วันที่ 7 พฤษภาคม 68 จากการแพร่ระบาดของเชื้อแอนแทรกซ์ ที่จังหวัดมุกดาหาร ได้ส่งผลมาถึงจังหวัดนครพนมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะยังไม่พบการระบาดในพื้นที่ แต่บรรยากาศการค้าขายเนื้อวัว และเมนูยอดนิยมอย่างก้อยเนื้อดิบซบเซาอย่างเห็นได้ชัด
นายยุทธนา ซึมเมฆ อายุ 61 ปี เจ้าของเขียงเนื้อและร้านขายก้อยเนื้อวัว ต้มเนื้อ ที่ตลาดบ้านภูกระแต อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม กล่าวถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นว่า \”ตั้งแต่มีข่าวโรคแอนแทรกซ์ ลูกค้าลดลงไปกว่าครึ่ง จากที่เคยขายหมดเกลี้ยงแทบทุกวัน ตอนนี้เนื้อสดเหลือเกินครึ่ง ต้องลดราคาจากกิโลกรัมละ 280-300 บาท เหลือ 260 บาท เนื้อติดโครงก็ลดจาก 250 บาทเหลือ 200 บาท ก็ยังขายไม่ค่อยออกถ้าเหลือก็ไปทำเนื้อตากแห้ง ส่วนเนื้อต้มก็ลดลงจากวันละ 50 กิโลกรัม เหลือไม่ถึง 30 กิโลกรัม ก้อยเนื้อดิบที่เคยขายได้วันละ 8 กิโลกรัม ตอนนี้เหลือแค่ 4 กิโลกรัม ทั้งๆ ที่เนื้อของเราสะอาด เลี้ยงตามมาตรฐาน มีคุณภาพ และผ่านการตรวจสอบจากปศุสัตว์ทุกขั้นตอน\” สถานการณ์ที่น่าสนใจคือ ในขณะที่ยอดขายเนื้อวัวและก้อยเนื้อดิ่งลงเหว ร้านขายเนื้อหมูกลับคึกคักเป็นพิเศษ แม้ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 130-140 บาท เป็น 170-190 บาท แต่ก็ยังมีลูกค้าเข้าแถวซื้ออย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของผู้บริโภคที่หันไปเลือกบริโภคเนื้อหมูแทน ด้าน นายสามารถ อ่อนสองชั้น ปศุสัตว์จังหวัดนครพนม ได้ออกมาตรการเร่งด่วน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด โดยเน้นย้ำการเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าสัตว์จากพื้นที่เสี่ยง พร้อมกำชับให้เกษตรกรเฝ้าระวังสัตว์เลี้ยงอย่างใกล้ชิด หากพบอาการผิดปกติให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำให้ผู้บริโภคปรุงสุกเนื้อสัตว์ทุกครั้งก่อนรับประทาน และงดบริโภคเนื้อวัว ควาย แพะ แกะดิบในช่วงนี้ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ถึงแม้สถานการณ์ในนครพนมจะยังไม่น่ากังวลเท่ามุกดาหาร แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้ประกอบการร้านขายเนื้อวัวและก้อยเนื้อนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้ ความหวาดระแวงในหมู่ผู้บริโภคส่งผลให้ยอดขายลดลงอย่างมาก แม้จะมีการยืนยันถึงมาตรฐานและความปลอดภัยของสินค้าก็ตาม มาตรการป้องกันและเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและป้องกันความเสียหายทางเศรษฐกิจ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต