ราชบุรี จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Happy Everytime ได้โพสต์เล่าเรื่องราว สวัสดีค่ะ ยาวหน่อยนะคะ หนูมีเรื่องทุขใจอยากรบกวนสอบถามเรื่องข้อกฏหมายจากผู้มีความรู้ค่ะ สืบเนื่องมาจาก วันอาทิตย์ที่ 23 มี.ค. ที่ผ่านมา เหตุการณ์คือ หนูได้โดนเพื่อนชายพยายามข่มขืน เช้ามืดวันเดียวกัน เวลา 03:30 น. หนูได้รู้สึกตัว เหมือนมีอะไรบางอย่างมาลูบคลำที่หน้าอก จึงสะดุ้งตื่นจากนั้นเพื่อนชายได้พยายามนอนทับตัวเข้ามากอดรัด ดึงเสื้อชั้นในออก และพยายามถอดกางเกงนอนหนูลง หนูจึงได้บอกไปว่าหนูเป็นประจำเดือน เพื่อนชายบอกเป็นประจำเดือนแล้วขอมีอะไรไม่ได้หรอ หนูบอกว่าไม่ได้ พร้อมผลักเขาออก เพื่อนชายแสดงอาการไม่พอใจเดินออกจากห้องไป และได้ทำการชักปืนขึ้นลำ ยิงแบบไม่มีกระสุนปืน อยู่ 10-20 ครั้ง ร่วมๆ ครึ่งชั่วโมง ช่วงเวลานั้น หนูรู้สึกหวาดกลัวและตกใจเป็นอย่างมาก จึงอัดวิดีโอไว้ป้องกันตัว ในความมืด ดังคลิปแรก จากนั้นไม่กี่นาทีต่อมา เขาได้ทำการสับคัทเอ้าท์ภายในบ้าน ให้มืดลง เสียงเงียบสงัดไม่ได้ยินแม้แต่เสียงแอร์ และได้ทำการชักปืนขึ้นลำยิงทิ้งอีกหลายครั้งเพื่อให้หนูได้ยินแน่ชัดว่าเค้ากำลังทำอะไรอยู่ และอีกไม่กี่นาทีต่อมา เค้าสับคัทเอ้าท์แอร์ติดขึ้น และเปิดประตูเดินเข้ามาพร้อมปืน พยายามขอยืมเงินหนู 1,500 โดยถืออาวุธปืนข่มขู่ไว้ด้านหลัง หนูรู้สึกกลัว จึงได้บอกไปว่าเดี๋ยวจะติดต่อพี่สาวให้โอนเงินมาให้ตามจำนวนดังกล่าว หลังจากนั้น เค้าบอกไม่เอาแล้ว พร้อมเปิดไฟในห้องนอน เพื่อให้หนูเห็นว่าเค้าถือปืนอยู่
จากนั้นเค้าบอกไม่เอาเงินแล้ว ไม่เอาอะไรเลย และไม่ต้องติดต่อพี่สาว หลังจากนั้นเค้าสังเกตุเห็นได้ว่าหนูกำลังถ่ายคลิปวีดีโออยู่ เขาจึงเดินเอาปืนไปวางแอบไว้ที่พื้นของมุมห้อง และเข้ามาแย่งโทรศัพท์ บังคับให้หนูลบคลิป หนูจึงบอกว่า ขอเก็บของให้เสร็จก่อน แล้วจะทำการลบคลิปให้ ระหว่างเก็บของอยู่นั้น เค้าได้พูดจาข่มขู่ว่า อย่าให้เห็นหน้าอีก และอย่าให้เข้ามาภายในจังหวัดนี้อีก จะไม่รับรองความปลอดภัย ซึ่งหนูได้บันทึกคลิปเสียงไว้อีกเครื่อง ไม่สามารถลงได้นะคะเนื่องจากคลิปเสียงค่อนข้างยาว 30 นาที หลังจากหนูเก็บของเสร็จ ได้รีบขับรถออกมาทันที ไม่ได้ลบคลิป เขาโทรมาบอกว่าให้กลับไปเอาสายชาร์จ หนูจึงบอกว่าไม่เอาแล้ว เค้าก็ถามต่ออีกว่า ทำไมอะ กลัวหรอ หนูบอกว่าใช่ และถ้าเธอไม่สำนึกผิด เราเอาเรื่อง เขาบอกว่า แล้วแต่เธอเลย เราไม่รู้สึกผิด หนูจึงตัดสายทิ้งไป และเขาก็ได้พิมพ์ข้อความส่งมาในแชทไลน์ ท้าทายอีกว่า ” หวังว่าคงไม่ใช่แค่ขู่นะ “
ช่วงสายของวันนั้น (24 มี.ค.)หนูได้เดินทางไปแจ้งความ สภ.หนึ่งในจังหวัด ราชบุรี ซึ่งคู่กรณี เป็น ตำรวจ ยศ ส.ต.ท. สภ.ที่เกิดเหตุนั้นด้วย เมื่อวานนี้ ทางร้อยเวร ได้โทรมาแจ้งว่า เข้า ปอ. มาตรา 392 ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว ซึ่งเข้า พรบ. ไกล่เกลี่ย จึงถามความประสงค์หนูว่า จะไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี หรือไม่ ซึ่งหนูแจ้งว่า จะไม่ไกล่เกลี่ย เนื่องจากว่าการกระทำผิดของคู่กรณี เป็นความผิดที่มีอัตราโทษหนักกว่านี้ ถ้าดูจากคลิป จะเห็นได้ว่า คู่กรณี มีพฤติการ ใช้อาวุธปืน ข่มขู่เพื่อจะเอาเงิน และมีการพยายามข่มขืนหนูด้วยการใช้กำลังประทุษร้าย แต่ จากที่คุยกับร้อยเวร ไม่มีการพูดถึงกรณีที่หนูได้แจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวอยู่ด้วย
