ราชบุรี สำหรับในพื้นที่อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เป็นอีกอำเภอที่มีการปลูกอ้อย และการเลี้ยงวัว และที่ผ่านมามักจะมีการเผาไร่อ้อย หรือพวกที่มาตีผึ้ง ทิ้งก้นบุหรี่ และทางเจ้าของไร่อ้อยจะจุดไฟเผาที่ตออ้อย เผาหญ้าทำให้เกิดปัญหาหมอกควัน บางบ้านที่เลี้ยงวัวและมักจะใช้หญ้าแห้งหรือขยะ จุดไฟเพื่อให้เกิดควันเพื่อไม่ให้ยุงมากัดวัวตนเอง ซึ่งกลุ่มควันจะไปสร้างความรำคาญให้กับเพื่อนบ้าน และเป็นอันตรายกับทางเดินหายใจ ซึ่งมีความผิดตามกฏหมาย ทางอำเภอโพธารามจีงจัดทำ การรณรงค์ประชาสัมพัมพันธ์ การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละออง ซึ่งในพื้นที่อำเภอโพธารามยังขึ้นตัวส้มอยู่ โดยมอบหมายให้ทางเทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในแต่ละพื้นที่ เข้าไปเคาะประตูบ้านประชาสัมพันธ์ดำเนินการตามมาตรการ พร้อมทั้งยกระดับมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ตามมาตรการต่างๆ ของจังหวัดราชบุรีและรัฐบาล พร้อมทั้งคุมเข้มการเผาในพื้นที่เกษตร บังคับใช้กฎหมายให้คำแนะนำกับเกษตรกร ประชาชน พร้อมทั้งได้ดูแลประชาชน รวมทั้ง ทำการฉีดน้ำล้างถนน และเครือข่ายทั้งหมดช่วยกันประชาสัมพันธ์รณรงค์สร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชน เรื่อง “ห้ามเผา” ให้มากที่สุด พร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง หากพบผู้ฝ่าฝืนจะดำเนินคดีกฎหมายเด็ดขาด
ทางอำเภอโพธารามจึงได้แนวคิดให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมโดยการประกาศตั้งรางวัลนำจับกรณีมีการแอบเผาไร่อ้อย ให้ประชาชนแจ้งเบาะแสมาพร้อมหลักฐาน จนสามารถนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดเผาไร่อ้อย ก็จะได้รางวัลนำจับจำนวน 20,000 บาท โดยทางอำเภอจะปกปิดคนที่แจ้งเบาะแสไว้เป็นความลับ ซึ่งการแจ้งเบาะแสนั้นให้แจ้งโดยตรงกับนายศุภชัย ครุฑดำ นายอำเภอโพธาราม 081-8674131 ตั้งแต่บัดนี้จนถึง31มีนาคม2568
ด้านนายศุภชัย ครุฑดำ นายอำเภอโพธารามกล่าวว่าปัจจุบันปัญหาฝุ่นละออง PM2.5ของอำเภอโพธาราม ซึ่งช่วงนี้ก็อยู่ระดับสีส้ม จะอยู่ในช่วงระดับมีผลต่อสุขภาพ ทั้งนี้พี่น้องประชาชนชาวอำเภอโพธาราม ถ้าทำงานหรือมีกิจกรรมการแจ้ง ช่วงนี้ก็ควรงด หรือว่าถ้าออกไปข้างนอกก็ควรสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อเป็นการป้องกัน โพธารามเรายังไม่ถึงขั้นวิกฤต แค่เริ่มมีผลต่อสุขภาพ ซึ่งโรงพยาบาลโพธารามนั้นได้มีห้องปลอดฝุ่นไว้บริการจำนวน 2 ห้องซึ่งสามารถรองรับคนที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพได้8คน ส่วนสาเหตุที่มีฝุ่นPM2.5 น่าจะเกิดจากการเผา สำหรับอำเภอโพธารามนั้นจะมีพื้นที่ทางการเกษตรเกี่ยวกับไร่อ้อย 3ตำบลก็คือตำบลเขาชงุ้ม ตำบลหนองกวาง และตำบลธรรมเสนและยังมีพื้นที่ตำบลเจ็ดเสมียนอีกบางส่วน ซึ่งได้ไปพูดคุยกับเกษตรกรชาวไร่อ้อย ก็ทราบว่าเจ้าของไร่อ้อยเขาไม่ต้องการให้อ้อยถูกเผา เพราะคนงานจะตัดยาก และพอส่งเข้าโรงงานก็จะถูกหักค่าเผาอีกตันละ30บาท เพราะฉะนั้นเจ้าของไร่อ้อยจะไม่อยากให้เผา ซึ่งผมเองก็ให้เขาได้แสดงความบริสุทธิ์ใจโดยการให้เขาไปลงบันทึกประจำวันว่ามีผู้ไม่หวังดีได้แอบเผาไร่อ้อยตน จึงอยากจะให้พี่น้องชาวโพธาราม ช่วยกันสอดส่องกับบุคคลที่ไม่หวังดี หรือคึกคนอง หรือกลุ่มคนที่เข้ามาตีรังผึ้งในป่าอ้อยและจุดไฟเผาไร่อ้อยซึ่งก่อให้เกิดกลุ่มคสันPM2.5 และเราได้ตั้งรางวัลแจ้งเบาะแส จนสามารถไปจับกุมผู้กระทำความผิดจนดำเนินคดีได้เราก็จะให้รางวัลคนละ20000 บาท ในส่วนเจ้าของไร่อ้อยจะเผานั้นก็จะเป็นตอนที่3หลังจากตัดอ้อยเสร็จแล้วจะมีตออ้อยและจะเผาตออ้อยเพื่อที่จะปลูกอ้อยใหม่ ตอนนี้ก็ขอความร่วมมือให้งดเผา สำหรับตออ้อยให้ใช้วีธีการถอนหรือดึงออกมาเรียงข้างไร่และใช้วีธีกำจัดโดยใช้ธรรมชาติไปก่อน สำหรับผู้ที่กระทำความผิดทางพระราชบัญญัติป้องกันและสาธารณะภัยปรับไม่เกิน2000บาท หรือว่าเป็นโทษทางพรบ.สาธารณะสุขจะมีโทษเผา คือก่อเหตุรำคาญ หากมีเจ้าหน้าที่เข้าไปแจ้งเตือนแล้วและยังกระทำความผิดอีกจะมีโทษจำคุกไม่เกิน3เดือนปรับไม่เกิน25000 บาทและกรณีเป็นการเผาไร่อ้อยนะครับถือว่าเป็นการเผาทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือว่าอาจจะเกิดอันตรายให้แก่บุคคลอื่น ก็จะมีโทษหนักตามกระบวนการทางกฏหมายอาญา มารตรา220 โทษคือจำคุกไม่เกิน7ปี และปรับไม่เกิน140,000 บาท จึงอยากจะฝากเตือน และเชิญชวนประชาสัมพันธ์ ขอความร่วมมือพอแม่พี่น้องช่วยกันรณรงค์งดเผา ในทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่โล่งแจ้ง การเผาขยะหรือเผาพื้นที่ทางการเกษตร