการทำให้พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยเป็นสนามการแก้แค้นของพวกเขาถึงแม้ว่าต้องแลกกับชีวิตของประชาชนเป็นการเดิมพัน