ตม.สงขลา ไล่สกัดจับ \”ผัว-เมีย\” ต่างด้าว หัวใส รับขนเพื่อนร่วมชาติส่งแคมป์คนงานในเมืองสงขลา

ตม.สงขลาไล่สกัดจับ ผัว-เมีย ต่างด้าวหัวใสรับขนเพื่อนร่วมชาติส่งแคมป์คนงานในเมืองสงขลา เช็กประวัติพบโอเวอร์สเตย์ แถมยังออกนอกพื้นที่ขออนุญาต

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 6 พ.ค.68 พ.ต.ท.พัฒนพงษ์ โรจนวานิชกิจ และ​ พ.ต.ท.พงษ์ศิริ พิทักษ์ สว.ตม.จว.สงขลา นำกำลัง ตม.จ.สงขลา ไปจับกุมขบวนการลักลอบขนแรงงานหลบหนีเข้าเมืองปิดกฎหมาย หลังได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า มีรถยนต์ 2 คัน กำลังลักลอบแรงงานเข้าในพื้นที่จังหวัดสงขลา โดยใช้ถนนสาย 408 เดินทางจากจังหวัดนครศรีธรรมราชมายังจังหวัดสงขลา จึงประสาน สภ.ชุมพล ร่วม จับกุมโดยวางแผนสกัดจับรถทั้ง 2 คัน กระทั่ง พบรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีอาร์วี สีเทา หมวดทะเบียนสุราษฎร์ธานี กำลังขับผ่านหน้าวัดเจดีย์งาม ชุดจับกุมจึงไล่ติดตามจนถึงหน้าปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ตำบล สนามชัย อำเภอ​สทิงพระ จังหวัดสงขลา จึงเรียกให้หยุดรถ และแสดงตัวเป็นตํารวจ ขอตรวจเอกสารหนังสือเดินทางและใบอนุญาตขับขี่ ปรากฏว่า พบนางปาน อายุ 43 ปี บุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน แต่มีที่อยู่ในพื้นที่ หมู่ 2 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี และในรถมีชาวเมียนมา หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย 6 คน นั่งแออัดอยู่

ซึ่งนางปาน รับว่า มีรถนําพาแรงงานชาวเมียนมา มาด้วยกัน 2 คัน โดยอีกคันเป็นรถกระบะสีขาว หมวดทะเบียนสระบุรี เจ้าหน้าที่จึงกระจายกําลังไล่ติดตามรถอีกคัน ก่อนพบว่า ขับตามหลังห่างกันประมาณ 10 กิโลเมตร จึงเรียกให้หยุด เพื่อขอตรวจค้น พบนายนายวิน อายุ 32 ปี สัญชาติเมียนมา เป็นผู้ขับขี่ ซึ่งนายวิน เป็นสามีของนางปาน และในรถยังพบแรงงานชาวเมียนมา หนีเข้าเมือง 6 คน

จากการสอบสวน นางปาน และ นาย วิน ให้รับสารภาพว่า ไปแรงงานหลบหนีเข้าเมืองชาวเมียนมาทั้งหมด จากสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อไปส่งที่บริเวณแคมป์ก่อสร้าง ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ซึ่งจะได้ค่าจ้าง 1,500 บาทต่อคน และจะรับเป็นเงินสดจากคนต่างด้าวเมื่อส่งถึงปลายทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบสถานะของทั้ง 2 คน พบว่า นางปาน เป็นคนไม่มีสถานะทางทะเบียน มีภูมิลําเนาอยู่ที่ จังหวัดกาญจนบุรี สามารถอยู่ในราชอาณาจักรได้ ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 4 สิงหาคม 2559 เรื่อง การกําหนดเขตพื้นที่ควบคุมและการอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจําพวกที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการ ชั่วคราวออกนอกเขตพื้นที่ควบคุม ฉะนั้นการเดินทางออกนอกเขตต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่ นางปาน รับสารภาพว่า เดินทางออกมาจากจังหวัดกาญจนบุรีโดยไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าพนักงาน ฝ่ายปกครอง ส่วนนายวิน มีหนังสือเดินทาง ที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทย ได้ถึงวันที่ 13 ก.พ.2568 แต่ยังไม่ได้ต่ออนุญาต จึงอยู่ในราชอาณาจักรเกินกําหนด เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาทั้ง 2 คน ข้อหา ร่วมกันให้การช่วยเหลือ ให้ที่พักพิงซ่อนเร้นหรือ ช่วยเหลือด้วยประการใดๆให้คนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาผิดกฎหมายเพื่อให้พ้นจากการจับกุมของพนักงาน เจ้าหน้าที่และแจ้งข้อหา นางปาน เพิ่มเติมข้อหา เป็นคนต่างด้าวหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตาม ขัดขืน หรือไม่ ยอมรับทราบคําสั่งของรัฐมนตรี คณะกรรมการ อธิบดี หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งคณะกรรมการมอบหมายซึ่งสั่ง การแก่คนต่างด้าวผู้นั้นตามพระราชบัญญัตินี้  และแจ้งข้อหาเพิ่มเติมนายวิน ข้อหา เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด

ขณะที่เจ้าหน้าที่สอบสวน แรงงานชาวเมียนมา หลบหนีเข้าเมือง ให้การผ่านล่ามรับว่า ต้องการมาลักลอบทํางานที่ประเทศไทย โดยเดินทางเข้าไทยผ่านช่องทางธรรมชาติชายแดนไทย-เมียนมา ด้านจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 4 พ.ค.  จากนั้นก็มีรถมารับไปส่งตามจุดนัดหมายต่างๆ หลายจุด และยังเปลี่ยนรถอีกหลายคัน จนเดินทางด้วยรถทัวร์ ถึงที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดสุราษฎร์ธานี และมีนางปาน กับนายวิน มารับ ก่อนจะถูกจับกุมได้ ทั้งนี้พวกตนตกลงค่าเดินทาง 15,000 บาทต่อคน โดยจะจ่ายเมื่อถึงปลายทางแล้วเท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาต” จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ชุมพล ดำเนินคดี

\"\" \"\" \"\" \"\"