ตร.ไซเบอร์ภาค 5 ล่าจับแก๊งหลอกออนไลน์

เชียงราย-เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (PCT) ภ.5 และ กก.วิเคราะห์ข่าว บก.สส.ภ.5 ได้ติดตามสืบทราบเครือข่ายอาชญากรรมทางเทคโนโลยี \”เครือข่ายกลุ่มกดเงิน\” ในพื้นที่ จ.เชียงราย

 

วันที่ 19 ก.พ. 2568  เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (PCT) ภ.5 และ กก.วิเคราะห์ข่าว บก.สส.ภ.5 ได้ติดตามสืบทราบเครือข่ายอาชญากรรมทางเทคโนโลยี \”เครือข่ายกลุ่มกดเงิน\” ในพื้นที่ จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากธนาคารพาณิชย์ ว่ามีบัญชีธนาคารถูกนำไปใช้ในการหลอกลวงออนไลน์ ทั่วประเทศ และบางส่วนได้ถอนเงินผ่านตู้กดเงินสดหรือ ATM เป็นจำนวนมากในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ มีเงินหมุนเวียนกว่า 24 ล้านบาท  เจ้าหน้าที่สืบสวนทราบว่า  กลุ่มบัญชีดังกล่าวถูกนำไปใช้หลอกลวงผู้เสียหายที่  จ.ลำพูน โดยการหลอกลวงขายสินค้า และบริการแต่ไม่มีสินค้าให้จริง  ส่วนเงินสดนำเข้าเปิดบัญชีม้า และไปกดเงินออกตู้ ATM นำไปฝากในบัญชีหนึ่งจำนวน 6 ราย พบมีบอสใหญ่คอยรับเงินเป็นคนสุดท้าย อยู่ที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา

 

เจ้าหน้าที่จึง ได้ขออนุมัติหมายจับจากศาล จ.ลำพูน และศาล จ.เชียงใหม่ ในฐานความผิด \”ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ  โดยเกิดความเสียหายต่อประชาชน\”  จากนั้นนำกำลังตามไปจับกุมได้ตามสถานที่ต่างๆ คือ น.ส.ดวงกมล อายุ 18 ปี และ น.ส.จอ อายุ 31 ปี ทั้งคู่เป็นชาวสัญชาติเมียนมา อาศัยอยู่ ต.สันป่าเป้า อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง รถยนต์เก๋ง 1 คัน เสื้อผ้าที่สวมไปกดถอนเงิน 2 ชุด สมุดบัญชีธนาคาร 9 เล่ม บัตร ATM 8 ใบ รถจักรยานยนต์ 1 คัน เงินสดประมาณ 1,600,000 บาท

 

นอกจากนี้ยังจับกุมนายอดิศร อายุ 29 ปี ชาว ต.สันนาเม็ง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 26 เล่ม บัตร ATM  1 ใบ เอกสารสลิบฝากเงิน 5 ฉบับ ซิมการ์ด 2 อัน กระเป๋าใส่เงิน 1 ใบ น.ส.ณัฐณิชา อายุ 22 ปี ชาว ต.โรงช้าง อ.ป่าแดด จ.เชียงราย พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง นายเสาร์คำ อายุ 33 ปี ชาว ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง  ชุดใส่กดเงิน 1 ชุด และ น.ส.วิไลพร อายุ 29 ปี ชาว ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง

 

สอบสวนเบื้องต้น   ทั้งหมดให้การสอดคล้องกันว่าได้พบการโฆษณาหารายได้ทางออนไลน์ และมีการให้ใช้แอพพลิเคชั่นเทเลแกรมพูดคุยกับชื่อ “นักทำลายใต้หว่างขา” ซึ่ง \”นักทำลายใต้หว่างขา\” แจ้งให้ทำงานคอยกดเงินสดออกจากบัตร ATM เพื่อแลกกับค่าตอบแทนต่อจำนวนเงินที่กดออกมา 1% โดยให้กดเงินออกมาเฉลี่ยครั้งละ 500,000-600,000 บาท ทำให้แต่ละคนมีรายได้ครั้งละ 5,000-6,000 บาท เริ่มทำงานมาตั้งแต่เดือน พ.ย.-ธ.ค.2567 เมื่อกดเงินสดออกมาแล้วก็ให้นำไปฝากต่อตามบัญชีที่ \”นักทำลายใต้หว่างขา\” แจ้งให้ทราบ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย.\"\" \"\" \"\" \"\"