วันเสาร์ที่ 26 เม.ย.68 เวลา 09.00 น.ณ โรงแรม พัก พิง อิง โขง ดร วิทยา อินาลา หัวหน้าพรรค \”ไทยพร้อม\”เป็นประธานที่ประชุม นายสุรพจน์ เพชรกรรพุม
รองหัวหน้าพรรค พลเอกอภิชัย พิณสายแก้ว รองหัวหน้าพรรค พ.ต.ต.ธวัชชัย อินาลา เลขาธิการพรรค นายพงษ์ศักดิ์ พนาจันทร์ นายทะเบียน นายกษิดิ์เดช ทักษเศรณี โฆษกพรรค นายนคร ยิ้มศิริวัฒนะ กรรมการบริหารพรรค นายพีระพงษ์ มีขันทอง กรรมการบริหารพรรค นางปรียาพร ปรุงฆ้อง ผู้ช่วยนายทะเบียพรรค นายณัฐวัตร ทักษเศรณี ผู้ช่วยนายทะเบียน พร้อมตัวแทนสาขาพรรค และสมาชิกกว่า 300 คน ร่วมประชุม มีเจ้าหน้าที่ กกต.ร่วมสังเกตุการณ์
ดร.วิทยา อินาลา หัวหน้าพรรค กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1 ประจำปี 2568 แจ้งการเปลี่ยนแปลงผู้มีอำนาจ เบิก-ถอน เงิน ชื่อบัญชี \”พรรคไทยพร้อม\” (กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง) ธนาคารกรุงไทย สาขานครพนม คณะกรรมการบริหารไม่มีการเปลี่ยนแปลง พรรคไทยพร้อม พร้อมให้ความเหลือสมาขิก จะพัฒนาเครือข่ายการสื่อสารภายในพรรค เพื่อให้สมาชิกเข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร และนโยบายต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว จัดอบรมพัฒนาศักยภาพสมาชิก ให้มีความรู้ในด้านการเมือง การบริหารจัดการ และทักษะการทำงานร่วมกับประชาชน ทั้งช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์ จัดตั้งศูนย์ประสานสมาชิก ในแต่ละเขต เพื่อให้ความช่วยเหลือ และรับฟังปัญหาของสมาชิกอย่างใกล้ชิด
การพัฒนาบ้านเมือง ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก โดยสนับสนุนโครงการชุมชนเข้มแข็ง การพัฒนาเกษตรกรรมสมัยใหม่ และการส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็ก พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งด้านคมนาคม การสื่อสาร และพลังงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำรงชีวิต และสร้างโอกาสทางเศรษกิจ การขับเคลื่อนนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การลดขยะพลาสติก การปลูกป่า และการสนับสนุนพลังานสะอาด การยกระดับการศึกษาและสุขภาพ โดยเน้นการเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำในระบบการศึกษาและ สาธารณสุข
ส่วนสนามเลือกตั้งท้องถิ่นในามพรรค ดร.วิทยา กล่าวว่า ยังไม่ได้สนับสนุน ปล่อยให้เป็นการเมืองในระดับท้องถิ่น ส่วนสนามใหญ่ เลือกตั้ง ส.ส.ในปี 70 พรรคไทยพร้อม พร้อมส่งผู้สมัครทั่วประเทศในนามพรรค \”ไทยพร้อม\”
หลังประชุมเสร็จ ดร.วิทยา ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ว่าเลือกคนลักษณะใดมาเป็นนักการ ดร.วิทยา กล่าวว่า จริงๆแล้วประเทศไทยเรามีคนเก่งคนดี คนดี คนมีความสามารถคนมีคุณธรรมเยอะ แต่ไม่มีโอกาสเข้ามาสู่การเป็นนักการเมือง คือเป็น สส.เป็นสว.หรือเป็นนักนายกรัฐมนตรีหรือเป็นคณะรัฐมนตรีสาเหตุ เพราะเราเลือกตามบ้านใหญ่ จะไปงานศพ งานแต่งงานบวชบ้านใญ่ไป แต่พอได้เป็น สส.เป็นรัฐมนตรีแล้ว ไม่ได้เอาประโยชน์กลับประเทศชาติ บ้านใหญ่เป็นสังคมแคบๆอยู่ในอำเภอ อยู่ในจังหวัดนั้น ไม่ได้เป็นทั้งโลกเพราะฉะนั้น คนที่จะบริหารประเทศจริงๆแล้วโลกคือใบเดียวกัน ต้องเอาคนที่รู้ รู้ทันโลก รู้การเมือง เรื่องของเศรษฐกิจ หรือเรื่องอื่นๆ มันต้องไปทั้งโลกหมด เพราะฉะนั้นถ้าคนบ้านใหญ่ เป็นคนแบบนี้ก็เห็นดีด้วย แต่ส่วนใหญ่ บ้านใหญ่ที่บ้านที่บ้านเรา ไม่มีคุณสมบัติเพรียบพร้อมแบบนี้ เพราะฉะนั้นทำให้บ้านเมืองเราบริการแบบนี้มาโดยตลอด
