
สำนักข่าว UtusanTV มาเลเซีย ได้เขียนบทความหนึ่ง สะท้อนความรุนแรงในช่วยเดือนรอมฎอนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย กรณีการกระทำการก่อการร้ายของกลุ่ม (BRN) ในช่วงเดือนรอมฏอน ทำให้ชีวิตของผู้บริสุทธิ์สูญเสีย และยังคงทำลายความฝันในการสร้าง “เดือนรอมฎอนสันติ” ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย
กลุ่ม BRN “เฉลิมฉลอง” 10 คืนสุดท้ายของเดือนรอมฎอนโดยกระทำการชั่วร้าย เมื่อพวกเขายิงเจ้าหน้าที่ทหารพรานสามคนที่อยู่ในบริเวณมัสยิดเมาะตูรอ บ้านย่อยของบ้านจะแนะ หมู่ 2 ต.จะแนะ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 28 มีนาคม เวลา19.15 น. ขณะที่พวกเขากําลังร่วมพิธีละถือศีลอดกับชาวบ้าน
การกระทำที่โหดร้ายนี้ถูกประณามโดยประชากรมุสลิมที่เบื่อหน่ายกับพฤติกรรมและการหลอกลวงของ BRN สองวันก่อนเกิดเหตุนั้น BRN ได้ส่อสันดานตัวเองถึงพฤติกรรมที่ชอบโกหกหลอกลวง โดยการแขวนผ้าเตือนใจ ในพื้นที่อำเภอปานาเระจังหวัดปัตตานี ถึงพี่น้องปาตานีให้ตระหนักเลือกข้างในสถานการณ์ความขัดแย้งข้อความบนป้ายผ้าเริ่มต้นด้วยถ้อยคำทักทาย
“อัสลามูจะลัยกุม ไม่มีผู้ใดในพวกท่านที่ศรัทธาสมบูรณ์ จนกว่าเขาจะรักให้พี่น้องของเขา เช่นเดียวกับที่เขารักเพื่อตัวเอง\” (บันหักโดย อัล–บคอรีและมุสลิม)
ถึงพี่น้องร่วมศาสนา ร่วมชาติ และร่วมแผ่นดินปาตานี เราขอส่งจดหมายฉบับนี้เพื่อเตือนสติและให้คำแนะนำซึ่งกันและกัน เพื่อให้พี่น้องได้ไตร่ตรองให้ดีเกี่ยวกับการเลือกของท่าน หากท่านเลือกเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังติดอาวุธในรูปแบบใดก็ตามที่เป็นของกาเฟรฮัรบี ในปาตานี และหากท่านยังคงเลือกที่จะถืออาวุธร่วมกับกาเฟรฮัรบี ก็อย่ามากล่าวโทษเราว่าไร้สติหรือใช้ความรุนเเรงอย่างไม่ถูกต้อง อินชาอัลลอฮ์ ขอให้พี่น้องที่ได้รับจดหมายฉบับตระหนักรู้ และเป็นชาวมลายูปาตานีผู้ศรัทธาที่แท้จริง ห่างไกลจากการกระทำที่ขลาดเขลาและนิสัยของคนมุนาฟิก
นี่คือ “คำแนะนํา” และคําเตือนที่มอบให้กับประชากรมุสลิม แต่คําถามคือรัฐบาลไทยถูกจัดประเภทเป็น Kafir Harbi จริงหรือไม่? ฝ่าย BRN ที่คาดว่าต่อสู้เพื่อชะตากรรมของชาวไทยมุสลิมเข้าใจความหมายของ Kafir Harbi หรือไม่? รัฐบาลไทยกําลังต่อสู้กับชาวมุสลิมหรือไม่? ชาวไทยมุสลิมกี่คนที่ถูกขับไล่ออกจากบ้านเกิด? มีชาวไทยมุสลิมกี่คนที่ถูกสังหารโดยกองทัพไทย?
ที่เรารู้รับก็คือฝ่ายที่ขัดขวางก่อกวนชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยมุสลิม ที่แท้จริงในพื้นที่ถาคใต้ของประเทศไทยคือ BRN! คนที่ฆ่าชาวไทยมุสลิมที่ทำงานฮาลาลกับรัฐบาลไทยคือ BRN! สิ่งที่บ่อนทำลายความพยายามในการสร้างสันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยก็คือ BRN?
ในทางตรงการข้าม ผู้ที่ปกป้องชะตากรรมของชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยคือรัฐบาลไทย! ใครพยายามสร้างสันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยเพื่อให้ชาวไทยมุสลิมอยู่อย่างสงบสุขคือรัฐบาลไทย? คนที่ยังคงเต็มใจที่จะพูดคุยกับ BRN แม้ว่าฝ่าย BRN มักจะผิดสัญญาก็คือรัฐบาลไทย!
ดังนั้น BRN อ้างถึงคัมภีร์เล่มใด BRN อ้างถึงบกบัญญัติข้อใด BRN ใช้ฟัตวาใดกล่าวหารัฐบาลไทยว่าเป็น Kafir Harbi?
หากรัฐบาลไทยมีพฤติกรรมหรือขับไล่ชาวไทยมุสลิมที่เป็นหนึ่งในประเภทที่ถือว่าเป็นKafir Harbi มันคงเป็นเวลานานแล้วที่กลุ่ม BRN จะถูกกําจัดออกจากประเทศไทย
นี่คือมุมมองของนักวิเคราะห์การเมืองจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยเกี่ยวกับการพัฒนาล่าสุดในพื้นที่ดังกล่าว พิสูจน์ได้ชัดเจงว่าเหตุการณ์ที่มัสยิดเมาะตูรอนั้นเป็นการกระทำ ของกลุ่ม BRN ที่ทำการโจมตีด้วยอาวุธต่อเจ้าหน้าที่ทหารพรานสามคนที่กําลังละศีลอดที่มัสยิดเมาะตูรอ บ้านย่อยของบ้านจะแนะ หมู่ 2 ต.จะแนะ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 28 มีนาคมเวลา 19.15 น. เป็นการกระทำที่โหดร้ายที่สาปแช่งโดยองค์อัลลอฮฺเจ้า
หรือว่า กลุ่ม BRN ไม่มีความรู้สึกของการเป็นมนุษย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทั้งสามคนเพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจปกป้องความปลอดภัยในเดือนรอมฎอน ยังมีกลุ่มที่มีจิตใจที่โหดร้ายด้วยการหลั่งเลือดของพี่น้องอิสลามด้วยกันอย่างต่อเนื่อง
ก่อนหน้านี้กลุ่ม BRN ได้แขวนผ้าขนาดใหญ่ในอำเภอสายบุรี จังหวัด ปัตตานี เชิญชวนให้ชาวไทยมุสลิมอดทนในการปฏิบัติการศาสนกิจในช่วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมาฏอน โดยการอธิษฐานต่อองค์อัลลอฮฺเจ้าเพื่อให้ได้รับการให้อภัยและพรอันประเสริฐสุด
แต่น่าเสียดายที่ (กลุ่ม) ที่เรียกร้องเชิญชวนนั้น ปฏิบัติไม่เหมือนกับที่เขา เรียกร้องเชิญชวน แต่กลุ่มBRN ก็ยังคงกระทำการก่อการร้าย โดยเรียกร้องให้คนหนุ่มสาวฆ่าและทำการโจมตีด้วยระเบิดโดยสัญญาว่าพวกเขาจะได้รับผลบุญ 1,000 เท่า หากพวกเขาถูกฆ่า และถือว่าพวกเขาพลีชีพเพื่ออัลเลาะห์
ชาวไทยมุสลิมส่วนใหญ่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยโกรธและหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าทําไมกลุ่ม BRN ฆ่าเพื่อนมุสลิมในช่วงเดือนรอมฎอน สิ่งที่แปลกคือแม้ว่าจะมีพลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บมนเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดจากการกระทำของกลุ่ม BRN แต่พวกเขายังเรียกร้องให้ชาวไทยมุสลิมมองว่าเป็นเรื่องปกติที่ภาคประชาสังคมต้องเผชิญในสงคราม
อย่างไรก็ตาม หากสมาชิกฝ่ายแบ่งแยกดินแดนคนใดถูกสังหาร ถือเป็นการกดขี่และละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลไทย หลังจากยุติการพูดคุยสันติภาพ กลยุทธ์ของผู้นํากลุ่ม BRN ถูกเปิดเผยว่าในความเป็นจริงแล้วผู้นำกลุ่ม BRN กําลังใช้ชีวิตของชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยเป็นเดินพันเพื่อบรรลุวาระส่วนตัวของพวกเขา
คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ในบรรดาผู้นำกลุ่ม BRNที่อยู่ภายนอกใช้ความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยเพื่อระดมทุนและมีการพูดว่า ได้เก็บไว้ในกระเป๋าของพวกเขา มีชีวิตอย่างหรูหรา บ้านใหญ่ โต บินไปมา เปลี่ยนรถใหม่และอื่น ๆ ในทางตรงกันข้ามกลุ่มนักรบในพื้นที่ถูกเรียกร้องให้เสียสละชีวิตที่เรียบง่ายเพื่อ “ขับรถสามล้อ” ญิฮาด บางคนยังใช้ความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดภาคใต้ของประเทศไทยเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว โดยสัญญาว่าหากข้อเรียกร้องของพวกเขาได้รับการตอบสนองสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะยุติลง
คําถามที่เกิดขึ้นก็คือว่า ทุกครั้งที่มีการพูดคุยระหว่างผู้นําระดับสูงของกลุ่ม BRN กับตัวแทนของรัฐบาลไทย คําตอบที่ได้รับคือ “ไม่แน่ใจ” “ไม่สามารถรับประกันได้” ที่จะหยุดความรุนแรง หากเป็นเช่นนั้น การตัดสินใจของรัฐบาลไทยในการเลื่อนการแต่งตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยสันติภาพเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดและถูกต้อง
ไม่จำเป็นต้องกลับมาพูดคุยสันติภาพอีกครั้ง ตราบใดที่กลุ่ม BRN ไม่สามารถควบคุมหรือตั้งใจที่จะยุติความรุนแรงเพื่อให้กระบวนการสันติภาพกลับมาดำเนินต่อไป
ชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยสนับสนุนและแสดงออกอย่างแรงกล้าว่า การพูดคุยสันติสุขมีประโยชน์อะไร ซึ่งความเป็นจริงแล้วเรามีชีวิตอย่างสงบสุข
กลุ่ม BRN เป็นก่อให้เกิดความรุนแรงทั้งหมดในขณะที่ฝ่ายรัฐบาลไทยได้ให้ความยุติธรรมและพัฒนาความก้าวหน้าของประชาชนรวมถึงชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย แต่กลับกลายเป็นว่าถูกปฏิเสธโดยกลุ่ม BRNอย่างสิ้นเชิง
ก่อนที่ประตูการพูดคุยจะถูกปิดลงอย่างมิดชิด โอ้ ผู้นําของกลุ่ม BRNโดยเฉพาะผู้นำของปีกฝ่ายทหาร จงรับฟังคําเรียกร้องของชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยกว่า 4 ล้านคน ที่ต้องการความสงบสุขที่ยั่งยืน จงอย่ากระทำการตามอำเภอใจด้วยการหลั่งเลือดของเพื่อนมุสลิมด้วยกัน
จงได้สำนึกเถิด ก่อนที่ความเกลียดชังของชาไทยมุสลิมที่มีต่อกลุ่ม BRN จะยิ่งทวีคูณให้เราร่วมกันละทิ้งการต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์ เพื่อให้ชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จัวหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยก้าวหน้าและเจริญรุ่งเรืองในดินแดนแห่งการกำเนิดของผู้อันประเสริฐ
นั่นคือมุมมองของอาจารย์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว หวังว่าจะทำให้กลุ่ม BRN ได้ตระหนักถึงสิ่งที่พวกเขากําลังทำอยู่เป็นการต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์ พวกเขาต้องเข้าใจว่าในยุคที่เทคโนโลยีสารสนเทศ ประชากรมุสลิมโดยเฉพาะกลุ่มยาวชนสามารถรับข้อมูลที่แท้จริงได้
พวกเขาสามารถแยกแยะได้ว่า ใครที่เป็นผู้ปกป้องชะตากรรมของชาวไทยมุสลิมที่แท้จริง และกลุ่มใดที่ยังคงก่อการร้ายอย่างต่อเนื่องที่ทำให้ให้ชีวิตของชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ต้องประสบความทุกข์ยากลำบาก …..