สงขลา – ผอ.รพ.สะบ้าย้อย เผย การดูแลพระ-เณรหลังเหตุยิงไม่ใช่แค่รักษา แต่เพื่อความปลอดภัย-เยียวยาจิตใจ ชี้ทางออกเดียวต้องเจรจาอย่างจริงใจ หากหวังเห็นสันติภาพในชายแดนใต้
ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังเหตุยิงสามเณรที่อำเภอสะบ้าย้อย จ.สงขลา เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 ที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่าสันติภาพในพื้นที่ชายแดนใต้ยังคงห่างไกล
สามเณรที่ถูกยิงเสียชีวิตหลังเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสะบ้าย้อย ก่อนส่งศพชันสูตรที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ส่วนพระและเณรอีก 5 รูปที่อยู่ในรถคันเดียวกัน มีเพียงหนึ่งรายที่บาดเจ็บเล็กน้อย ทั้งหมดพักรักษาตัวในห้องพิเศษรวมเพื่อความปลอดภัยและการเยียวยาทางจิตใจ
นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย กล่าวว่า “การอยู่โรงพยาบาลมีความหมายมาก ไม่ใช่แค่เรื่องการรักษา แต่คือความปลอดภัย ความมั่นใจ และช่วยให้คณะต่างๆ ทั้งพุทธและมุสลิม มาเยี่ยมให้กำลังใจได้ง่ายขึ้น ลดภาระฝ่ายความมั่นคงในการดูแลความปลอดภัยด้วย”
หลังเสร็จพิธีฌาปนกิจเมื่อวันที่ 27 เมษายน ญาติได้พาสามเณรที่เหลือกลับนครศรีธรรมราช รวมเวลาการดูแลทั้งสิ้น 7 วันเต็ม
ในช่วงเดียวกัน เหตุการณ์ความไม่สงบในชายแดนใต้เกิดขึ้นหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เป็นสัญญาณเตือนว่าความหวังสันติภาพยังริบหรี่ ขณะที่การเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยและกลุ่ม BRN ถูกวิจารณ์ว่าไร้ความจริงใจ เป็นเพียง “ละครฉากเล็ก” ที่ไม่สามารถยุติความสูญเสียได้
นพ.สุภัทร ยังแสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า “คำถามใหญ่คือ เรามีวิธีการอื่นอีกหรือที่จะยุติความรุนแรง คงมีเพียงการเจรจาที่จริงจังและจริงใจเท่านั้น และต้องคุยกับกลุ่มที่ถูกต้อง คุยอย่างต่อเนื่อง จึงจะมีโอกาสเห็นสันติภาพนำชายแดนใต้กลับสู่ความสงบสุข”
ประชาชนจำนวนมากคาดหวังว่ารัฐบาลปัจจุบันจะเป็นผู้สร้างสันติภาพในรอบ 21 ปีของไฟใต้ให้สำเร็จ ไม่ใช่ทอดภาระให้รัฐบาลหน้าอีกต่อไป…///