ผู้เชี่ยวชาญยูเอ็นเผย “ภาคสาธารณสุขของไทย” ขยายตัวได้ในฐานะผู้นำในสาขานี้

กรุงเทพมหานคร – ที่ โรงแรมเรเนซองส์  เมื่อเร็วๆ นี้ คุณทลาเลง โมโฟเค็ง ผู้เชี่ยวชาญยูเอ็น ในฐานะผู้รายงานพิเศษว่าด้วยสิทธิการมีสุขภาพที่ดี ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสื่อมวลชนถึงภาคสาธารณสุขของประเทศไทย ว่าสามารถขยายตัวได้ ด้วยการนำความได้เปรียบของการเป็นผู้นำในสาขานี้ มาใช้ให้เกิดประโยชน์

          คุณทลาเลง โมโฟเค็ง เป็นผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิของคนทุกคนที่จะมีมาตรฐานด้านสุขภาพกายและจิตใจที่ดีที่สุดที่จะพึงบรรลุได้ (UN Special Rapporteur on the right of everyone to the enjoyment of the highest attainable standard of physical and mental health)ในฐานะที่เป็นประเทศรายได้ปานกลางประเทศแรก ๆ ที่มีระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า ประเทศไทยต้องทำให้เป้าหมายการมีบริการด้านสาธารณสุขที่มีเพียงพอ และเป็นที่ยอมรับได้ เข้าถึงได้ และมีคุณภาพได้มาตรฐาน (availability, acceptability, accessibility and quality) เป็นจริง ครอบคลุมกลุ่มผู้เปราะบางที่สุด

“ประเทศไทยต้องนำหลักการด้านสิทธิมนุษยชนเป็นที่ตั้งของค่านิยมพื้นฐานเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ ขยายภาคสาธารณสุขและการดูแลสุขภาพทางการแพทย์ และนำความได้เปรียบด้านการเป็นผู้นำทางการนวัตกรรมทางด้านวิทยาศาสตร์ และความเชี่ยวชาญทางคลินิกมาใช้ให้เกิดประโยชน์” โมโฟเค็ง กล่าว

โมโฟเค็ง กล่าวถึงความรู้สึกประทับใจกับเครือข่ายอันเข็มแข็งของความร่วมมือร่วมใจของอาสาสมัครชุมชนในระดับฐานรากที่ช่วยจัดการกับการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ความช่วยเหลือสามารถเข้าถึงกลุ่มประชากรต่างๆ

“ดิฉันรู้สึกประทับใจกับความร่วมมือในการประสานงานการคัดกรอง และการส่งต่อผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อ (Non-Communicable Diseases: NDCs ) และอยู่ภายใต้การดูแลแบบประคับประคองได้อย่างรวดเร็ว ระหว่างที่ดิฉันไปเยี่ยมศูนย์ให้บริการสาธารณสุขแห่งหนึ่งระหว่างการมาเยือนประเทศไทย”

นอกจากนี้ การระงับการให้การช่วยเหลือระหว่างประเทศจากประเทศผู้บริจาคหลักประเทศหนึ่ง ยังสร้างผลเสียอย่างมากในทันทีต่อสุขภาพของผู้ลี้ภัยและผู้อื่นในประเทศไทยนั้น คุณโมโฟเค็งได้กล่าวว่า การลดจำนวนเงินทุนส่งผลกระทบอย่างมากต่อการให้บริการสาธารณสุขต่อกลุ่มคนข้ามเพศ ผู้โยกย้ายถิ่นฐาน และชุมชนที่อาศัยอยู่ตามชายแดน

“สิทธิด้านสุขภาพทางเพศและอนามัยเจริญพันธุ์ รวมถึงการดูแลเกี่ยวกับการยุติการตั้งครรภ์ ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง อีกทั้งส่งยังกระทบต่อการเข้าถึงบริการสาธารณสุขของพนักงานบริการทางเพศและผู้ใช้ยาในทำนองเดียวกัน”

ผู้เชี่ยวชาญได้เรียกร้องให้ประเทศไทยริเริ่มการวางโครงสร้างเงินทุนภายประเทศที่ยั่งยืน เพื่อสนับสนุนปัจจัยกำหนดสุขภาพ ระบบสุขภาพ และบริการทางคลินิกสำหรับกลุ่มประชากรชายขอบ ได้แก่ กลุ่มชนเผ่าพื้นเมือง ผู้โยกย้ายถิ่นฐาน ผู้ลี้ภัย ผู้พลัดถิ่น ชุมชนชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์และศาสนา คนพิการ ผู้ถูกจำกัดเสรีภาพ พนักงานบริการทางเพศ ผู้ใช้ยา และผู้มีความหลากหลายทางเพศ

การเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ คุณโมโฟเค็งได้พบปะกับเจ้าหน้าที่รัฐและผู้แทนจากภาคประชาสังคม รวมถึงผู้ให้บริการสาธารณสุขและผู้ให้การดูแล ทั้งนี้ ผู้รายงานพิเศษจะนำเสนอรายงานฉบับเต็มรวมถึงข้อเสนอแนะที่สำคัญต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนในเดือนมิถุนายน 2569

หมายเหตุ : ผู้รายงานพิเศษ เป็นส่วนหนึ่งของ กลไกพิเศษของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน กลไกพิเศษ ประกอบด้วยคณะผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากที่สุดในระบบสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ เป็นชื่อเรียกทั่วไปของกลไกอิสระของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนที่ทำหน้าที่ค้นหาความจริงและติดตามสถานการณ์ เพื่อจัดการกับสถานการณ์ของประเทศใดประเทศหนึ่งหรือประเด็นทางสิทธิมนุษยชนต่างๆ ทั่วโลก เหล่าผู้เชี่ยวชาญในกลไกพิเศษนี้ทำงานโดยสมัครใจ พวกเขาไม่ใช่เจ้าหน้าที่ขององค์การสหประชาชาติ และไม่ได้รับเงินเดือนจากการทำงาน พวกเขาเป็นอิสระจากรัฐบาลหรือองค์กรใด และทำงานในนามของตนเอง