ทนายความ \” นายกอาม \” ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองพัทลุง จัดแถลงข่าวยืนยันความบริสุทธิ์ของลูกความ
ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ตามที่กลุ่มการเมืองท้องถิ่นในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง ได้ยื่นใบสมัครลงเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองพัทลุง และสมาชิกสภาเทศบาลเมืองพัทลุง จำนวน 4 กลุ่ม ประกอบด้วย นายสุเมธ บุญยก อดีตนายกเทศมนตรีเมืองพัทลุง หัวหน้ากลุ่มรักษ์เมืองลุง เบอร์ 1 นายภัสกร ช่วยวงศ์ หน.กลุ่มร่วมพัฒนา อดีตข้าราชการครู เบอร์ 2 และ นางสาววาสนา ชุมทองมา หน.กลุ่มเมืองลุงพลังใหม่ อดีตเลขานายกเทศมนตรีเมืองพัทลุง เบอร์ 3 และนายไกรวัฒน์ ธรรมเพชร หน.กลุ่มเมืองลุงก้าวหน้า อดีตนายกเทศมนตรีตำบลเขาเจียก เบอร์ 4
อย่างไรก็ตามล่าสุดเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภาค 9 ได้เผยแพร่ข่าวมติคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ โดยชี้มูล 5 คดี ที่เจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ประกอบด้วย จังหวัดตรัง จ.นราธิวาส จ.ปัตตานี จ.พัทลุง และ จ.ยะลา
ในส่วนของจังหวัดพัทลุงนั้นทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ได้มีมติชี้มูลความผิด นายไกรวัฒน์ ธรรมเพชร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลเขาเจียก อ.เมืองพัทลุง จ.พัทลุง กับพวก รวม 8 ราย กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีจัดเก็บและนำส่งค่าธรรมเนียมเก็บและขนขยะมูลฝอย ตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2554 ถึงเดือน ตุลาคม 2564 ไม่เป็นไปตามระเบียบของทางราชการจนเป็นเหตุให้เทศบาลตำบลเขาเจียกได้รับความเสียหาย จำนวน 4,212,800 บาท
ต่อมาในวันนี้(ที่ 1) ที่ศูนย์เลือกตั้งของกลุ่มเมืองลุงก้าวหน้า ริมถนนสายพัทลุง-ลำปำ นายภิญโญ ขวัญเซ่ง ทนายความของนายไกรวัฒน์ฯ ได้แถลงข่าวในเรื่องอื้อฉาวดังกล่าว โดยมีใจความสรุปได้ว่า เหตุของข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2565 แต่มาเป็นข่าวในช่วงการหาเสียงการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองพัทลุง ตนซึ่งเคยเป็นนายกเทศมนตรีมาก่อนจึงย่อมรู้ดีถึงบริษทในเรื่องดังกล่าว สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นต้องแยกเป็น 2 ประเด็น คือ ประเด็นที่ 1 นายไกรวัฒน์ไม่ได้โกง ไม่ได้ทุจริต ส่วนประเด็นที่ 2 นายไกรวัฒน์ยังมีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากคดีดังกล่าว ป.ป.ช.เพิ่งชี้มูลความผิด การดำเนินคดีดังกล่าวยังมีอีกหลายขั้นตอน สำหรับนายไกรวัฒน์ที่ถูกชี้มูลความผิดตามมาตรา 157 คือการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามกระบวนการกฎหมายอาญา ซึ่งกล่าวหาว่านายไกรวัฒน์ไม่ได้ดำเนินการตามกฎหมายที่เจ้าพนักงาน 2 คน ที่ไปเก็บค่าขยะแต่ไม่ส่งเงินเข้าคลัง แต่หลังจากที่นายไกรวัฒน์ทราบเรื่องก็ได้แจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงาน 2 คนไปแล้ว ดังนั้น นายไกรวัฒน์ฯจึงไม่ได้มีเจตนาในการกระทำความผิดตามที่ ป.ป.ช.ชี้มูล เพราะไม่รู้ เมื่อได้รับการรายงานจากปลัดเทศบาลฯ ก็เข้าแจ้งความโดยทันที