ปล. เพื่อไขข้อสงสัยในที่มาที่ไปในการไปพักบ้านเพื่อนชาย แจ้งก่อนนะคะ พอดีเราขับรถไปเกิดอุบัติเหตุมา จึงมีปัญหาภายในครอบครัว ฝ่ายชายทราบดี เพราะหนูได้มีการสอบถามเรื่องอะไหล่รถ มีการพูดคุยก่อนที่ จะไปขอพักอาศัยชั่วคราว โดยบ้านที่ไปพักนั้น เพื่อนชายไม่ได้พักประจำ เนื่องจากอยู่ในระหว่างประกาศโพสขาย และแม่เค้าอยู่บ้านคนเดียวอีกหลัง ส่วนใหญ่ต้องไปนอนเป็นเพื่อนแม่ มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง แต่ที่ถ้าถามไว้ใจได้ไง รู้จักกันมานานหลายปี ทั้งคุยปรึกษาเรื่องแฟน เรื่องเรียนอีกทั้งเพื่อนชายเป็น จนท. ตร. ด้วย ย่อมทราบข้อกฏหมายดี การที่จะมามีอะไรด้วย ต้องมาจากการยินยอมเต็มใจที่จะมีอะไรด้วย ใดๆก็ตาม หากอีกฝ่ายไม่ยินยอมก็ไม่สามารถกระทำได้นะคะ หนูก็หนีร้อนมาพึ่งเย็นค่ะ ส่วนถ้าไปพักหนูยอมรับผิดค่ะ ที่ไม่คิดให้เยอะๆเอง ให้มันเป็นประสบการณ์ชีวิตเตือนตนหนูไปนะคะ ส่วนเรื่องที่หนูติดใจหลักๆเลยคือเรื่อง ใช้อาวุธปืนในการข่มขู่ขอยืมเงิน และอยากได้ความรู้ในเรื่องข้อกฏหมายว่าเข้าข่ายมาตราไหนค่ะ
พร้อมทั้งนำคลิปวีดีโอและเสียงในช่วงที่เกิดเหตุ มาโพสต์ด้วย ซึ่งหลังจากที่โพสต์ข้อความดังกล่าวแล้วทำให้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและแชร์ข้อความดังกล่าวออกไปจำนวนมาก โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 มี.ค.68 ที่ผ่านมาในพื้นที่สภ.บ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี
ซึ่งล่าสุดในวันนี้(28 มี.ค.68 )พล.ต.ต.วชิรพงษ์ อมราพิทักษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ราชบุรี ได้เรียกพนักงานสอบสวนของสภ.บ้านโป่งมาสอบถาม กรณีเหตุที่เกิดขึ้น เบื้องต้นทราบว่ามีเหตุเกิดขึ้นจริงและผู้เสียหายได้มาแจ้งความตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. ที่ผ่านมา และทางตำรวจภูธรจ.ราชบุรี จึงได้สั่งการให้ส.ต.ท.คนดังกล่าวมาปฎิบัติหน้าที่ที่ศปก.บ้านโป่ง แทนงานจราจรเดิมที่เคยปฎิบัติหน้าที่อยู่และให้มารายงานตัวทุกวัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นความผิดส่วนตัว นอกจากนี้ยังได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงที่จะนำไปสู่การดำเนินคดี และจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.วิธิวัฒน์ ศรีทองจ้อย รอง ผบก.ภ.จว.ราชบุรี รับผิดชอบงานสอบสวน เข้าไปควบคุม กำกับ เร่งรัดการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในทุกประเด็น ให้เกิดความบริสุทธิยุติธรรม และมอบหมายให้ พ.ต.อ.สายฟ้า จิราวรรธนสกุล รอง ผบก.ภ.จว.ราชบุรี รับผิดชอบงานจเรตำรวจ เข้าไป ควบคุม กำกับ ดูแล การตรวจสอบข้อเท็จในการดำเนินการทางวินัย ซึ่งในคดีนี้ได้เร่งรัดให้มีการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 วัน ส่วนเรื่องของอาวุธปืนนั้นก็จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ผู้เสียหายให้ข้อมูลว่ามีการใช้อาวุธที่ไม่ได้บรรจุกระสุนยิงจำนวนหลายสิบนัดก็ต้องตรวจสอบว่ามีการยิงจริงหรือไม่หรือแค่ทุบสิ่งของที่มีลักษณะคล้ายเสียงปืนเพื่อให้ผู้เสียหายเกิดความหวาดกลัว และได้สั่งการให้ทางรองผกก.สภ.บ้านโป่ง ได้เข้าไปดูแลและเยียวยาสภาพจิตใจของผู้เสียหายด้วย