สระแก้ว – เจ้าหน้าที่จับกุม 2 คนไทยลักลอบเข้าเมือง อ้างถูกหลอกไปทำงานแก๊งคอลฯฝั่งกัมพูชา และพากันหลบหนีออกมา ซึ่้งพบหนึ่งในนั้นหนีหมายจับศาล จ.สุโขทัย
เมื่อวันที่ 7 เม.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ 1201 ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 โดยมี ร.ท.สาโรจน์ โยธา ผบ.ร้อย ทพ.1201 ได้จัดกำลังพล ร่วมกับ ตม.จว.สระแก้ว และตำรวจ สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว สนธิกำลังร่วมกันออกลาดตระเวนเข้มป้องกันและสกัดกั้นขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลักลอบเข้า-ออก โดยผิดกฎหมายตามช่องทางธรรมชาติ ซึ่งตรวจพบมีคนไทยลักลอบข้ามแดนบริเวณระหว่างจุดตรวจ จต.อ.12 ถึง จต.อ.13 พื้นที่ บ.ดงงู ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งพบว่า มีการลักลอบข้ามแดน ซึ่งขณะทำการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ ได้ตรวจพบบุคคลต้องสงสัย จำนวน 2 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 1 คน ขณะกำลังเดินเท้าอยู่บริเวณแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย ทหารพรานจึงได้ทำการเข้าตรวจสอบทราบว่า เป็นชาวไทย ไม่พบหนังสือเดินทาง (Passport)

โดยชาวไทยดังกล่าว ได้เดินทางกลับมาจากการโดนหลอกให้ไปทำงานเป็นแอดมินเว็บพนันที่กรุงปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย ลักลอบเข้ามายังประเทศไทย เพื่อกลับภูมิลำเนาที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยขณะจับกุม ไม่พบผู้นำพา เจ้าหน้าที่่ทหารพรานกองร้อย ทพ.1201 จึงได้นำตัวชาวไทยดังกล่าวมาตรวจสอบเพิ่มเติมที่ทำการกองร้อย ทพ.1201 มีรายละเอียดดังนี้ ชาวไทยเดินทางมาจากประเทศกัมพูชา เดินทางเข้าประเทศไทยเพื่อกลับภูมิลำเนา จำนวน 2 คน ประกอบด้วย 1.นายธนากร พิมลนอก อายุ 21 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 96 ม.5 ต.บ่อไทย อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ และ 2.น.ส.น้ำค้าง สมจิตร์ อายุ 29 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 208 ม.1 ต.หนองหิน อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์
ทั้งนี้ จากการสอบถาม นายธนากรฯ และ น.ส.น้ำค้างฯ ให้การว่า ตนเองทั้ง 2 คนเป็นแฟนกันพักอาศัยอยู่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ต่อมา ได้มีบุคคลใช้แอปพลิเคชันเมสเซนเจอร์เฟสบุ๊คทักเขามาหาตน ชักชวนไปทำงานเป็นแอดมินเว็บพนันที่ กรุงปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา โดยกล่าวอ้างว่า เป็นงานสบาย รายได้เดือนละ 30,000 บาท มีห้องพักและอาหารเลี้ยงฟรี ส่วนค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาทำงานทางเว็บเป็นฝ่ายออกให้ทั้งหมด ซึ่งตนเองทั้ง 2 คน ได้ตอบตกลงที่จะเดินทางไปทำงานด้วยและคุยรายละเอียดการเดินทางมาทำงานด้วย
โดยเมื่อวันที่ 5 เม.ย.68 เวลาประมาณ 24.00 น.ได้มีชายขับรถยนต์รับจ้างของแอฟพลิชั่นแก๊ป ซึ่งทางเว็บที่ทำงานจ้างให้ไปรับพวกตนทั้่ง 2 คน จากที่พักอาศัยที่ จ.พระนครศรีอยุธยา มาส่งยังบริเวณห้างบิ๊กซี ตลาดโรงเกลือ ถึงเวลาประมาณ 04.00 จากนั้นตนทั้ง 2 คน ได้นั่งพักค่อยอยู่บริเวณด้านหน้าห้างบิ๊กซี ประมาณ 30 นาที ต่อมาได้มีชายชาวกัมพูชา จำนวน 5 คน เดินเท้ามารับตนทั้ง 2 คน เดินลักลอบบริเวณช่องทางธรรมชาติข้ามไปส่งที่ทำงานฝั่งประเทศกัมพูชา ซึ่งที่ทำงานเป็นตึก 5 ชั้น มีกำแพงล้อมรอบมิดชิด มีเจ้าหน้าที่ รปภ.เฝ้าทางเข้า-ออก ตลอด 24 ชั่วโมง

นายธนากรฯ และ น.ส.น้ำค้างฯ เล่าว่า เมื่อไปถึงได้มีชาย จำนวน 4 คน เดินมารับตนเองทั้ง 2 คน และทำการยึดโทรศัพท์มือถือของตนเองไป ส่วนสมุดบัญชีและบัตรประจำตัวประชาชนตนทั้ง 2 คน ได้โกหกว่า ไม่ได้นำมาด้วย ซึ่งตนเองได้ทราบแล้วว่า ถูกหลอกมาทำงานเกี่ยวกับแก็งคอลเซนเตอร์ แต่ไม่กล้าหลบหนีกลัวถูกจับได้ และถูกทำร้ายร่างกาย จากนั้นชายทั้ง 4 คน ได้นำตนเองทั้ง 2 คน ไปกักขังไว้ในห้องพักเป็นเวลา 1 คืน ต่อมา เมื่อวันที่ 6 เม.ย.68 เวลาประมาณ 12.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ปลดล็อกห้องที่ขังตนเองทั้ง 2 คนไว้ เพื่อให้ไปตักอาหารเที่ยงมารับประทาน ตนเองทั้ง 2 คนได้ใช้จังหวะเวลาที่ไปตักอาหารหลบหนีจากตึกที่ทำงานออกมา และสอบถามเส้นทางจากชาวบ้านชาวกัมพูชาในพื้นที่ เดินข้ามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย เข้ามายังประเทศไทย จนกระทั่ง ได้ถูกเจ้าหน้าที่ทหารพรานตรวจพบและถูกจับกุม ในขณะจับกุมไม่พบผู้นำพา
อย่างไรก็ตาม หลังนำตัวไปสอบสวนและทำบันทึกจับกุม เจ้าหน้าที่ทหารพรานกองร้อย ทพ.1201 ได้นำผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองลึก เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งทาง สภ.คลองลึก โดย พ.ต.อ.ภัทรกร ขาวนวล ผกก.สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว ได้ตรวจสอบประวัติของ นายธนากรฯ พบว่า เป็นผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับศาลจังหวัดสุโขทัย ที่ จ.326/2567 ลงวันที่ 5 ธ.ค.67 กระทำผิดฐาน \”ร่วมกันฉ้อโกงผู้อื่น ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมฯหรือข้อมูลเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง\” ซึ่งนายธนากรฯ ยอมรับสารภาพว่า เป็นบุคคลตามหมายจับจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองลึก จึงประสานไปยัง สภ.เมืองสุโขทัย ให้มารับตัวนายธนากรฯ ไปดำเนินคดีตามหมายจับต่อไป

—————————
ภาพ/กกล.บูรพา