นายภิญโญ กล่าวอีกว่า การที่ สตง.เข้ามาตรวจด้านการเงิน บัญชี แต่ไม่พบการทุจริตเนื่องจากผู้ยักยอกเงินค่าเก็บขยะปกปิดเรื่องนั้น การปฏิบัติของคนด้านบนจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มิใช่เป็นเรื่องการทุจริต คนทุจริตคือคนด้านล่าง และเมื่อเป็นคดีอาญาเดียวกันก็ต้องชี้มูลความผิดรวมกันไป แต่เมื่ออ่านข่าวของ ป.ป.ช.ที่เผยแพร่ทางโซเซียลทำให้เข้าใจว่านายไกรวัฒน์ฯพร้อมพวก 8 คน ฉ้อโกงค่าเก็บขยะกว่า 4 ล้านบาทเศษ และเมื่อดูในรายละเอียดของข่าวดังกล่าวมันมิใช่ ในส่วนของมาตรา 157 ตามประมวลกฎหมายอาญาก็ต้องดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม เพราะประมวลกฎหมายอาญานั้นการกระทำความผิดต้องมีเจตนา การกระทำที่รู้ในการกระทำและเล็งเห็นต่อไป
*******เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายไกรวัฒน์ฯแจ้งความเอาผิดกับ จนท. 2 ราย ทำไมนายไกรวัฒน์ฯจึงถูกแจ้งข้อหาตามมาตรา 157 และมั่นในแค่ไหนว่าลูกความจะพ้นอกล่าวหา นายภิญโญฯ กล่าวว่า ทาง ป.ป.ช.มีสิทธิ์ที่จะตั้งข้อกล่าวหา วินิจฉัยได้ว่านายไกรวัฒน์ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่บริบทของนายกเทศมนตรีนั้นคงไม่สามารถดูแลในด้านความสะอาดเหมือนภารโรงได้ ป.ป.ช.จึงยังไม่สรุปได้ว่านายไกรวัฒน์ฯจะเป็นผู้กระทำความผิดหรือไม่ ซึ่งเราจะชี้ให้เห็นว่าเราไม่มีเจตนาในการละเว้นต่อการปฏิบัติหน้าที่แต่อย่างใด ส่วนแนวทางต่อสู้คดีมีมากมายและจะสามารถหลุดรอดคดีไปได้ เพราะขนาด สตง.ก็ยังไม่พบการทุจริตริตด้านการเงิน บัญชี แล้วนายกเทศมนตรีฯ จะไปทราบได้อย่างไร แต่เมื่อทราบแล้วก็เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนโดยทันที
นายภิญโญ กล่าวอีกว่า เพื่อมิให้ประชาชนเข้าใจผิดตนขอยืนยันว่านายไกรวัฒน์ยังเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีอย่างเต็มภาคภูมิ พี้น้องประชาชนยังเลือกตั้งนายไกรวัฒน์ หมายเลข 4 เป็นนายกเทศมนตรีเมืองพัทลุงได้เหมือนเดิม โดย กกต.พัทลุงได้รับรองไปเรียบร้อบแล้ว ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช.นั้นได้ดำเนินการหลังจากที่นายไกรวัฒน์เข้าแจ้งความเอาผิดกับพนักงานทั้ง 2 คน เนื่องจากทางพนักงานสอบสวนแจ้งให้ทราบตามกระบวนการตามกฎหมาย ซึ่งการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้นมิใช่เป็นการทุจริตแต่อย่างใด และเจ้าหน้าที่ 2 รายที่ทุจริต คดโกงเงินค่าเก็บขยะนั้นได้มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่และชดใช้เงินที่ทุจริตไปแล้ว