ครป. ผิดหวังการเมืองน้ำเน่าบ่อเดิม แนะรัฐบาลเดินหน้าออกจากหล่ม พร้อมสังคายนา สว. สังกัดพรรค ขัดรัฐธรรมนูญ!
1. ผิดหวังการทำหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาทุกคนที่เพิกเฉยต่อการแก้ปัญหาประเทศจากต้นเหตุของรัฐธรรมนูญทหาร และเป็นการเมืองน้ำเน่าบ่อเดียวกันซ้ำรอยสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่พรรคเพื่อไทยต่อว่าว่าคุมเสียงข้างมากไม่ได้ทำให้สภาล่ม ขณะนี้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเสียเอง จะต้องกำหนดมาตรการต่อพรรคร่วมอย่างจริงจัง อย่าให้ประชาชนผิดหวังซ้ำรอย และทำให้นายกรัฐมนตรีหมดความชอบธรรมที่จะดำรงตำแหน่งต่อไป
2. ขอยืนยันว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ตามมาตรา 256 นั้น กำหนดให้มีการประชามติแค่ครั้งเดียวเท่านั้นเพื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256 วรรค 8 หลังจากมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เรียบร้อยแล้ว จะจัดให้มีการประชามติอีกรอบเพื่อความชอบธรรมของระบบนิติรัฐก็ได้ ซึ่งก็เท่ากับ 2 ครั้งเท่านั้น หวังว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าตามนโยบายของรัฐบาล เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256 ตั้ง ส.ส.ร. โดยไม่ต้องรอประชามติ พิสูจน์ตนเองไม่ต้องการสืบทอดอำนาจระบอบเดิม ถ้าหากทำได้เร็ว สั้นกระชับ ก็สามารถสร้างกติกาทันการเลือกตั้งครั้งใหม่ในปี 2570 ส่วนอุปสรรคจากพรรคร่วมและเสียง สว. สามารถกดดันพรรคร่วมรัฐบาลเพียงพรรคเดียวได้ที่คุมเสียง สว. อยู่ อย่าให้เกิดขึ้นอีก
3. ข้ออ้างเรื่องกลัวผิดกฎหมายและขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญของกลุ่มการเมืองสีน้ำเงินฟังไม่ขึ้น การประชามติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 นั้น นักกฎหมายน่าจะเข้าใจดีว่าศาลมีมติเสียงข้างมากวินิจฉัยว่า รัฐสภามีอำนาจและหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ ซึ่งหมายถึงรัฐสภาให้มีการตั้งกรรมาธิการร่างใหม่เลยโดยไม่ต้องมี ส.ส.ร .ก็ได้ แต่ต้องจัดทำประชามติ 2 ครั้ง ครั้งแรกให้ประชาชนลงมติว่าต้องการให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญเก่าผ่านประชามติมาในสมัย คสช. และครั้งที่ 2 เมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ต้องจัดให้มีการลงประชามติว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งไม่เกี่ยวกับการเสนอร่างกฏหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256 (8) ซึ่งรัฐบาลสามารถเสนอกฎหมายนี้ได้เลยตามที่หาเสียงไว้ และตรงกับความเห็นของนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
4. ปัญหาในขณะนี้ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ซึ่งเป็นนอมินีของพรรคการเมืองหนึ่ง เป็นอุปสรรคในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะออกมาต่อต้านตามแนวทางของพรรคการเมืองต้นสังกัด ซึ่งถือว่าขัดรัฐธรรมนูญและโครงสร้างการเมืองไทย หากเป็นเช่นนี้ต่อไประบบรัฐสภาก็เดินต่อไปไม่ได้ เพราะพรรคการเมืองในฝ่ายบริหารกินรวบนิติบัญญัติ และกำกับสภาสูงให้เดินตามด้วย เรื่องนี้จะต้องมีการปฏิรูปวุฒิสภาขนานใหญ่ ต้องเป็นอิสระจากพรรคการเมืองและทำหน้าที่เพื่อปวงชนชาวไทย ที่ผ่านมามีการเลือกตั้งฉ้อฉลครั้งใหญ่ ขอสนับสนุนให้ กกต.เร่งรัดคดี และนำไปสู่การเลือกตั้ง สว. ใหม่ที่โปร่งใส โดยมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น
5. การปฏิรูปการเมืองหลังรัฐประหาร ต้องส่งเสริมรัฐบาลพลเรือนเดินหน้าเพื่อประชาธิปไตย และปฏิรูประบบรัฐสภาให้ทำหน้าที่ออกกฎหมายแก้ไขสิ่งเก่า สร้างสิ่งใหม่ให้เกิดขึ้น การทำลายล้างทางการเมืองแบบเก่าเพื่อรวบอำนาจทำให้ชาติบ้านเมืองล้าหลังและติดหล่มเหมือนเดิม กรณี ป.ป.ช. เรียก สส. รับทราบข้อกล่าวหาที่เสนอร่างแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ซึ่งเป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาทำหน้าที่นิติบัญญัติ ถ้าเกิดการตัดสิทธิ์ 44 สส. จริง น่าจะเป็นฟางเส้นสุดท้าย เหมือนตอนยุบพรรคอนาคตใหม่
โดย เมธา มาสขาว รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)
https://www.facebook.com/share/p/1DR7MthYz8/