เรื่องการแก้ปัญหาปากท้องหรือว่าแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชนคือจริงๆแล้วถือว่าเป็นสิ่งดี ถ้าไม่มีตังค์แล้วไปกู้มา 100 บาทสร้างเป็นล้านบาทอย่างนี้หรือสร้างเป็นหลายพันล้านบาท ผมถือว่าเป็นสิ่งที่ดีแล้วคนส่วนใหญ่ คนในประเทศไทยส่วนใหญ่ หรือนักธุรกิจที่ไม่มีตังค์ก็ไปใช้เครดิตกู้หนี้จากสถาบันการเงินมาทำธุรกิแต่คนทุกวันนี้ กู้หนี้มาเพื่อมาใช้ไม่ได้สร้างมูลค่าจากฐานะของตัวเองจึงเป็นหนี้ครัวเรือนเยอะ
การกู้หนี้ครัวเรือน หลาย ๆ รัฐบาลอยากจะหนี้แต่ไม่เคยทำเลย ก็มีรัฐบาลชุดนี้ที่มีแนวคิดนี้จะซื้อหนี้แต่ละคนไม่เกิน 100,000 บาท มาแก้หนี้กันซึ่งมีประมาณ 3.5 ล้านคน คิดว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ทำยังไงให้มันยั่งยืน อย่างเช่น พรรคไทยพร้อม เราบอกว่า \”ปลดหนี้ประชาชน ปลดหนี้ประเทศไทย\” โดยเอาต้นไม้กลายเป็นเงิน ต้นไม้ที่ให้ผลผลิตทางด้านเศรษฐกิจอย่างเช่น ยางพาราทุเรียน เงาะ ลิ้นจี่ ลำใย หรืออื่น ๆ เอาตรงนี้เป็นหลักค้ำประกัน คิดว่าอีกกี่ปี หรือ 20 ปีข้างหน้าที่ออกผลผลิตมา กิโลเท่าไหร่คิดกลับไปกลับมาตั้งเป็นกองทุนตรงนี้ เป็นบริษัทจังหวัด หรือบริษัทในอำเภอ แล้วทำการค้าการขายเอาเด็กรุ่นใหม่เชิญนักธุรกิจ หรือข้าราชการที่เกษียณไปแล้วเป็นที่ปรึกษาขายออนไลน์ ตัดพ่อค้าคนกลางออกตรงนี้เป็นสิ่งที่ยั่งยืน เมื่อมีรายได้ต่อไป ไฟฟ้าซ่อมเอง เป็นเอเย่นขายกันเองทุกอย่างอยู่ในนี้หมด รายได้อยู่ที่นี้หมดเลย แล้วต่อไปนึ้ถ้าเราจะลงทุนซื้อรถยนต์ซื้อ 1 คันกับที่บริษัทที่ซื้อกันเป็นพัน ๆ เป็นหมื่นคันราคามันจะต่างกันเพราะฉะนั้นนโยบายของพรรคไทยพร้อมก็คือเรื่องของต้นไม้กลายเป็นเงินเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อต้นไม้กลายเป็นเงินเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เมื่อต้นไม้กลายเป็นเงิน
ต้นไม้มันกินคาร์บอนไดออกไซด์แล้วก็ปล่อยออกซิเจนออกมาก็ทำให้อากาศบริสุทธิ์ คน สิ่งมีชีวิต สัตว์ใช้ในการหายใจ เพราะฉะนั้นตรงนี้เราก็จะขายคาร์บอนไดออกไซด์ด้วย ซึ่งคาร์บอนเป็นเทรนโลก ขายคาร์บอน เรียกว่า \”คาร์บอนเครดิต\” จะกี่เมตริกตัน ขายคาร์บอน เมตริกตันกี่บาท แทนที่จะขายเมืองไทย ขายต่างประเทศได้ไหม อย่างนี้ประเทศไทยต้องเอาตรงนี้เพื่อทำให้มันยั่งยืน แล้วเราจะแก้หนี้ประชาชนแก้หนี้ประเทศไทยและแก้ความเหลื่อมล้ำด้วย
ดร.วิทยา ยังกล่าวต่อว่า ประเทศไทยขณะนี้เริ่มมีแล้ว
องค์การก๊าซเรือนกระจกก็มีอยู่ภายใต้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแต่ว่าเรายังไม่ทำจริงๆจังๆ แต่ยุโรป สภาพยุโรปตอนนี้เขาทำเป็นจริงๆจังๆ หรือ CBAM” คือ มาตรการปรับคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดน (Carbon Border Adjustment) ไปในยุโรป หรือประเทศอื่นๆที่เข้าไปขายในยุโรป ถ้าไม่มีเรื่องของคาร์บอน เครดิต จะต้องเสียภาษี เพิ่มขึ้น ต้นทุนสินค้าจะสูงขึ้น เมื่อสูงขึ้นการแข่งขันอาจสู้ไม่ได้เพราะที่อื่นเขามีคาร์บอนซึ่งต้นทุนเขาถูกกว่า เพราะฉะนั้นจึงเสียเปรียบ การค้า
คาร์บอน เครดิต เป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนา อย่างที่บอก ต้นไม้ คือสินทรัพย์ พอได้สินทรัพย์ ต้นไม้ที่เรามีอย่างเช่นยางพารา 1 ต้นสูงเท่าไหร่ มีใบไม้เท่าไหร่ เราสามารถคำนวนว่า กินคาร์บอนไดออกไซด์เท่าไหร่สามารถกลับไปขาย คาร์บอน เครดิตได้ นี่คือนโยบาย พรรคไทยพร้อม ที่เคยหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 66